ตอนที่ 7 : เกาะมุก เกาะสวรรค์
ดวงตาคู่สวยจับจ้องอยู่ที่น้ำทะเลสีฟ้าครามตรงหน้าพลางหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเก็บภาพความสวยงามเอาไว้ เพราะอยู่ในเมืองกรุงมีแต่รถราและตึกสูงๆ ให้ดูต่างหน้า นานทีปีหนจะได้เห็นภาพความสวยงามของท้องทะเล
แต่แล้วเสียงแหลมปี๊ดของเพื่อนสาวก็ดังขึ้นจากทางด้านหลัง ส่งผลให้มือเล็กต้องลดโทรศัพท์ลงพร้อมหันไปมอง
“เขมเพื่อนรัก วันนี้ฉันมีข่าวดีจะมาบอก”
“ข่าวดีอะไรเหรอมุก”
เขมนิจขมวดคิ้วขึ้นสูง ถามด้วยความสงสัย
“ข่าวดีที่ว่าคือพี่นัยให้ฉันมาบอกให้แกเตรียมตัวเดินทางไปกับเขาที่เกาะมุกเย็นนี้ยังไงล่ะ”
“เกาะมุก?”
“ใช่! เป็นเกาะส่วนตัวของพี่นัย ที่ไว้ใช้พักผ่อน ปกติพี่นัยจะไม่อนุญาตให้ใครไปหรอกนะ ขนาดฉันที่เป็นน้องสาวจะขอไปทียังยากเลย เท่าที่จำได้เคยไปที่นั่นแค่สองครั้งเอง”
“ถ้าเขาหวงเกาะมากขนาดนั้น เขาจะชวนฉันไปทำไม”
“ก็นั่นนะสิ จะชวนไปทำไม” มุกดาทำหน้าตาล้อเลียนเพื่อนสาวราวกับจะจับผิดอีกฝ่าย “นอกเสียจากว่าแกต้องเป็นคนพิเศษมากๆ ของเขา”
“พิซงพิเศษอะไร ฉันเพิ่งจะรู้จักกับเขาไม่นานนี้เองนะ”
เขมนิจรีบพูดกลบเกลื่อนอาการเขินอายของตัวเอง แต่มุกดาไม่เชื่อว่าระหว่างเพื่อนสนิทกับพี่ชายไม่ได้มีอะไรในก่อไผ่ ลองได้ชวนสาวไปเกาะส่วนตัวและสุดหวงแบบนี้ ไม่ใช่แค่พิเศษธรรมดาแล้วกระมัง
“เอาน่า ไม่ต้องมาทำเป็นอายหรอก ฉันเป็นเพื่อนแกนะไม่ใช่คนอื่นคนไกลเสียหน่อย มีอะไรก็เล่าให้ฉันฟังได้”
“ฉันไม่มีอะไรเล่าให้แกฟังจริงๆ นะมุก”
“ได้ ถ้าไม่เล่าตอนนี้ก็ไม่เป็นไร แต่บอกไว้ก่อนนะว่าพี่นัยเขาจริงจัง ยังไงแกก็ลองเปิดใจศึกษาดูกับพี่นัยสักครั้งก็ไม่เสียหาย”
“ดูแกจะสนับสนุนให้ฉันได้รักกับคุณทัศนัยเขาจังเลยนะยายมุก”
“ก็แน่นอนสิ มีเพื่อนดีๆ อย่างแกฉันก็อยากจะแนะนำคนดีๆ ให้รู้จักและที่สำคัญฉันอยากจะให้เพื่อนเสียตัวจะแย่ จะได้รู้ว่าเรื่องเซ็กมันดีมากจริงๆ”
“ยายมุก นี่แกหมกมุ่นเกินไปหรือเปล่า”
“ก็เรื่องมันน่าหมกมุ่นนี่นา ไว้แกได้ลองแล้วจะติดใจ เผลอๆ บางทีอาจจะอาการหนักกว่าฉันก็ได้ ไปเกาะมุกครั้งนี้ขอให้แกได้แกโดนนะเพื่อนรัก”
มุกดาบอกพลางหัวเราะคิกคักอย่างชอบใจ ที่เห็นแก้มขาวๆ ของเพื่อนสาวเปลี่ยนเป็นแดงระเรื่อขึ้นมา
“อ๊ายยย! ไอ้เพื่อนบ้า!”
เขมนิจอยากจะหยิกแขนเพื่อนสาวสักทีแรงๆ กับคำอวยพรชวนคิดลึกนั้น แต่ก็ไม่ทันเสียแล้วเมื่ออีกฝ่ายวิ่งหนีไปเสียก่อนราวกับรู้ว่าถ้าอยู่ต่ออีกแค่วินาทีเดียวจะโดนทำร้ายร่างกาย
…………………………..
และแล้วในเย็นวันนั้นทัศนัยก็ส่งคนมารับเธอด้วยเรือสปีดโบ๊ทเพื่อข้ามไปยังเกาะมุกที่ว่า โดยมีเพื่อนสาวมายืนส่งเธอริมหาด ส่วนทัศนัยนั้นยังคงติดธุระอยู่กรุงเทพฯ แล้วเขาจะตามไปทันทีที่เสร็จธุระ
หลังจากมาถึงเกาะ ก็ใกล้จะมืดแล้ว มีชายหญิงวัยกลางคนชื่อครามกับสุรินสองสามีภรรยามาแนะนำตัวในฐานะคนที่คอยดูแลความสะอาดเรียบร้อยของบ้านพักหลังงามริมทะเลที่เธอถูกพามา เมื่อพูดคุยกันได้สักพัก สุรินก็พาเธอมายังห้องนอนที่เจ้าของบ้านสั่งให้จัดเตรียมไว้สำหรับเธอ
เมื่อได้อยู่ตามลำพังหญิงสาวในฐานะแขกก็เดินสำรวจบ้านพักที่คนของเขาพามาด้วยความรู้สึกตื่นตาตื่นใจ
บ้านพักที่อยู่ติดริมทะเลงดงามราวกับหลุดมาอยู่ในเทพนิยาย ภายในบ้านที่ทำจากหินอ่อนสีขาวทั้งหลังดูโออ่า กว้างขวาง ทุกพื้นที่ถูกแบ่งอย่างเป็นสัดเป็นส่วนแลดูสบายตา บ่งบอกถึงนิสัยของผู้พักอาศัยที่รักความสะอาดและมีระเบียบไปในครา
ภายในห้องนอนถูกออกแบบให้ดูหรูหรา มีกระจกบานใหญ่รอบด้านสามารถทอดสายตามองเห็นวิวทะเลได้อย่างชัดเจน ราวกับชมวิวอยู่ที่ริมหาดยังไงอย่างนั้น แม้แต่ห้องน้ำยังเป็นกระจกทั้งหมด หากไม่ปิดม่านก้านก็ไม่ต่างจากอาบน้ำอยู่ท่ามกลางทะเล
หลังจากเดินชมห้องอยู่พักใหญ่ เขมนิจก็เดินมาหย่อนสะโพกลงบนเตียงหนานุ่มขนาดคิงไซส์กลางห้อง เธอไม่ได้นำเสื้อผ้าและของใช้ส่วนตัวติดกระเป๋ามามากมายเลยไม่รู้สึกกังวลกับการจัดข้าวของเข้าตู้ เพราะใช้เวลาเพียงไม่ถึงห้านาทีก็น่าจะเสร็จ ฉะนั้นเธอเลยยังไม่คิดที่จะเก็บเข้าของใส่ตู้ในตอนนี้
เมื่อมีโอกาสได้อยู่กับตัวเองตามลำพังก็เหมือนจะได้ทบทวนอะไรเงียบๆ จะว่าไปแล้วเธอไม่รู้ว่าคิดถูกหรือคิดผิดที่ตัดสินใจตกลงมาที่เกาะนี้ เพราะปกติเธอไม่เคยไว้ใจคนแปลกหน้าหรือทำอะไรผลีผลาม ตัดสินใจวู่วามแบบนี้มาก่อน
แล้วถ้าเกิดทัศนัยมองเธอเป็นผู้หญิงใจง่ายขึ้นมาจะทำยังไงล่ะ แต่ถึงจะคิดได้และเปลี่ยนใจตอนนี้ก็คงไม่ทันแล้ว เพราะเธอมาถึงที่นี่แล้วนั่นเอง
……………….……………………
หลายชั่วโมงผ่านไปที่หญิงสาวเผลอหลับไปบนเตียงนุ่มๆ ด้วยความอ่อนเพลียจากการเดินทางข้ามเกาะ จนเวลาล่วงเลยผ่านไปนานเท่าไหร่ไม่อาจทราบได้ และแล้วจู่ๆ ร่างบางก็สะดุ้งตื่น ดวงตาคู่สวยพริบปรับสายตาให้เข้ากับแสง ก่อนจะพบว่ามีใครบางคนนั่งจ้องเธออยู่เงียบๆ
“เออ…คุณนัยมาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ”
“มาได้สักพักใหญ่ๆ แล้ว เป็นไงบ้างเพลียมากไหม”
เสียงทุ้มนุ่มตอบ พลางเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความห่วงใย
“ก็นิดหน่อยค่ะ ฉันไม่คิดมาก่อนว่าการนั่งเรือจะทำให้เหนื่อยมากขนาดนี้”
“ไว้นั่งบ่อยๆ ก็จะชินเองแหละ ว่าแต่หิวหรือยังครับ ผมให้เด็กเตรียมอาหารไว้แล้ว”
เขมนิจพยักหน้าแทนคำตอบเมื่อรู้สึกว่าน้ำย่อยในท้องเริ่มส่งเสียงประท้วงมาเป็นระยะ เพราะนี่ก็เลยเวลาอาหารเย็นมาพักใหญ่แล้วนั่นเอง
“ไว้พรุ่งนี้ผมจะพาคุณเดินชมเกาะ คืนนี้ทานอาหารเสร็จก็พักผ่อนก่อน คุณจะได้หายเพลีย”
“ค่ะ”
หญิงสาวตอบรับ ก่อนจะลุกขึ้นเดินตามชายหนุ่มออกมาจากห้อง แล้วตรงมาที่ห้องอาหาร ซึ่งแม่บ้านได้จัดวางอาหารไว้บนโต๊ะเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
เมนูแต่ละอย่างถูกคัดสรรมาอย่างดี สังเกตจากล็อบสเตอร์ตัวโตๆ และอาหารทะเลอีกหลายจานที่เรียงรายจนเลือกไม่ถูกว่าจะทานอันไหนก่อนดี
ชายหนุ่มเลื่อนเก้าอี้ให้หญิงสาวนั่งก่อนที่ตัวเองนั้นจะเดินอ้อมมานั่งฝั่งตรงข้าม
“แพ้อาหารทะเลหรือเปล่า”
“ไม่ค่ะ ฉันทานได้หมดค่ะ”
“ดีเลย ทานเยอะๆ นะ เพราะอาหารที่ปรุงมานี้เป็นอาหารทะเลสดๆ หวังว่าคุณจะชอบ”
“ขอบคุณมากค่ะ”
หญิงสาวนั่งทานอาหารเงียบๆ โดยมีทัศนัยคอยตักอาหารให้เป็นระยะๆ ราวกับกลัวว่าเธอจะทานไม่อิ่ม ทั้งที่ตอนนี้ท้องเธอจะแตกอยู่แล้ว จนหญิงสาวต้องเอ่ยปรามไว้เมื่ออีกฝ่ายทำท่าจะตักปูผัดผงกะหรี่มาเพิ่ม
“คุณนัยคะ ฉันอิ่มแล้ว”
“ทานของหวานอีกนิดนะ ผมให้เด็กเตรียมไว้แล้ว ไม่ทานคงเสียดายแย่”
“ก็ได้ค่ะ”
เมื่อของคาวถูกเก็บ ของหวานก็ทยอยตามมา และแล้วหญิงสาวก็ต้องเลิกคิ้วสูงเมื่อเห็นเมนูของหวานที่ว่า
“นี่เป็นไอศกรีมไข่ปลาคาเวียร์ราดไวน์แดงเคยลองหรือยัง”
“ไม่เคยค่ะ ว่าแต่เอาของคาวมาทำไอศกรีมแบบนี้มันจะเข้ากันเหรอคะ”
เขมนิจทำหน้าแปลกใจ เพราะเธอไม่คิดว่าของคาวจะนำมาทำไอศกรีมได้ แต่ทัศนัยกลับเลื่อนถ้วยไอศกรีมมาตรงหน้าเธอพลางเอ่ยบอก
“อยากรู้ก็ต้องลองเอาเองครับ”
และเมื่อตักไอศกรีมเข้าปากหญิงสาวก็ต้องทำตาโต กับรสชาติแปลกใหม่ที่เธอไม่เคยได้สัมผัสมาก่อน
“อื้ม…อร่อยจังเลยนะคะ ไม่น่าเชื่อ”
“อร่อยก็ทานเยอะๆ สิครับ”
“แล้วคุณนัยไม่ทานของหวานด้วยกันเหรอคะ”
เขมนิจเอ่ยถามเมื่อเห็นอีกฝ่ายเอาแต่นั่งมองเธอ โดยที่ตัวเองนั้นไม่แตะต้องของหวานรสชาติอร่อยเล่อค่าแม้แต่น้อย ราวกับว่าแค่ได้มองเธอกินก็อิ่มแล้ว
“ผมมีของหวานที่จะทานแล้วครับ”
ชายหนุ่มตอบเสียงเรียบแต่แววตาเป็นประกาย ส่วนคนที่เอาแต่ตั้งหน้าตั้งตาทานไอศกรีมไม่ทันได้สังเกต แถมยังเอ่ยถามด้วยความไร้เดียงสา
“แล้วไหนละคะของหวานของคุณ”
ถามพลางกวาดสายตามองหา เพราะบนโต๊ะอาหารก็เห็นจะมีแต่ไอศกรีมถ้วยเดียวที่เธอกำลังทาน หรือว่าเด็กยังไม่มาเสิร์ฟ หญิงสาวคิดในใจ แต่แล้วไม่กี่วินาทีเธอก็ได้รับความกระจ่าง เมื่อร่างสูงสง่าลุกขึ้นยืน ก่อนจะค่อยๆ โน้มลงมาดูดเลียไอศกรีมที่เลาะติดปากเธอ
คนถูกฉกริมฝีปากทำตาโตด้วยความตกใจเพราะคาดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะทำอะไรที่สุ่มเสียงต่ออาการหัวใจวายเช่นนี้ หากที่นี่มีแค่เธอกับเขาตามลำพังความอับอายก็คงไม่ทวีรุนแรงเช่นตอนนี้
“คุณนัย! ทำอะไรคะเนี่ย!”
หญิงสาวร้องถามทันทีที่อีกฝ่ายถอนรีมฝีปากถอยกลับนั่งลงที่เดิม ขณะเดียวกันก็หันไปมองสุรินกับครามสองสามีภรรยาที่ยืนอยู่ไม่ไกลนักด้วยใบหน้าแดงๆ
“ก็ทานของหวานไง”
ทัศนัยตอบหน้าตายพลางระบายิ้มอ่อนรู้สึกเอ็นดูหน้าตาแดงๆ ของคนตรงหน้า
“คุณนัย!”
เขมนิจเรียกชื่ออีกฝ่ายเสียงดุ อยากจะตบแขนเขาแรงๆ สักที ทำโทษคนน่าไม่อายให้รู้แล้วรู้รอด แต่ก็ทำไม่ได้ เพราะอีกฝ่ายอยู่ห่างเกินไป
“ถ้าคุณเล่นแบบนี้อีก ฉันโกรธคุณจริงๆ นะ”
“เล่นที่ไหน ผมเอาจริง!”
ทัศนัยยังไม่เลิกแกล้ง ยิ่งเห็นอีกฝ่ายหน้าแดงเป็นลูกตำลึงสุกก็ยิ่งชอบใจ
“คุณนัย! ฉันไม่คุยด้วยแล้ว”
เขมนิจลุกเดินหนีอีกฝ่ายไปดื้อๆ เมื่อถูกล้อไม่เลิก แค่นี้เธอก็อายจนจะแทรกแผ่นดินหนีอยู่แล้ว
“เดี๋ยวก่อนสิเขม กลับมานี่ก่อน”
เรียกไปอย่างนั้นแต่ก็ไม่คิดจะเดินตาม เพราะยังไงเสียคืนนี้เธอก็หนีเขาไม่พ้นอยู่ดี
ทัศนัยเอนหลังพิงเก้าอี้พลางหัวเราะอย่างอารมณ์ดี ที่เขาต้องรีบเคลียร์งานแทบจะไม่ได้พักก็เพราะอยากจะใช้เวลาอยู่กับเธอ และยิ่งรู้ว่าเธอมาอยู่ที่นี่ไม่นานด้วยแล้วก็ยิ่งต้องหาเวลาอยู่กับเธอให้ได้มากที่สุด
...................................................................
คือไรท์เข้าใจว่าเว็บนี้สามารถลงฉาก 18+ ได้แบบไม่ต้องตัดออก ก็เลยลงไปเมื่อตอนที่แล้วซึ่งมันแค่น้ำจิ้ม สำหรับไรท์แล้วนิยายเรื่องนี้มีฉาก 18+ ค่อนข้างหนักหน่วง เพราะเป็นเรื่องแรกที่เขียนฉากรักลึกกว่าทุกเรื่อง ก็เลยรู้สึกกังวล เมื่อไม่เห็นรีดคอมเม้นต์ หรือพูดอะไร ถ้าผิดกฎช่วยบอกด้วยนะคะ ไรท์จะได้ตัดฉากพวกนั้นออก แต่จะเอาไว้ให้อยู่แค่ใน *****คพอ รบกวนแจ้งก่อนที่ตอนหน้าจะเจอฉากเลือดพุ่งนะคะ55