เมื่อถึงเวลาที่นัดดาต้องออกจากโรงพยาบาลเอเรนอสก็อาสาไปส่งเธอเองอย่างกระตือรือร้น จนเรนเดลประหลาดใจเพราะไม่เคยเห็นเจ้านายให้ความสำคัญกับผู้หญิงคนไหนเท่านี้มาก่อน
หลังจากที่คุณหมอเข้ามาตรวจอาการของเธอในเช้าวันใหม่แล้วอนุญาตให้คนป่วยกลับบ้านได้ เอเรนอสก็สั่งให้ลูกน้องเฝ้าหญิงสาวเอาไว้ เดี๋ยวเขาจะไปซื้อเสื้อผ้ามาให้เธอเอง
“คุณเอริคครับ ผมไปซื้อให้ดีกว่านะครับ”
ลูกน้องคนสนิทอาสาไปซื้อของแทนเจ้านายหนุ่มที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ข้างเตียงคนไข้
“ไม่ต้อง เดี๋ยวฉันไปเอง นายอยู่ดูแลนัดดาที่นี่เถอะ”
คนชอบบงการหันมาบอกลูกน้องคนสนิทแล้วข่มขู่ทางสายตาให้เรนเดลทำตามที่ตนเองบอกห้ามขัดคำสั่งเพราะเขาไม่ชอบ และอีกอย่างเขาไม่อยากให้เรนเดลรู้ด้วยว่าเธอใส่ชุดชั้นในเบอร์อะไร เพราะวัดขนาดมาแล้วเมื่อคืนระหว่างที่นอนกอดหญิงสาวจึงรู้ว่าเธอใส่ชุดชั้นในเบอร์เท่าไหร่
“ครับคุณเอริค”
เรนเดลโค้งตัวลงให้กับเอเรนอสแล้วเดินไปยืนอยู่อีกมุมหนึ่งของห้องเมื่อเห็นเจ้านายหนุ่มส่งสายตาพิฆาตมาให้
“คุณเอริคคะ ให้พี่เรนเดลไปซื้อก็ได้ แต่จริง ๆ กลับไปเอาที่ห้องพักก็ได้นะคะ” นัดดาเอ่ยขึ้นมาก่อนที่เอริคจะเดินออกไป แต่คำพูดของเธอทำให้เขาหงุดหงิดขึ้นมา เพราะเธอเรียกเรนเดลว่าพี่อย่างสนิทสนมต่างจากเขาที่เรียกคุณอย่างห่างเหิน ทั้ง ๆ ที่เขาดูแลเธอมาตลอดสองวัน อีกอย่างสองคนนี้ไปสนิทกันตอนไหนถึงเรียกพี่เรียกน้องกันแบบนี้
“พี่ว่าไม่ต้องไปซื้อแล้ว ใส่ชุดคนป่วยนี่แหละกลับบ้าน เรนเดลไปจัดการเรื่องชุดของเธอด้วย”
เอเรนอสเปลี่ยนสรรพนามเรียกตนเองอย่างเอาแต่ใจแล้วหันไปสั่งลูกน้องให้จัดการเรื่องชุดของหญิงสาว ส่วนตนเองก็เดินกลับไปหาคนป่วยอีกครั้งพร้อมกับแสดงสีหน้าบึ้งตึงออกมาคล้ายไม่พอใจอะไรบางอย่าง
“ครับคุณเอริค”
เมื่อได้ยินแบบนั้นเรนเดลก็รีบออกจากห้องแล้วทำตามคำสั่งของเจ้านายหนุ่มทันที ทำให้ภายในห้องผู้ป่วยเหลือแค่สองหนุ่มสาวเท่านั้น
“คุณเอริคเป็นอะไรไหมคะ ทำไมทำหน้าเครียด”
คนป่วยเอ่ยถามผู้มีพระคุณด้วยความใสซื่อตาใสไม่รู้เรื่องสักนิดว่าคนที่นั่งหน้าบึ้งอยู่ข้าง ๆ นั้นกำลังโกรธตนเอง
“หึ ทีกับเรนเดลเรียกพี่ ทีกับพี่เรียกคุณ ไปสนิทกับเรนเดลตอนไหนทำไมถึงเรียกพี่” คนแก่ขี้น้อยใจพูดออกมาด้วยน้ำเสียงกระเง้ากระงอดราวกับเด็กน้อยที่ไม่มีใครสนใจ
“อ้อ คือหนูเห็นว่าพี่เรนเดลแก่กว่าหนูก็เลยเรียกพี่” นัดดาพยายามอธิบายให้คนตัวโตเข้าใจความคิดของตนเอง
“แล้วทำไมถึงไม่เรียกพี่ว่าพี่เอริคบ้าง” คนขี้งอนยังไม่ยอมแพ้ ง่าย ๆ อย่างไรเสียเขาจะไม่ยอมให้คนตัวเล็กเรียกเรนเดลว่าพี่คนเดียวหรอก เธอต้องเรียกเขาว่าพี่ด้วยมันถึงจะถูกต้อง
“ก็หนูเห็นว่าคุณแก่กว่าหนูตั้งหลายปีเลยไม่กล้าเรียกพี่ค่ะ ตอนแรกหนูจะเรียกคุณเอริคว่าลุงแต่ไม่เรียกดีกว่า เพราะหน้าตาของคุณเอริคก็ไม่ได้แก่ถึงขั้นนั้น” คนป่วยพูดออกมาตรง ๆ ตามที่ตนเองคิดแต่คำพูดของเธอทำให้คนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ร้อนตัวขึ้นมาทันที
“ใครบอกว่าพี่แก่ พี่อายุสามสิบสองเองนะ ไม่เห็นแก่เลย” เอเรนอสบอกอายุของตนเองให้เธอรู้อย่างภาคภูมิใจ เขายังไม่แก่เสียหน่อย จะมาเรียกว่าลุงได้อย่างไรกัน
“หืม อายุห่างกับหนูตั้งเก้าปีแน่ะ” คนป่วยทำตาโตแล้วกะพริบตาปริบ ๆ ไม่อยากเชื่อเลยว่าเขาจะอายุสามสิบสอง ถ้าดูจากหน้าตาบอกได้คำเดียวว่าเด็กกว่าอายุมาก แต่ที่เธอคิดว่าเขาอายุเยอะเพราะดูจากความสุขุมที่แผ่ออกมาจากตัวของชายหนุ่ม
“หึหึ ก็แค่เก้าปีเองไม่เยอะหรอก เอาเป็นว่าต่อไปนี้หนูต้องเรียกพี่ว่าพี่เอริคแล้วเรียกเรนเดลว่าคุณแทน เข้าใจไหม” คนแก่หัวเราะในลำคอเบา ๆ แล้วสั่งเธอให้เรียกตนเองว่าพี่อย่างเอาแต่ใจ
“ค่ะ ๆ หนูทำตามพี่เอริคบอกก็ได้ค่ะ” คนป่วยไม่อยากพูดมากจึงยอมทำตามคำสั่งของชายหนุ่มแต่โดยดี
“ดีมากครับ คุยง่าย ๆ แบบนี้สิถึงจะน่ารัก”
ชายหนุ่มยิ้มกว้างอย่างพึงพอใจที่เธอว่านอนสอนง่ายเพราะต่อไปในอนาคตถ้าเขาอยากทำอะไรขึ้นมามันจะได้ไม่ลำบาก เวลาผ่านไป สักพักเรนเดลก็กลับมาแจ้งเรื่องที่ไปจัดการให้เจ้านายหนุ่มทราบแล้วพากันเก็บของเดินทางออกจากโรงพยาบาลไปยังห้องพักของนัดดา
ทั้งหมดเดินทางถึงห้องพักของหญิงสาวที่มีขนาดเล็กมากสำหรับคนรวยจนชายหนุ่มตกใจ เพราะไม่คิดว่าเธอจะอาศัยอยู่ในห้องเล็ก ๆ อันแสนคับแคบยิ่งกว่าห้องน้ำของบ้านเขาเสียอีก
“ขอโทษด้วยนะคะ ห้องเล็กไปหน่อย” หญิงสาวยิ้มแห้ง ๆ ออกมาเมื่อหันไปเห็นสีหน้าของคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เธอบอกเขาแล้วว่าส่งแค่หน้าตึกก็พอ ไม่ต้องมาส่งถึงบนห้อง แต่เขาไม่ฟังยังดื้อดึงที่จะขึ้นมา ดีนะที่เขาขึ้นมาคนเดียวพวกบอดีการ์ดไม่ได้มาด้วย
“เอ่อ ว่าแต่นัดอยู่กับเพื่อนสองคนได้จริงเหรอ ห้องมันเล็กมาก”
คนตัวโตถามออกมาด้วยความสงสัยแล้วหันไปมองรอบ ๆ อย่างพินิจพิจารณาว่าห้องแคบ ๆ แค่นี้อยู่กันได้สองคนจริง ๆ
“จริงค่ะ ตอนแรกนิสาอยู่คนเดียว แต่นัดมาขออาศัยช่วงที่กำลังหางานก็เลยมาอยู่กับนิสาก่อนค่ะ ถ้าหางานได้แล้วนัดก็จะย้ายออกไป นั่งบนพื้นได้ไหมคะเดี๋ยวเอาน้ำมาให้หรือว่าพี่เอริคจะกลับเลย” นัดดาเดินเข้ามาในห้องแล้วหันไปถามชายหนุ่มที่ยังยืนอยู่ตรงประตู
“ยังไม่กลับครับ ขอดื่มน้ำก่อนหิวพอดี” ชายหนุ่มเดินตามหญิงสาวเข้ามานั่งบนพื้นแล้วแกล้งบอกเธอว่าหิวน้ำเพราะยังไม่อยากกลับ
เขายังไม่รู้ข้อมูลของเธออีกตั้งหลายอย่างถึงแม้จะให้คนไปสืบมาแล้วแต่เขาก็ยังอยากฟังจากปากเธออยู่ดี
“นี่ค่ะ เดี๋ยวหนูขอไปเปลี่ยนชุดก่อนนะคะ ใส่ชุดนี้แล้วเหมือนตัวเองยังไม่หายป่วยยังไงไม่รู้”
“ครับ ตามสบาย”
หญิงสาวพูดจบก็หายเข้าไปในห้องน้ำพร้อมด้วยเสื้อผ้าของตนเอง ส่วนชายหนุ่มที่นั่งอยู่บนพื้นก็ใช้โอกาสนี้สำรวจห้องของเธอไปด้วย จึงเห็นว่าห้องของสองสาวมีเบาะวางอยู่บนพื้น มีทีวีวางอยู่บนโต๊ะเก่า ๆ มีตู้เย็นอยู่ตรงมุมห้อง แล้วก็มีระเบียงเล็ก ๆ เอาไว้ตากผ้าและอื่น ๆ อีก แต่ทุกอย่างก็ถูกจัดวางได้อย่างลงตัวไม่ได้ดูเกะกะสายตาแต่อย่างใด
“เสร็จแล้วค่ะ ขอบคุณมากนะคะที่มาส่ง” นัดดาเปลี่ยนชุดเรียบร้อยก็เดินออกมานั่งบนพื้นตรงข้ามชายหนุ่มแล้วยกมือขึ้นมาขอบคุณเขาอีกครั้งอย่างซาบซึ้งใจ
“ครับ ว่าแต่นัดบอกว่ากำลังหางานทำอยู่หมายความว่ายังไง”
“คือนัดมาจากต่างจังหวัดน่ะค่ะ เพิ่งเรียนจบก็เลยมาหางานทำที่กรุงเทพฯ อีกอย่างนัดใฝ่ฝันอยากเป็นดาราจึงอยากมาอยู่กรุงเทพฯ แต่ว่ามันหลายเดือนแล้วยังหางานทำไม่ได้เลย ไปแคสงานก็ไม่ผ่าน นิสาจึงชวนไปทำงานที่ร้านของคุณแดเนียลก่อนจะได้มีเงินใช้ค่ะ”
“อืม แล้วตอนนี้ยังอยากทำงานที่ร้านของแดเนียลอีกไหม”
“ไม่เอาแล้วค่ะ ไม่กล้าไปแถวนั้นอีก”
“เอาแบบนี้ไหม ไปทำงานที่บริษัทของพี่ เพราะที่นั่นมีสวัสดิการเป็นที่พักให้พนักงานเข้าพักฟรี จ่ายแค่ค่าน้ำค่าไฟก็พอ แถมยังเดินทางไปทำงานสะดวก”
“จริงเหรอคะ บริษัทแบบนี้ก็มีด้วย แต่หนูเกรงใจพี่เอริคช่วยหนูตั้งหลายอย่าง”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ ไม่ต้องเกรงใจ พี่อยากให้นัดไปทำงานที่บริษัทของพี่นะ นัดจะได้ไม่ต้องรบกวนเพื่อนอีก นัดจะได้มีห้องพักเป็นของตัวเอง มีเงินเดือนด้วย”
“อืม ก็ได้ค่ะ แล้วจะให้นัดไปเริ่มงานวันไหน”
“มะรืนนี้ พรุ่งนี้พี่จะมารับ โอเคนะ”
“ค่ะ ขอบคุณอีกครั้งนะคะ สำหรับความช่วยเหลือต่าง ๆ โชคดีจริง ๆ ที่นัดได้เจอพี่เอริค”
“ด้วยความยินดีครับ”
นัดดายิ้มออกมาอย่างมีความสุขที่เธอจะได้มีงานทำเสียที มีห้องพักเป็นของตัวเอง มีเงินเดือนอย่างคนอื่น ๆ จะได้ส่งกลับไปให้ที่บ้านสักที จึงตอบตกลงชายหนุ่มแบบง่าย ๆ โดยลืมไปว่าบนโลกใบนี้ไม่มีอะไรได้มาแบบฟรี ๆ
อีกอย่างเขาคือผู้มีพระคุณเธอจึงไว้ใจ ไม่ระแคะระคายอะไรเลยว่าเหตุใดคนที่เพิ่งพบกันเพียงไม่กี่วันถึงยอมช่วยเหลือกันถึงเพียงนี้
ส่วนชายหนุ่มก็ยิ้มออกมาด้วยความพึงพอใจที่เธอตอบตกลงข้อเสนอของตนเองอย่างง่ายดายแล้วจ้องไปที่ใบหน้าหวาน ๆ ของหญิงสาวราวกับว่าเธอคืออาหารอันโอชะที่รอให้เขากลืนกินอย่างเอร็ดอร่อย