บทที่ 7

1379 คำ
“ฉันต้องการคนช่วยทำบัญชี! อีกสิบห้านาทีไปเจอกันที่ออฟฟิต แล้วก็ช่วยไปเปลี่ยนชุดที่มันดูดีกว่านี้ด้วย!” คนอารมณ์ร้ายไม่เสียเวลาพูดต่อ เพราะทันทีที่เขาบอกถึงสิ่งที่ต้องการร่างสูงก็หมุนตัวเดินหนีกลับไปที่รถของตัวเองอีกครั้งและขับบึ่งออกไปเบื้องหน้าอย่างรวดเร็วไม่รอให้อีกคนได้ทันตอบอะไรกลับไป  มิ่งขวัญได้แต่ลอบถอนหายใจออกมาเบาๆ ให้กับความเอาแต่ใจของคนชอบสั่งก่อนเธอจะหมุนตัวเดินกลับไปทางเดิมที่เพิ่งจะเดินมาและแน่นอนว่าจุดหมายปลายทางนั้นจะเป็นที่ไหนไปไม่ได้นอกจากออฟฟิตขนาดเล็กที่ถูกสร้างขึ้นกลางไร่เพื่อเอาไว้ให้ทัดเทพได้ทำการเจรจากับลูกค้าชั้นดีของเขานั่นเอง            หญิงสาวใช้เวลานานกว่าสิบห้านาทีที่ทัดเทพกำชับเอาไว้ในการเดินทางมาถึงที่หมาย เพราะเธอยังต้องเดินเท้าย้อนกลับไปที่บ้านหลังน้อยเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าที่คิดว่าน่าจะดูดีที่สุดตามคำสั่งของคนบ้าอำนาจซะก่อน และกว่าทุกอย่างจะเสร็จสิ้นก็กินเวลานานถึงยี่สิบนาทีกว่าๆ ซึ่งแน่นอนว่าสิ่งแรกที่ได้เห็นเมื่อมาถึงจุดหมายคือแววตาไม่พอใจของคนที่ยืนกอดอกรออยู่ก่อนหน้าแล้ว            “ชักช้า! นี่คงจะมัวแต่เดินอ๋อยคนงานชายในไร่ของฉันอยู่สิท่า ถึงได้กินเวลานานถึงขนาดนี้!” คำว่าของเขารุนแรงพอๆ กับดวงตาที่จ้องมองกันเหมือนคนที่เกลียดชังกันมาทั้งชีวิตก็ไม่ผิด และแต่ละสิ่งที่เขาทั้งคิดและพูดออกมานั้นมันก็ล้วนแล้วแต่เป็นเพียงคำกล่าวหาที่ไม่มีวันเป็นจริงเสียส่วนใหญ่ เธอไม่เคยคิดอะไรแบบนั้นเลยสักครั้ง ทุกๆ คนที่นี่ล้วนแล้วแต่ไม่ต่างอะไรกับคนในครอบครัวของเธอเลยสักนิด คงมีแค่เขาเพียงคนเดียวเท่านั้นที่คิดเรื่องพวกนี้ออกมาได้อย่างหน้าตาเฉย            “ขวัญขอโทษค่ะ ทีหลังจะระวังไม่ให้ช้าอีก” แต่นั่นคือสิ่งที่หญิงสาวตอบกลับออกไปเพราะถึงจะแก้ตัวเท่าไหร่สุดท้ายเขาก็คงหลับหูหลับตาไม่ยอมฟังกันอยู่ดี เพราะไม่ว่าเธอจะทำอะไรมันก็ผิดไปหมดสำหรับเขาเสมอ!            “ไปเริ่มงานของเธอได้แล้ว แล้วก็อย่าทำพลาดเหมือนครั้งที่แล้วอีก ไม่อย่างนั้นฉันจะหักเงินเดือนเธอทั้งเดือน!” คนใจร้ายประกาศลั่นก่อนจะหมุนตัวเดินกลับไปยังโต๊ะทำงานของตัวเองในห้องที่ติดแอร์เอาไว้รับรองแขกทันทีที่พูดจบ ต่างจากมิ่งขวัญที่ต้องพาตัวเองไปนั่งที่โต๊ะทำงานตัวเล็กที่อยู่ในมุมอับที่ทั้งร้อนและเต็มไปด้วยเอกสารมากมายที่เธอต้องจัดการกับมันให้เสร็จภายในวันนี้ด้วยตัวเองทั้งหมด ซึ่งเรื่องนี้มันก็น่าแปลกใจไม่ใช่น้อยเพราะเอกสารตรงหน้านี้ล้วนแล้วแต่มีความสำคัญกับไร่ชาแห่งนี้ทั้งสิ้น แต่ทัดเทพกลับยอมมอบหมายให้เธอเป็นคนจัดการกับมันอยู่เรื่อยมาอย่างไม่คิดเคลือบแคลงสงสัยอะไรเลย ราวกับว่าเขาไว้ใจเธอแค่เพียงคนเดียวก็ไม่ผิด            หญิงสาวค่อยๆ เอื้อมมือรวบผมที่ยาวสลวยสีดำที่บ่งบอกถึงการได้รับการดูแลมาเป็นอย่างดีขึ้นเพื่อคลายความร้อนก่อนจะดึงเอาหนังยางในกระเป๋าออกมามัดผมทั้งหมดรวบขึ้นสูงเพื่อมัดเอาไว้อย่างหลวมๆ โดยไม่ทันรู้ตัวเลยสักนิดว่าการกระทำทั้งหมดของตัวเองนั้นกำลังถูกจ้องมองจากสายตาคมกริบทรงอำนาจอีกคู่ที่อยู่ไม่ไกลกันเท่าไหร่นักตลอดเวลา ทัดเทพรู้สึกถึงลมหายใจที่สะดุดเป็นช่วงๆ ยามเมื่อเงยหน้าขึ้นมาเห็นใบหน้าอ่อนหวานที่ปราศจากเครื่องสำอางของมิ่งขวัญเข้า ยิ่งเมื่อได้เห็นใบหน้ารูปไข่ที่ทุกๆ อย่างบนใบหน้านั้นเข้ากันได้อย่างลงตัวเขาก็ยิ่งรู้สึกอยากจะหยุดการทำงานทั้งหมดตัวเองลงแล้วเปิดประตูไปกระชากหนังยางบ้าๆ นั่นออกไปให้พ้นสายตาให้มันรู้แล้วรู้รอดไป            เขาไม่ชอบใจทุกๆ สิ่งที่ผู้หญิงคนนั้นทำ            และก็ไม่อยากให้ใครหน้าไหนมาเห็นมิ่งขวัญในภาพที่น่ารักชวนมองเช่นนี้ด้วย ไม่รู้ว่ามันคือความหวงแหนที่ถูกซ่อนเอาไว้ในที่ที่ลึกสุดหัวใจหรือเพราะจะเป็นเพียงแค่ความไม่พอใจส่วนตัวที่เขามีต่อเธอกันแน่ที่กำลังจุกแน่นอยู่กลางอกของเขาในเวลานี้            ไม่รู้เลยจริงๆ มิ่งขวัญยังคงตั้งหน้าตั้งตาทำหน้าที่ของตัวเองที่ได้รับมอบหมายมาต่อไปเรื่อยๆ จนกระทั่งเวลาล่วงเลยไปถึงช่วงที่ต้องไปรับลูกสาวที่หน้าไร่มาถึงเธอจึบตัดสินใจลุกขึ้นยืนและเดินไปเคาะประตูห้องของทัดเทพเป็นอันดับต่อมา และเมื่อชายหนุ่มพยักหน้าอนุญาตเธอก็ไม่รีรอที่จะรีบพาตัวเองเข้าไปด้านใน และทันทีที่ร่างกายสัมผัสเข้ากับความเย็นภายในห้องความสดชื่นก็ค่อยๆ เข้ามาแทนที่ความเหนื่อยล้าจากการต้องนั่งทนร้อนมาตลอดทั้งวันท่ามกลางความร้อนที่แสนทรมาน            “ขอโทษค่ะคุณวี คือว่า...คุณวีจะว่าอะไรไหมคะว่าขวัญจะขออนุญาตออกไปรับลูกสักครู่ แล้วขวัญจะรีบกลับมาทำงานที่ค้างอยู่ให้เสร็จค่ะ” ทัดเทพวางมือจากเอกสารตรงหน้าก่อนจะจ้องมองเจ้าของเสียงหวานๆ ด้วยสายตาเรียบเฉย ยามเมื่อได้เห็นใบหน้าอ่อนหวานที่เต็มไปด้วยหยาดเหงื่อมันทำให้เขารู้สึกว่ามิ่งขวัญในยามนี้ช่างน่ามองมากกว่าครั้งไหนๆ ซึ่งอีกฝ่ายคงไม่มีทางรู้หรอกว่าตัวเองมีเสน่ห์ต่อเพศตรงข้ามมากแค่ไหน ส่วนเขาเองก็จะไม่มีวันยอมบอกเรื่องนี้ให้เธอได้รู้มันเช่นกัน!!            “คุณวีคะ...” หญิงสาวจำต้องเอ่ยถามออกไปอีกครั้งเมื่อคนตรงหน้าเอาแต่นั่งจ้องหน้ากันไม่ยอมตอบหรือเอ่ยอะไรออกมาเสียที ไม่อยากให้เขาจ้องกันด้วยสายตาแบบนี้เลย มันพลอยทำให้เธอรู้สึกร้อนๆ หนาวๆ ขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก เพราะว่ามันคือสายตาร้อนแรงเหมือนกับคืนนั้น คืนที่เขาใช้จ้องมองกันก่อนทุกอย่างจะเลยเถิดไปตามครรลองของธรรมชาติที่ใครก็ต้านทานมันไม่ได้ซึ่งตัวเธอเองก็เช่นกันที่ไม่อาจปฏิเสธสัมผัสของเขาได้จำต้องปล่อยให้ทุกๆ อย่างดำเนินต่อไปจนกระทั่งถึงเช้าวันใหม่            “ฉันโทรสั่งให้แววดาวออกไปรับแทนแล้ว อีกเดี๋ยวก็คงพามาส่งให้ที่นี่!” ใบหน้าอ่อนหวานของหญิงสาวสะท้อนความสงสัยไม่น้อยเมื่อได้ยินคำตอบที่ดังขึ้นเข้า เพราะเธอไม่คิดว่าคนอย่างทัดเทพจะให้ความสำคัญกับเรื่องเล็กน้อยเหล่านี้ เพราะที่ผ่านมานั้นเขาแทบจะไม่เคยสนใจเลยด้วยซ้ำไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ตามที่มันเกี่ยวข้องกับเธอและลูก เขามักจะมองข้ามกันอยู่เสมอเลยทำให้เธอคิดว่าเขาคงไม่มีวันมาสนใจกัน แต่สิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้ตอนนี้มันทำให้เธอต้องเริ่มคิดใหม่เสียแล้วสิ            “ขอบคุณมากนะคะคุณวี” หญิงสาวเอ่ยขอบคุณพร้อมรอยยิ้ม รอยยิ้มที่มันกระชากเอาใจแข็งกระด้างของคนที่ได้เห็นไปได้อย่างง่ายดาย รอยยิ้มที่เขาหวงแสนหวงและรู้สึกหงุดหงิดทุกทีที่เห็นเธอส่งให้กับคนอื่น            “หมดเรื่องแล้วก็รีบกลับไปทำงานต่อได้แล้ว!” มิ่งขวัญพยักหน้ารับพร้อมรอยยิ้มก่อนจะหมุนตัวและเดินออกไปทำงานที่ค้างคาอยู่ของตัวเองต่อไปเรื่อยๆ ไม่นานเสียงเจื้อยแจ้วคุ้นหูก็ดังขึ้นพร้อมๆ กับร่างเล็กในชุดนักเรียนน่ารักที่วิ่งตรงเข้ามาหาผู้เป็นแม่พร้อมรอยยิ้มสดใสที่ใครเห็นก็ต้องพากันหลงรักไปเสียทุกราย
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม