“ดี!” นางเค้นเสียงลอดไรฟัน ยกมือไพล่หลังแล้วเดินผละออกห่างจากร่างสูงโปร่ง ครั้นได้เห็นภาพเรือรบจำนวนห้าลำกำลังแล่นตรงเข้ามาหา นัยน์ตากวางก็หรี่ลง ริมฝีปากจิ้มลิ้มเริ่มขยับเปล่งเสียงหวานลื่นหู “เราสามารถใช้เรือสำเภาที่พวกข้าโดยสารมาก่อนหน้านี้ให้เป็นประโยชน์” นางเอ่ยพลางชี้นิ้วไปยังเรือสำเภาที่เต็มไปด้วยซากศพ จนนางได้กลิ่นคาวโลหิตพัดมาเป็นระยะๆ หยางหวู่พยักหน้าเป็นเชิงอนุญาตให้อีกฝ่ายพูดต่อ หวังว่านางจะไม่ทำให้พวกเขาผิดหวังโดยการบอกให้พวกเขาพาทหารหลายร้อยนายอพยพข้ามเรือไป “แผนการครั้งนี้ต้องใช้คนอย่างน้อยห้าคน” มู่เฟยเหลียนกวาดตามองคนทั้งหมด ก่อนจะหยุดลงที่หยางหวู่เป็นอันดับสุดท้าย “สองคนทำหน้าที่ช่วยกันถอนสมอ คนหนึ่งกางใบเรือ ส่วนอีกคนหนึ่งต้องมีความเชี่ยวชาญในการบังคับพังงา...” “แล้วคนสุดท้ายเล่า” ฝูเหิงเอ่ยถามเมื่อรู้สึกว่าคำอธิบายของนางยังช้าเกินไป “จุดไฟ” นางตอบเสียงเรียบ การพูด