เมื่อเช้าวันใหม่มาเยือน แสงแดดสาดส่องเข้ามาในห้องนอนทำให้สองร่างที่กำลังนอนกอดกันอยู่บนเตียงขนาดใหญ่เริ่มรู้สึกตัว
เปลือกตาของข้าวใหม่ปลามันลืมขึ้นอย่างเกียจคร้าน ก่อนที่ต่างคนต่างเด้งตัวออกจากกันราวกับรังเกียจ หลังจากเห็นว่าตนเองนั้นกำลังอยู่ในอ้อมกอดของอีกฝ่าย
เฟรียารีบโกยผ้าห่มคลุมร่างกายของตนแล้วมองทางสามีด้วยสายตาไม่ไว้วางใจ ส่วนโลแกนก็เอาหมอนขึ้นมากอดเพื่อปกปิดร่างกายของตนเองอย่างระแวงเช่นกัน
เนื่องจากเมื่อคืนเธอกับเขาไม่มีใครยอมนอนบนโซฟาทำให้ต้องนอนบนเตียงเดียวกันอย่างช่วยไม่ได้
“ตาบ้า คุณมากอดฉันทำไม” เธอถามเสียงห้วนขณะที่มองเขาด้วยความระแวง
“คุณต่างหากเล่าที่มากอดผม” เขาเองก็ตอบกลับด้วยน้ำเสียงไม่แตกต่างกัน
“ไม่จริง เห็น ๆ กันอยู่ เมื่อกี้ฉันนอนอยู่ในอ้อมกอดของคุณ”
“แต่สิ่งที่ผมเห็นคือ คุณกอดผมแน่น ขาของคุณเนี่ยมาพาดบนตัวผม”
“ก็... ฉันคิดว่าคุณคือหมอนข้างนี่”
เฟรียาตอบแบบตะกุกตะกักเพราะเธอเอาขาไปพาดบนตัวเขาจริง ๆ ใบหน้างามจึงสลดลงมาเล็กน้อย เมื่อสบตาชายหนุ่มที่กำลังมองอย่างคนไม่เชื่อ โลแกนคิดว่ามันคือข้ออ้างของภรรยาที่อยากกอดเขามากกว่าจึงตอกกลับอย่างคนมีความมั่นใจในเบ้าหน้าอันหล่อเหลา
“หึ ข้ออ้าง คุณอยากกอดผมละสิไม่ว่า คราวหน้าคราวหลังบอกกัน
ดี ๆ ก็ได้ ผมยอมอุทิศตัวให้คุณกอดฟรี ๆ ไม่ต้องมาลักลอบกอดผมตอนหลับแบบนี้หรอก ผมใจกว้างพอ”
“อ๊ายยยยยย ถอนคำพูดเดี๋ยวนี้เลยนะ ฉันไม่มีวันอยากกอดคุณหรอก มีแต่คุณเท่านั้นแหละที่อยากกอดฉัน”
“พูดอะไรแบบนั้น จะอ้วก มองตัวเองในกระจกบ้างเถอะคุณ คนอย่างผมไม่ได้ตาถั่ว”
หญิงสาวเถียงไม่ออกเมื่อได้ยินคำพูดร้าย ๆ จากปากของสามี พลางชี้นิ้วใส่คนที่กำลังเดินลงจากเตียงด้วยความโมโหสุดขีดที่กล้ามาว่าเธอย่างนี้ ก่อนกระโดดลงจากเตียงเพื่อไปขัดขวางโลแกนและชำระความให้หายเจ็บใจ
แต่โชคชะตากลับไม่เข้าข้างเธอเมื่อขาทั้งสองข้างขวิดกันทำให้ล้มลงบนพื้นอย่างหมดสภาพ โลแกนหันมาเห็นพอดีจึงยืนหัวเราะจนท้องคัดท้องแข็งด้วยความสะใจที่ได้เห็นเมียจับกบตั้งแต่เช้า
จากนั้นก็เดินเข้าไปในห้องน้ำหน้าตาเฉยโดยไม่มีใจที่จะช่วยเหลือภรรยาเลยสักนิด เฟรียาเห็นดังนั้นก็ยิ่งโมโห ทั้งเจ็บตัว ทั้งเจ็บใจ แล้วมองประตูห้องน้ำที่ค่อย ๆ ปิดอย่างอาฆาต
งานนี้เธอต้องเอาคืนให้ได้คอยดู
หลังจากแต่งตัวเรียบร้อยโลแกนก็เตรียมลงไปกินข้าวแต่สายตากลับจับจ้องอยู่ที่ภรรยาป้ายแดงซึ่งกำลังก้ม ๆ เงย ๆ ลูบเท้าของตนเองด้วยท่าทางน่าสงสาร ทำให้เขาอดจะตั้งคำถามไม่ได้
อีกอย่างเขาไม่อยากเห็นอะไร ๆ ของเธอโผล่ออกมาด้วย เพราะอาการก้มเงยของหญิงสาวมันทำให้คอเสื้อเปิดกว้างจนดอกบัวตูมทั้งสองข้างโผล่ครึ่งเต้า สร้างความทรมานให้แก่ชายหนุ่มไม่น้อย แม้เขาจะไม่ได้รักเธอแต่ก็เป็นผู้ชาย ได้เห็นของสวย ๆ งาม ๆ มีหรือจะไม่หวั่นไหว
“เป็นอะไร ทำไมลูบเท้าแบบนั้น”
เขาถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบแต่สายตากลับจดจ่ออยู่ที่หน้าอกตูม ๆ ของเมีย ก่อนจะกระแอมเบา ๆ เรียกสติแล้วสนใจที่ขาขาว ๆ นั่นแทน
เฟรียามองไม่เห็นความผิดปกตินี้ เพราะมัวแต่สนใจเท้าที่รู้สึกเจ็บตั้งแต่ล้มลงบนพื้นจึงไม่รู้ว่าตนเองนั้นมีผลต่อความรู้สึกสามีไม่น้อย
“เจ็บเท้าค่ะ ไม่รู้ข้อเท้าแพลงหรือเปล่า”
เธอบอกตามตรงพลางนั่งลงบนเตียงแล้วเอาขาขึ้นมาชันก่อนบีบนวดเบา ๆ ด้วยสีหน้าไม่สู้ดี ทำให้โลแกนต้องชั่งใจว่าจะช่วย หรือจะปล่อยเลยตามเลย แล้วปล่อยให้หญิงสาวช่วยเหลือตัวเอง
“เดี๋ยวผมดูให้เอง เอามือออก” สุดท้ายชายหนุ่มหน้านิ่งก็ทิ้งหญิงสาวไม่ลงจึงเดินเข้าไปดู ก่อนคลำ ๆ บีบ ๆ อย่างคนมีประสบการณ์
“เบา ๆ ค่ะเจ็บ ซี้ด”
“ร้องเป็นเด็ก ๆ ไปได้ เจ็บแค่นี้ไม่ตายหรอก”
“ก็เพราะคุณนั่นแหละฉันถึงเจ็บตัว”
“โทษคนอื่นอีก ไม่เจียมตัวเลย”
“เอาเถอะค่ะ ฉันไม่อยากทะเลาะกับคุณแล้ว คุณช่วยประคองฉันไปส่งห้องน้ำหน่อยได้ไหม ฉันอยากอาบน้ำ เดี๋ยวแด๊ดดี้กับมามี้และพี่น้องของคุณรอกินข้าวอีก”
“ไม่ต้องลงไปก็ได้ เดี๋ยวผมบอกทุกคนเอง”
“ได้ยังไง วันนี้ฉันมาอยู่ที่บ้านของคุณวันแรก ไม่อยากให้ใครเหม็นขี้หน้าหรอกนะ”
“ดื้อ” เขาดุเธออย่างไม่จริงจังนัก ก่อนจะอุ้มขึ้นแนบอกแล้วเดิน
ดุ่ม ๆ ไปยังห้องน้ำท่ามกลางเสียงโวยวายของหญิงสาวที่ตกใจกับความช่วยเหลือจากสามี
เธอแค่ต้องการให้เขาประคองไม่ใช่อุ้มเสียหน่อย ทำแบบนี้มันมากเกินไป
แต่สุดท้ายก็ต้องเงียบเสียงลงเมื่อโลแกนขู่จะปล่อยมือถ้ายังร้องไม่หยุด เสียงโวยวายของหญิงสาวจึงหายไป ก่อนขอบคุณเขาเบา ๆ อย่างไม่ค่อยเต็มใจนักและไล่คนตัวโตให้ออกไปเพราะเธอจะอาบน้ำ
โลแกนจึงพยักหน้ารับแล้วบอกว่าจะรออยู่ข้างนอก ถ้ามีอะไรก็ให้เรียกดัง ๆ ตนเองจะรีบเข้ามาช่วย
จากนั้นก็เดินออกไปราวกับคนมีน้ำใจ แต่จริง ๆ แล้วเขาไม่อยากโดนมารดาบ่นที่ไม่อยู่ดูแลภรรยาต่างหาก
ภายในห้องรับประทานอาหาร ครอบครัวลอเรนส์โซอยู่พร้อมหน้าพร้อมตาพ่อแม่ลูกและมีอาหารวางอยู่เต็มโต๊ะซึ่งเป็นอาหารบำรุงทั้งนั้น เพราะพ่อแม่ของโลแกนอยากเป็นปู่ย่าใจแทบขาด
ก่อนจะคิดว่าความฝันเรื่องหลานใกล้เป็นจริงเสียที เพราะเมื่อคืนลูกชายกับลูกสะใภ้เข้าหอกันแล้ว อีกไม่นานหลานตัวน้อยสองสามคนต้องออกมาให้ตัวเองอุ้มอย่างแน่นอน
“ว้าวววว อาหารเยอะจังเลยค่ะมามี้” สาวน้อยของบ้านเอ่ยบอกมารดาด้วยน้ำเสียงประหลาดใจเมื่อเห็นอาหารละลานตาวางอยู่บนโต๊ะซึ่งต่างไปจากทุกวัน
ฮันนี่คือลูกสาวคนเล็กของตระกูลลอเรนส์โซซึ่งมีอายุน้อยกว่าพี่ ๆ หลายปีเพราะเธอคือลูกหลง แต่ถึงอย่างนั้นหญิงสาวก็สนิทกับพี่ทั้งสองแม้พวกเขาจะเป็นผู้ชายก็ตาม และพี่ชายก็หวงมาก ๆ ด้วย
“แน่นอนค่ะลูก เราต้องบำรุงพี่สะใภ้เยอะ ๆ หลานจะได้มาเกิดเร็ว ๆ ใช่ไหมคะแด๊ดดี้”
“ใช่แล้วมามี้” สามีรับคำของภรรยาอย่างเห็นด้วย ก่อนใบหน้าจะหงิกหน้างอเพราะลูกชายคนกลาง
“ฝันหวานจังเลยนะครับ แด๊ดดี้ มามี้ เห็น ๆ กันอยู่ว่าพี่โลแกนกับพี่สะใภ้ไม่ถูกกัน แบบนั้นจะมีหลานให้เราอุ้มเหรอ”
ชายหนุ่มคนที่สองของตระกูลเอ่ยด้วยน้ำเสียงขบขันดับฝันพ่อแม่และน้องสาวจึงได้รับค้อนวงโตจากทั้งสามคนโดยเฉพาะมารดาและน้องสาวที่ชอบสะใภ้คนนี้เป็นอย่างมาก ต่างจากแฟนเก่าโลแกนที่พวกเธอไม่ถูกชะตาเอาเสียเลย
“ไม่เชื่อก็คอยดู มามี้ว่าอีกไม่นานมามี้ต้องได้อุ้มหลานแน่นอน”
“ครับ ๆ เอาที่มามี้สบายใจ ผมก็แค่พูดไปตามความจริง”
“ความจริงอะไรเหรอลูคัส”
โลแกนได้ยินแว่ว ๆ ไม่ชัดเจนในขณะประคองภรรยาเดินเข้ามาในห้องอาหารด้วยท่าทางกะเผลก ๆ จึงเอ่ยถามด้วยความสงสัย ก่อนจะเลื่อนเก้าอี้ให้เฟรียานั่งและตนเองก็นั่งลงข้าง ๆ เธอ
“อ้าว แล้วทำไมพี่สะใภ้ของฮันนี่เดินแบบนั้นคะ”
“เมื่อเช้านี้พี่ล้มบนพื้นค่ะก็เลยเจ็บเท้านิดหน่อย ไม่เป็นอะไรมากหรอกค่ะน้องฮันนี่”
“ไปหาหมอไหมลูก เดี๋ยวมามี้พาไปเอง”
มาดามน้ำผึ้งเอ่ยถามลูกสะใภ้ด้วยความห่วงใย แต่เฟรียาไม่ทันได้ตอบคำถามก็เป็นอันต้องหุบปากลง เมื่อโลแกนตอบแทนพลางมองมาด้วยสายตาขบขัน
“ไม่เป็นไรหรอกครับมามี้ แค่นี้เอง วันสองวันก็หาย”
“เอางั้นเหรอน้องเฟรี่”
“ค่ะมามี้ พักสักวันสองวันก็หาย ไม่ต้องห่วงนะคะ”
“จ้ะ ถ้ามีอะไรรีบบอกพวกเราเลยนะลูก”
“รับทราบค่ะมามี้คนสวย”
ลูกสะใภ้ยิ้มตาหยีด้วยตื้นตันใจกับความใจดีของแม่สามี อย่างที่
ใคร ๆ เขาบอกกัน มีแม่สามีดีชีวิตก็เหมือนถูกหวยรางวัลที่หนึ่ง
เธอแทบจะร้องไห้ออกมาอยู่แล้วถ้าไม่ติดว่าไม่อยากอ่อนแอให้ใครเห็น จึงไม่มีใครรู้ว่าหญิงสาวที่มีสถานะเป็นลูกสาวของตระกูลดังโหยหาความรักจากมารดาเพียงใด
“ปากหวานจริง ๆ เลยเด็กคนนี้”
“อะแฮ่ม ๆ ว่าแต่เมื่อกี้พูดเรื่องอะไรกันครับมามี้ แด๊ดดี้ ผมฟังไม่ทัน”
“ก็เรื่องหลานน่ะสิ แด๊ดดี้กับมามี้อยากอุ้มหลานใจจะขาด เราสองคนมีข่าวดีให้คนแก่เร็ว ๆ นะ”
“ใช่ลูก แด๊ดดี้อยากอุ้มหลานมาก”
สองคนที่อยากเปลี่ยนสถานะเป็นปู่กับย่ารีบบอกความต้องการของตนเองกับลูกชายและลูกสะใภ้ได้รับรู้ ทำให้โลแกนอ้าปากจะพูดความจริง แต่ไม่ทันภรรยาที่ตอบตกลงพ่อแม่สามีโดยไม่ต้องคิดให้เสียเวลา ไม่ใช่ว่าเธออยากมีลูกกับเขาหรอก แค่ไม่ต้องการเห็นคนแก่เสียใจก็เท่านั้นเอง
“เอ่อ คือ... ผมว่าเรื่องนั้น/ได้แน่นอนค่ะ รอไม่นานแด๊ดดี้กับมามี้ต้องมีหลานสมใจแน่ เฟรี่รับรอง”
“ดี ๆ นี่ ๆ มามี้ทำของบำรุงเยอะแยะเลย ไม่รู้หนูเฟรี่กินได้ไหม”
“ขอบคุณมากค่ะมามี้ เฟรี่กินได้หมดค่ะ”
“เอ้า โลแกนนั่งจ้องเมียแบบนั้นทำไม ตักกับข้าวให้เมียสิ ไม่รู้เมื่อคืนแกใช้งานเมียหนักรึเปล่า” ริโก้แซวลูกชายตามประสาพ่อที่สนิทกับลูก แต่โลแกนกลับส่ายหน้าหวือพลางขยับปากจะปฏิเสธแต่โดนภรรยาเอ่ยตัดหน้าเสียก่อน
“แด๊ดดี้ครับเมื่อคืนเรา/หนักมากเลยค่ะแดดดี้ คิกคิก”
“ฮ่า ๆ ๆ ข้าวใหม่ปลามันก็แบบนี้แหละลูก เดี๋ยวก็ชิน”
“ค่ะ มามี้”
หญิงสาวรับคำก่อนจะปรายตามองสามีนั่งหน้าบูดหน้าบึ้งด้วยความสนุกสนานที่ได้กลั่นแกล้งเขา ซึ่งหาจังหวะบอกความจริงกับพ่อแม่ไม่ได้ และต้องการให้พวกท่านล้มเลิกความตั้งใจที่อยากมีหลานด้วย
โลแกนจึงคาดโทษภรรยาในใจแล้วกินข้าวอย่างเงียบ ๆ ปล่อยให้คุณหนูเฟรี่คุยกับพ่อแม่ของตนเองแทน โดยมีน้องสาวจอมจุ้นเป็นตัวเสริม
ส่วนลูคัสก็คอยเออออกับพ่อแม่และน้องสาวเพื่อให้ทุกคนสบายใจ พลางส่งสายตาเห็นใจไปให้พี่ชายแต่ก็ช่วยอะไรไม่ได้ เพราะถ้าเขายุ่งละก็มารดาต้องเพ่งเล็งมาที่ตนเองแน่ ตอนนี้เขายังไม่พร้อมมีครอบครัว ไม่พร้อมมีหลานให้พ่อแม่อุ้ม ฉะนั้นเออออห่อหมกเห็นดีเห็นงามไปกับผู้คุมอำนาจสูงสุดของลอเรนส์โซอย่างมาดามน้ำผึ้งเป็นดีที่สุด