เกิดใหม่...ใกล้เธอ
2
แต่เดิมแล้วตันหยงก็ไม่เชื่อเรื่องของชาติภพหรือการเวียนว่ายตายเกิดเท่าไหร่นัก แต่หลายๆวันมานี้เธอกลับจดจำเหตุการณ์เมื่อชาติภพที่แล้วได้ทุกเรื่องราว ตั้งแต่เกิดจนตาย แต่ปาฎิหารย์ที่เกิดขึ้นกับเธอตอนนี้ หญิงสาวได้แต่ปิดปากเงียบกริบ ไม่กล้าที่จะเอ่ยปากบอกเล่ากับใคร ถึงแม้ว่าอยากจะเล่าใจแทบขาดก็ตาม เพราะยังไม่พร้อมให้คนรอบข้างมองเธอเป็นบุคคลที่แปลกประหลาดในตอนนี้
ตันหยงมาหยุดยืนอยู่ที่หน้าคฤหาสน์ของตระกูลวสุนันท์ซึ่งเป็นบ้านเก่าของเธอตั้งแต่ชาติก่อน
ไม่น่าเชื่อว่าเธอจะมาถูกบ้าน สภาพของบ้านก็ยังดูไม่แตกต่างไปจากเดิมเท่าไหร่ ถึงแม้ว่าเวลาจะล่วงเลยมาจนถึงยี่สิบปีแล้วก็ตาม
"แม่คะ หนูคิดถึงแม่"
ตันหยงมายืนเกาะอยู่ตรงกำแพงรั้วสูงหน้าบ้าน ได้แต่แอบเมียงมองเข้าไปข้างใน ไม่กล้าแม้แต่จะกดกริ่งเรียก ถึงแม้ว่าแม่แพรวาในชาติปัจจุบันของเธอจะเป็นเพื่อนรุ่นน้องกับแม่ปณิดาของเธอเมื่อชาติที่แล้วก็ตาม
แต่ในช่วงหลังๆนี้เธอสังเกตุว่าทั้งคู่นั้นแทบจะไม่ได้พบเจอกันเลย จะเรียกว่าตั้งแต่เธอเกิดมาในชาตินี้เลยก็คงไม่ผิด
ถ้าจำอดีตชาติไม่ได้ ตันหยงก็คงจะไม่รู้จักแม่ปณิดาของเธอด้วยซ้ำ ส่วนสาเหตุเกิดจากเรื่องอะไรนั้น ตันหยงคงต้องกลับไปสืบสาวราวเรื่องกับแม่แพรวาของเธออีกครั้งหนึ่ง
"คุณคะ มาหาใครคะ?"
หญิงชราที่ยืนอยู่ในรั้วบ้านท่าทางใจดีคนนั้นถามขึ้นมาอย่างแผ่วเบาด้วยความสงสัย เสียงคุ้นเคยทำให้หญิงสาวต้องรีบหันไปมองพร้อมกับรอยยิ้มกว้างอย่างลืมตัวว่าเธอในชาตินี้ไม่ได้รู้จักกัน
"ป้าศรี"
ตันหยงเผลอหลุดเรียกชื่อของหญิงชราออกมาแต่คาดว่าอีกฝั่งคงจะไม่ทันได้ยิน น้ำตาคลอเบ้าขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ ป้าศรีคือแม่นมของเธอเมื่อชาติที่แล้ว เธอรักท่านไม่ต่างจากผู้เป็นมารดาแท้ๆ
"เอ่อ หนูน่าจะมาผิดบ้านค่ะ ขอโทษนะคะ"
ตันหยงกล่าวเสร็จก็เดินจ้ำอ้าวจากไปอย่างเร่งรีบ เพราะเธอเกรงว่าจะร้องไห้ขี้แยจนดูเป็นคนสติไม่สมประกอบ ที่อยู่ๆเป็นคนแปลกหน้ามายืนร้องไห้อยู่หน้าบ้านคนอื่น
"ใครน่ะศรี?"
คุณปณิดาเจ้าของคฤหาสน์หลังใหญ่เดินตามออกมาทีหลัง และชะเง้อมองไปตรงประตูรั้วสูงหน้าบ้าน นางไม่เข้าใจว่าเป็นเพราะเหตุใดถึงอยากเดินออกมาตรงนี้
"เอ่อ แม่หนูคนสวย ๆ ใส่ชุดนักศึกษาน่ะค่ะ มายืนนิ่งอยู่หน้าบ้านนานแล้ว อิฉันเลยเดินออกมาดูแต่แม่หนูบอกว่ามาผิดบ้าน"
"อ๋อ อย่างนั้นเหรอ แต่ก็ระวังๆหน่อยนะ สมัยนี้มิจฉาชีพเยอะเชียวล่ะ"
กล่าวเสร็จคุณปณิดาก็หันหลังจะเดินกลับเข้าไปในคฤหาสน์เหมือนเดิม ไม่รู้เหตุใดอยู่ๆถึงได้นึกถึงใบหน้าบุตรสาวผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว
วี้ด~
อยู่ๆสายลมเย็นก็พัดขึ้นปะทะเข้ากับใบหน้าของหญิงสูงวัยเบาๆคล้ายกับใครบางคนเดินผ่านแล้วก็หายไป
"วนิดาใช่มั้ยลูก?"
คุณปณิดาถามขึ้นเบา ๆ ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือไม่ แต่ว่าในขณะนี้ตนนั้นคิดถึงบุตรสาวผู้ที่ล่วงลับไปแล้วเหลือคณา ยี่สิบปีที่ผ่านมาไม่เคยไม่มีวันไหนไม่คิดถึง
ทั้งแต่วนิดาตายจากไปคุณปณิดาก็เก็บตัวอยู่แต่ในบ้านไม่คบค้าสมาคมกับผู้ใด ดั่งว่าชีวิตที่เหลือ จะอยู่เพื่อไว้อาลัยให้ผู้เป็นบุตรสาวอยู่เงียบๆจนกว่าจะสิ้นลมและตายจากไป
หญิงสาวยังคงยืนแอบมองอยู่นอกรั้วน้ำตาไหลพรากเมื่อเห็นหน้าผู้เป็นมารดาในอดีตแต่ชาติอีกครั้ง
"แม่ขา วนิดาอยู่นี่ไงคะแม่"
ร่างผอมบอบบางของหญิงสูงอายุผมสีดอกเลา ถึงจะมองอยู่ห่างๆตันหยงก็มองออกว่าท่านชราขึ้นมากและก็ดูซูบผอมกว่าเมื่อก่อนมากเช่นกัน
ใบหน้าของท่านนั้นดูเศร้าสร้อยจนหญิงสาวรู้สึกใจหาย คุณปณิดาค่อยๆเดินหายลับเข้าไปข้างในคฤหาสน์หรูหลังใหญ่
ตันหยงยังคงยืนร่ำไห้อาลัยคิดถึงผู้เป็นแม่ในอดีตแต่ชาติผ่านม่านดวงตา และไหลหยดลงมาเป็นหยดน้ำใสๆราวกับหยดน้ำค้างที่พร่างพราว
แทบไม่น่าเชื่อว่าเธอกลับมาเกิดใกล้กันเพียงนี้ แต่ดูเหมือนว่าห่างไกลกันเหลือเกิน รู้จักเขาแต่พวกเขาเหล่านั้นไม่รู้จักเธอสักนิด ถ้าเผลอพูดออกไปตามความเป็นจริง คงได้โดนไล่ออกมาพร้อมกับคำกล่าวหาว่าเป็นบ้าบอแน่ๆ คิดได้แบบนี้หญิงสาวก็รู้สึกเศร้าใจ
'มันดีใช่มั้ยตันหยง ที่เธอจำอดีตชาติได้ ถ้ามันดีทำไมเล่าถึงได้รู้สึกเศร้าใจขนาดนี้'
ตันหยงเกิดมาในชาตินี้ ในยุคแห่งความเจริญของเทคโนโลยีและอารยธรรมที่พัฒนาขึ้นในทุกๆด้านของมนุษย์ เธอแทบจะไม่เคยเชื่อถึงสิ่งเร้นลับที่พิสูจน์ทางวิทยาศาตร์ไม่ได้เลยแม้แต่นิด มันค่อนข้างจะน่าแปลกใจอยู่ไม่น้อยทำใจรับไม่ทัน ไม่รู้ว่าต้องเริ่มที่ตรงไหนก่อนดี รู้แต่เพียงว่าเธอเกิดมาเพื่อเขา เกิดมาเพื่อที่จะกลับมารักเขาอีกครั้ง เขาคนนั้นในอดีตชาติของเธอ...ชานนท์ผู้ชายคนเดียวที่ติดตรึงอยู่ในห้วงหัวใจของเธอ ไม่ว่าจะเป็นชาติก่อนหรือว่าชาติภพนี้ก็ตาม