ตอนที่ 3
กินตับ(หมู) ฟินมากกกกก^^ 50%
ปลายเดือนมีนาคม...
แก้วกัญญากับเพื่อนครูอีกสองคนเป็นตัวแทนโรงเรียนเข้าร่วมอบรมเกี่ยวกับการป้องกันความเสี่ยงสำหรับวัยรุ่น ที่โรงแรมชื่อดังในตัวจังหวัดเชียงรายเป็นเวลา 15 วัน
วันนี้เป็นวันที่ 12 ซึ่งวันนี้พิเศษ เพราะมีวิทยากรรับเชิญมาให้ความรู้เกี่ยวกับยาเสพติดของกลุ่มวัยรุ่นในโรงเรียน ตลอดจนการแก้ปัญหาและแนวทางป้องกันรวมถึงกิจกรรมต่างๆ
แก้วกัญญาอดรู้สึกประหม่าไม่ได้ เมื่อวันนี้เธอได้นั่งด้านหน้าสุด เนื่องจากเข้าห้องเป็นคนสุดท้ายเพราะเมื่อเช้าคุยโทรศัพท์กับมารดาเพลินไปหน่อย ดูนาฬิกาอีกทีถึงเวลาเข้าห้องอบรมแล้ว และหญิงสาวก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมคนมาก่อนถึงไม่นั่งด้านหน้า ทำไมต้องเว้นเอาไว้ ให้คนมาทีหลังมานั่ง
นัยน์ตาคู่งามหลังกรอบแว่นหนาเตอะ มองพิธีกรกล่าวอะไรเล็กๆ น้อยๆ อยู่บนเวที ก่อนที่จะได้เวลาอันสมควรแล้วกล่าวเชิญวิทยากรพิเศษ...
ทุกคนในห้องอบรมต่างลุ้นว่าคนที่เดินขึ้นมาเป็นเวทีนั้นเป็นใครมาจากไหน หน้าตาเป็นอย่างไร โดยเฉพาะสาวเทียมในคราบผู้ชายแมนๆ หล่อล้ำที่ดูออกอาการเกินคนอื่น
แก้วกัญญาเหลือบตามองแล้วส่ายศีรษะ ทั้งที่หน้าก็ยังไม่ได้เห็น ไม่รู้ว่าจะออกอาการอะไรนักหนา เรือนกายล่ำๆ สันใหญ่ๆ ของพ่อคุณบิดม้วนเขินอายซะ!
“ขอเชิญวิทยากรพิเศษของเราในวันนี้ ร้อยตำรวจเอกอรรคณิต ธาราธิวัฒน์ครับ”
แก้วกัญญาตวัดสายตาขึ้นมองทันที และเป็นอย่างที่เซ้นส์ได้บอกเอาไว้ เพราะตากระตุกด้านขวาตั้งแต่เช้า ที่แท้จะมาเจอ ผู้ชายหื่น คนนี้นี่เอง ฟ้าคงถีบส่งเขามา... เพราะไม่ว่าเธอจะไปภาคไหนเธอก็เจอแต่เขา เจอตลอดเวลา จนเลิกคิดแล้วว่ามันเป็นเรื่องบังเอิญ...
เนื่องจากการอบรมในวันนี้เป็นแบบเฮฮาสนุกสนานไม่เคร่งเครียด ทำให้บรรยากาศภายในห้องครึกครื้น เสียงกรี๊ดร้องดังลั่น ดังยิ่งกว่านักร้องเกาหลีออกมาแสดงคอนเสิร์ตซะอีก และคงมีแต่เธอที่นั่งเงียบนิ่งไม่ไหวติง กุมมือบางที่วางอยู่หน้าตักแล้วบ่นอุบอิบ
“เจอกันอีกแล้ว หวังว่าคงไม่แกล้งฉันให้อายคนทั้งห้องหรอกนะ”
ขณะคิดเพลินๆ อยู่นั้น พลันสะดุ้งตื่นตกใจ เมื่อได้ยินเสียงเข้มคุ้นหูของวิทยากรรับเชิญพิเศษเอ่ยทักทาย
“สวัสดีผู้เข้าร่วมอบรมทุกท่านครับ ผมร้อยตำรวจเอกอรรคณิต ธาราธิวัฒน์หรือผู้กองณพ ยินดีที่ได้รู้จักกับผู้ร่วมอบรมทุกท่านนะครับ”
นัยน์ตาคมมองมายังคนตรงหน้า แล้วหัวเราะในใจ ยิ่งหูได้ยินคำถามจากผู้เข้าร่วมอบรมแล้วนั้น นายตำรวจหนุ่มแทบปล่อยก๊าก! บนเวที ในขณะที่อีกคนทำหน้ากระอักกระอ่วน! แต่ขอบอกเหอะว่าเขาพอใจเป็นที่สุด ถามได้โดนใจจริงๆ
“คุณตำรวจมีแฟนยังคะ”
แก้วกัญญานึกโมโหเพื่อนครูผู้ชายร่างล่ำบึ้กหัวใจแหววที่นั่งข้างๆ เป็นที่สุด ไม่ทราบว่าเจ้าหล่อนจะอยากรู้อะไรนักหนา หญิงสาวก้มหน้าบ่นอุบ กดบีบมือของตนเองคลายความเครียดปนประหม่าที่กำลังเผชิญอยู่
“โสดสนิทครับคนสวย ตอนนี้เปิดรับสมัครเจ้าของหัวใจทั้งสี่ห้องอยู่ครับ” แก้วกัญญาเผลอสายตาขึ้นมองปะทะกับเขาเข้าพอดี ทำให้คนที่หน้าหนาและหน้ามึนเป็นทุนเดิมรีบส่งความรู้สึกให้อย่างเปิดเผย นัยน์ตานี่แพรวพราวซะ!
แก้วกัญญาไม่สนใจแต่คนนั่งข้างๆ เธอสิ! แดดิ้น กรีดร้องราวกับโดนเจ้าเข้าทรงก็ไม่ปาน ถ้อยคำที่พ่นออกมายี่แบบ เอิ่ม...
“อ๊ายยยย ผู้กองน่ารักอะ น่ากินด้วย คงจะกรุบกรอบ แซ่บเวอร์ อ๊ายๆๆ”
อรรคณิตเห็นอากัปกิริยาแล้วนึกขำในใจ ผู้ชายสิบเปอร์เซ็นต์ นี่โอเวอร์แอ็กติ๊งเกินเพศอื่นจริงๆ
“สบายๆ นะครับ ไม่ต้องเกร็ง ไม่ต้องกลัวว่าผมจะจับนะครับ กุญแจมือที่เอามาด้วยวันนี้ไม่ได้เอามาจับผู้ร้ายแต่เอามาจับ ‘หัวใจ’ สาวโสดทั้งหลายในนี้ครับ” พูดโดยภาพรวมหากแต่ส่งสายตามายังคนที่นั่งเขียนอะไรยุกยิกตรงหน้า
“ฮิ้วววว!” เสียงโห่แซวดังสนั่น เพราะไม่มีใครคิดว่าผู้กองมาดเนี๊ยบเดินขึ้นมาบนเวทีด้วยบุคลิกน่าเกรงขาม จะปล่อยมุกเรี่ยราดขนาดนี้ แต่ผิดกับอีกคนที่เอาแต่ก่นด่าในใจ
‘ชิ! อ่อยชะมัด! เดี๋ยวเจอฤทธิ์สาวสวยถึกเทียมในนี้แล้วจะหนาว!’
ตลอดระยะเวลาการอบรมนายตำรวจหนุ่มสุดหล่อก็ปล่อยมุขเสี่ยวๆ เรี่ยราด ก็ต้องเข้าใจว่าการอบรมมันเป็นเรื่องน่าเบื่อ ชวนปวดสมอง จึงต้องมีเรื่องตลกขำขันมาเล่าแทรก และที่สำคัญคือ ‘ไม่ง่วง’ ส่วนแก้วกัญญาเองก็ทึ่งไม่น้อยกับการทำหน้าที่ของเขา เพราะผู้ชายคนนี้ไม่ได้มีดีแค่หน้าตา แต่ว่าสมองโคตรหล่อ! ถ้าไม่นับรวมกับความแพรวพราวเจ้าชู้ เขาก็เป็นผู้ชายคนหนึ่งที่จัดว่าโอเคและน่าคบหา
วาทศิลป์ของเขานั้น ทำเอาคนที่เรียนศาสตร์เฉพาะทางด้านนี้มาโดยตรงอย่างเธอยังอาย นึกว่าจะพูดเป็นเฉพาะเรื่องไร้สาระ แต่ที่ไหนได้ พ่อคุณพูดสิ่งมีสาระได้เก่งมาก มีเสน่ห์สุดๆ ทั้งยังสามารถควบคุมคนทั้งห้องได้อย่างดีเยี่ยมจนแก้วกัญญาอดคิดไม่ได้ว่า... เขาเป็นนักพูดอาชีพหรือเปล่า?
หลังจากอบรมเสร็จเรียบร้อย แก้วกัญญาปลีกตัวจากกลุ่มเพื่อนเดินลงมาร้านค๊อฟฟี่ช้อปของโรงแรม และได้เจอกับเขา ผู้ชายที่เธอพยายามเลี่ยงแต่ยังเจอ ซึ่งในร้านมันไม่มีที่ว่างให้นั่งรอ ยกเว้นโต๊ะที่นายตำรวจหน้าหม้อนั่งอยู่ ครั้นจะเปลี่ยนใจไม่กินก็ไม่ได้ เพราะว่าตอนนี้ร่างกายต้องการกาแฟอย่างหนัก
“ขออนุญาตนั่งด้วยคนนะคะ” มุมปากหยักกดยิ้มพอใจ เพราะนายตำรวจหนุ่มก็หมายมั่นเอาไว้แล้วว่า อย่างไรเธอก็ต้องมานั่งโต๊ะเดียวกับเขา
และด้วยมารยาทที่ดี อรรคณิตจึงรีบลุกขึ้นมาเลื่อนเก้าอี้ให้คุณครูสาว มือใหญ่ทำท่าปัดพื้นเก้าอี้แล้วเอ่ยเชิญ
“เชิญครับ คุณครูหมูป่า”
“ขอบคุณค่ะ แต่เอ๊ะ! เมื่อกี้คุณเรียกฉันว่าอะไรนะ” ถามเพราะต้องการเช็คว่าตนเองไม่ได้หูเพี้ยน
“คุณครูหมูป่าครับ” ควันร้อนพุ่งออกจากหูทั้งสองข้าง ใบหน้างามแดงเถือกด้วยความโมโหระคนอาย เพราะคนในร้านเริ่มหันมาให้ความสนใจ
“กรุณาเลิกกวนประสาทฉันด้วยค่ะ” เจ้าของค้อนวงงามสั่ง พลันนึกโมโหเนื่องจากวันนี้ทั้งวันเขาขยันกวนประสาทเธอตลอดเวลา ทั้งยังปั่นป่วนหัวใจด้วยการส่งสายตาแพรวพราวให้ตลอดการอบรม จนโดนเพื่อนๆ แซวยกใหญ่ เขาได้ใจแต่เธอสิตายจนอยากมุดพื้นหนี
อรรคณิตมองหน้าคนที่ใจถามหาแล้วเอ่ยยียวน “ผมกวนประสาทคุณครูหมูป่าตรงไหนครับ” สาบานเถอะว่าเป็นผู้ชายคนนี้เป็นคนเดียวกับที่เป็นวิทยากรพิเศษคนนั้น บอกเลยว่าต่างกันลิบลับ!
“ทุกตรงค่ะ นี่ยังไม่นับรวมกับที่คุณแกล้งฉันในห้องอบรมนั่นอีกนะคะ” พูดแล้วอาย ก็เขาแกล้งเธอสารพัด ทั้งถาม ทั้งเรียกออกมาเป็นตัวอย่างทำกิจกรรมต่างๆ
ทว่าอีกคนได้ยินแล้วเอ่ยตอบกลับไปอย่างไม่ยี่หระ
“แกล้งอะไร ที่ไหน ผมไม่ได้แกล้งคุณครูแม้แต่นิดเดียวเลยนะครับ” เฉไฉจนได้โล่ก็คนตรงหน้าเธอนี่ล่ะ น่าหมั่นไส้นัก ครูสาวคนสวยสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ แล้วขยับกลีบปากรูปกระจับเอื้อนเอ่ย
“ก็แกล้งทำเป็นเบี่ยงคำตอบของฉันให้มันไม่ถูก แล้วก็ลงโทษด้วยการให้ฉันออกไปทำอะไรบ้าๆ ที่หน้าห้องยังไงล่ะคะ คุณตำรวจ” นึกถึงบทลงโทษที่เธอได้รับเมื่อตอนทำกิจกรรมแล้ว นายตำรวจหนุ่มก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอย่างถูกอกถูกใจ
“ฮ่าๆ ผมก็เพิ่งรู้ว่า ‘หมูป่า’ เต้นได้น่ารักขนาดนี้” น่ารักบ้านเขาน่ะสิ! อายชะมัด! เพื่อนอบรมในห้องต่างหัวเราะขบขันจนเธออยากจะมุดหน้าหนี และต้นเหตุที่ทำให้เธอเป็นตัวตลกก็พลอยหัวเราะไปด้วย มีความสุขเหลือเกินกับการได้แกล้งเธอเนี่ย แบบนี้มันน่าโกรธให้สักสิบชาติ!
แก้วกัญญาตวัดสายตาขุ่นค้อน ก่อนจะต่อว่าอย่างเอาเรื่อง
“คุณมันคนใจร้าย มีความสุขบนความทุกข์ของคนอื่น” ทว่าคนเพลิดเพลินกับการเย้าแหย่และกวนประสาทก็ยิ้มระรื่นหน้าบาน พลันเอ่ยกลั้วหัวเราะ
“คิดเสียว่าเป็นสร้างสีสัน รอยยิ้ม และเสียงหัวเราะให้กับเพื่อนร่วมอบรมสิครับ” เธอใช่ตลกรับจ้างไหมถามหน่อยเถอะ?
หญิงสาวมองหน้าแล้วกระแทกเสียงหวานประชด “ค่ะ คุณตำรวจคิดบวก” พูดจบแก้วกัญญาหันไปทางเคาท์เตอร์ เพราะรู้สึกว่ารอนานเหลือเกิน รอจนคอแห้งเป็นผง หรือว่าเธอเปลืองน้ำลายไปกับคนที่นั่งร่วมโต๊ะก็ไม่รู้
ส่วนอรรคณิตมัวแต่มองครูสาวคนสวย จนลืมยกกาแฟขมของตนขึ้นจิบ สมองก็เฝ้าแต่คิดหาถ้อยคำมายียวนกวนประสาทเพื่อหาโอกาสทำความรู้จักกับเธอให้มากกว่านี้
“ตอนเย็นคุณว่างไหมเดี๋ยวผมพาไปกินหมูกระทะ” ได้ยินเสียงเข้ม แก้วกัญญาหันขวับพลางขยับกลีบปากกระจับย้อนถามอย่างรวดเร็ว
“เนื่องในโอกาสอะไรมิทราบ” น้ำเสียงประชดประชันนั้นทำให้คน ‘รุก’ หน้าปฏิบัติการทำความรู้จักครางจิ๊จ๊ะ
“อยากพาไปกิน” คำตอบตรงๆ ของเขา ทำเอาหญิงสาวไปต่อไม่เป็นหลายครั้ง แต่ก็ยังตอบกลับเขาได้
“ถามไหมว่าฉันอยากไปหรือเปล่า” อรรคณิตเพิ่งจะเจอผู้หญิงรวนก็วันนี้ล่ะ และเป็นผู้หญิงคนเดียวด้วยที่กล้า! สงสัยแม่คุณจะเป็นคนแรกและคนสุดท้าย
แล้วจอมกวนตัวพ่อมีหรือจะน้อยหน้า
“ก็ถามอยู่นี่ไงครับ” ยักคิ้วเข้มใส่ราวกับบอกว่าเหนือเธอยังมีเขา ไม่ใช่เธอที่รวนได้ เพราะเขาก็รวนได้กวนเซลล์ประสาทเช่นกัน
นัยน์ตาคู่งามหลังกรอบแว่นหนาเตอะ จ้องมองแล้วเอ่ยบอกเสียงดังฟังชัดและเอาจริง
“เลิกกวนประสาทฉันซักที ไปชวนบรรดาคู่ขาคุณโน้นค่ะ ไม่ต้องมาชวนฉัน”
“ไม่มีคู่ขาคนไหนผมว่างเลยครับวันนี้ ผมจึงชวนคุณ” ส่งยิ้มหล่อลากไส้มาให้ หัวใจดวงน้อยเต้นกระตุกวาบ ครูสาวรีบห้ามใจตนเองไม่ให้อ่อนไหวหรือละลายไปกับรอยยิ้มของผู้ชายมากเล่ห์จอมกวนคนนี้
“มันใช่เรื่องของฉันไหมเนี่ย”
ขณะที่บ่นอยู่นั้นกาแฟปั่นหอมๆ พร้อมเครปเค้กสายรุ้งก็มาเสิร์ฟ อรรคณิตเห็นแล้วอดเย้าไม่ได้
“กินกาแฟเยอะ เดี๋ยวขอบตาก็คล้ำ ซ้ำยังสั่งของหวานมาอีก กินเยอะเดี๋ยวได้อ้วนหนักกว่านี้เถอะครับ” ถ้อยคำเชิงตำหนิของเขา ทำเอาหญิงสาวหงุดหงิดไม่น้อย ไม่รู้ว่าเขาจะยุ่งอะไรกับเธอนักหนา ขอบตาดำก็ขอบตาเธอนะ อ้วนก็เธออ้วน ไม่ได้ไปอ้วนอยู่บนศีรษะเขาสักหน่อย
“นี่คุณ! อยู่เงียบๆ ก็ไม่มีใครเขาว่าเป็นใบ้หรอกนะ”