“เจินเอ๋อร์... เจ้าเข้าใจข้าเถิดนะ ข้าไม่มีทางเลือกจริงๆ”
หญิงสาวหลบสายตาเว้าวอนของชายหนุ่ม นางหลุบตาลงที่หลังมือของตนเอง มือใหญ่ที่เคยประคองให้ไออุ่นมาตลอดหลายปีที่ผ่านมานั้น กลับสร้างความเยียบเย็นที่หัวใจจนรู้สึกว่า หัวใจของตนเองคงหยุดเต้นไปชั่วขณะ
“ท่านทำเช่นนี้ได้อย่างไร” หญิงสาวพึมพำ ดวงตาของนางแห้งผากแม้อยากหลั่งน้ำตาเพียงใดนางทำได้เพียงแค่อดทนทนรับฟังเรื่องปวดร้าวเหล่านี้
“ข้ารักเจ้า แต่...ข้าจำเป็นต้องแต่งซินเอ๋อร์” ชายหนุ่มพยายามอธิบาย “เจ้าอดทนรอข้าสักครึ่งปีเถิด แล้วข้าจะแต่งเจ้าเข้าบ้านเป็นภรรยารองของข้า”
“ท่านพูดอะไรออกมา!”
หญิงสาวได้แต่ส่ายหน้ากลั้นน้ำตาที่คลอเบ้า นางไม่ได้หวังว่าตนเองต้องได้ตำแหน่งภรรยาเอก นางรู้ว่าบุรุษแต่งภรรยาได้หลายคน แต่ก่อนหน้านี้เขาเคยสัญญากับนางเป็นหมั่นเหมาะ จะแต่งนางเป็นภรรยาเดียว
“เจ้าเป็นคนเดียวที่ข้ารัก...แค่...แค่รอให้ข้าแก้ปัญหากับซินเอ๋อร์ให้เรียบร้อยก่อน”
“ท่านอย่าพูดอะไรอีกเลย!ข้ารับเรื่องพวกนี้ไม่ได้แล้ว”
หญิงสาวอยากร้องไห้ นางปรารถนาเหลือเกินที่จะให้ความเศร้าหลั่งไหลออกมา สมองยังมึนงงกับหลากหลายเรื่องราวที่ทะลักเข้ามาจากปากชายหนุ่มผู้เป็นที่รักของนาง แต่ถ้อยคำของเขาทำให้นางต้องดึงมือตัวเองกลับแล้วยกมือขึ้นปิดหู
ไม่ซิ! ไม่ใช่! ตอนนี้เขาไม่ใช่คนรักของนางอีกแล้ว เขายังเป็นคนรักของใครอีกคนด้วย
ซ้ำร้าย... เขาคือคนที่นางกำลังจะแต่งงานด้วยแต่กลับไปทำหญิงผู้หนึ่งตั้งท้อง และผู้หญิงคนนั้นก็คือ“หลินชูซิน” ญาติผู้น้องของนางเอง
“เจินเอ๋อร์”
“ติงกว่างอาน”
นางเรียกชื่อเขาด้วยน้ำเสียงห่างเหินแล้วแกะมือของตนออกจากมือของเขา
“นับจากนี้ เราจบกันแค่ตรงนี้เถิด” หญิงสาวยกมือปิดปากกลั้นสะอื้น “อย่าทำอะไรให้ข้ารู้สึกเกลียดท่านมากไปกว่านี้เลย”
“เจินเอ๋อร์”
หญิงสาวถอยห่างจากชายหนุ่มแล้วหมุนตัววิ่งออกมา นางไม่ต้องการพบเขาอีก อย่างน้อยก็ในเวลานี้ เขาเป็นศิษย์คนโปรดของบิดา แต่เดิมฐานะการเงินของเขาไม่ดีนัก แต่ด้วยความที่เป็นคนฉลาดร่ำเรียนเขียนอ่านได้รวดเร็ว ชายหนุ่มเป็นที่ชื่นชม บิดาของนางทุ่มเทสนับสนุนให้เขาจนกระทั้งสอบเป็นบัณฑิต เขาสัญญากับนางจะแต่งนางเป็นภรรยา แต่แล้ววันนี้เขากลับนัดพบนางเพื่อบอกว่า เขาต้องแต่งงานกับญาติผู้น้องของนางเอง เพราะหลินชูซินตั้งครรภ์อ่อนๆ แล้ว
ริมแม่น้ำที่เคยเดินเคียงข้าง ทิวทัศน์ที่เคยงดงาม ยามนี้กลับทำให้นางปวดใจแสนสาหัส น้ำตาที่เอ่อคลอทำให้เบื้องหน้าพร่าเลือน ร่างบอบบางชนเขากับบุรุษร่างสูงใหญ่ ความแข็งแกร่งของเขาทำให้หญิงสาวถึงกับผงะจะล้มลง แต่สองมือของเขาประคองไหล่สองข้างไว้ได้ทัน
“เจินเอ๋อร์”
หญิงสาวไม่มีเวลาสนใจความเจ็บปวดของตัวเอง นางหันกลับไปมองทางด้านหลังอย่างหวาดผวา และเหมือนชายหนุ่มแปลกหน้าจะรู้ เขาดึงหญิงสาวเข้ามากอดแนบชิดและเบี่ยงตัวหลบไปหลังต้นไม้ใหญ่ที่ยืนต้นตระหง่าน
ด้วยความตกใจและต้องการหลบหน้าคนรักทำให้หญิงสาวยอมรับการช่วยเหลือ นางซุกตัวอยู่ในอกกว้าง เสียงหัวใจที่เต้นเป็นจังหวะสม่ำเสมอและกลิ่นอายบุรุษเพศที่ไม่คุ้นเคยกลับทำให้หญิงสาวรู้สึกคลายความหวาดกลัวลง
“เขาไปแล้ว” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยขึ้น “ชายผู้นั้น...ไปแล้ว”
หญิงสาวผละจากอกของเขาราวกับเพิ่งได้สติ นางเงยหน้าจากแผงอกและหันไปมอง เห็นเพียงแผ่นหลังของชายคนรักเดินไปไกลแล้ว
“ขอบ...ขอบคุณ”
นางเอ่ยเบาๆ แล้วหมุนตัวจะเดินหลบไปอีกทาง แต่ร่างเล็กกลับถูกรั้งไว้ด้วยมือใหญ่ดึงข้อมือของนางไว้ก่อน หญิงสาวมองเขาอย่างงุนงง แล้วเขาก็เฉลยในพริบตาถัดมาเมื่อเขาใช้นิ้วโป้งเกลี่ยน้ำตาของหญิงสาว เพียงเสี้ยวเวลาอันแสนสั้น หยาดน้ำตาถูกลบเลือนไป แม้ใบหน้าอีกฝ่ายเคร่งขรึมแต่หญิงสาวก็ได้เห็นดวงตาสีนิลจ้องมองด้วยแววตาเจือความอ่อนโยน ทว่าในความอ่อนโยนนั้นคล้ายมีความโกรธแค้นฉาบทับที่แววตา
หญิงสาวผละออกห่างแล้วรีบวิ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว