ต้นหนุ่มตกงานประจำรักคุด รีบเดินอย่างว่องไวเพื่อมาทำอาชีพเสริม เขายิ่งรีบเหมือนยิ่งช้าเพราะผู้คนเดินกันควักไข่ว ในบริเวณถนนคนเดินที่เชียงใหม่ ต้นใช้เวลาเดินทางราวสามสิบนาที ก็มาถึงร้านนวดฝ่าเท้าข้างทาง
"มาเร็วเข้าประจำที่เลย ลูกค้านั่งรอเต็มไปหมดแล้ว" ป้าทองคำตะโกนเสียงดัง พร้อมกับจัดที่ให้ลูกค้า และต้นหมอนวดหนุ่มวัยยี่สิบสาม
"ครับป้า"ต้นรีบนำกระเป๋าไปเก็บไว้และมานั่งประจำตำแหน่ง ซึ่งลูกค้าหนุ่มชาวจีนนั่งรออยู่
"สวัสดีครับ"ต้นทักทายเป็นภาษาอังกฤษ เขาพอพูดได้บ้างเพราะจบชั้น ม.6 มา
ลูกค้าหนุ่มชาวจีนยิ้มให้ต้น และมองต้นนิ่งชั่วครู่ จนทำให้ต้นเริ่มรู้สึกเขินอาย
"นวดกี่ชั่วโมงครับ"ต้นรีบถามเพราะจะได้เริ่มทำงาน
" 1 ชั่วโมงครับ"
เมื่อได้รับคำตอบแล้ว ต้นจึงจัดแจงนำผ้าชุ่มน้ำ บรรจงเช็ดเท้าอย่างช้าๆจนสะอาด หลังจากนั้นต้นก็ชะโลมน้ำมันนวดคลึงเบาๆบริเวณเท้าทั้งสองข้าง
"นวดหนักๆหน่อย"หนุ่มจีนพูดขึ้น
"ยังไม่ได้นวดครับ แค่เริ่มต้นชะโลมน้ำมันก่อน"ต้นฝืนยิ้มให้ลูกค้าแถมคิดในใจว่า โดนงานหินอีกแล้ว ถึงว่าทำไมป้าทองคำไม่นวดเอง
หลังจากชะโลมน้ำมันที่ฝ่ามือเสร็จ ต้นจึงเริ่มออกแรงหนักขึ้น จนเป็นที่พอใจของหนุ่มจีน ส่วนต้นก็รู้สึกหงุดหงิดนิดหน่อย แต่ก็อดทนเพราะต้องทำเพื่อเงิน มาใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน
ต้นนวดฝ่าเท้าไปเรื่อยๆและไม่ได้มองหนุ่มจีนเลย ถึงจะเห็นครั้งแรกว่าหล่อ ขาว ตี๋ แต่มาสดุดกับคำว่าหนักๆ และต้องออกแรงพอสมควร โดยเฉพาะนิ้วหัวแม่มือต้องรีดทั้งฝ่าเท้า หน่อง แต่ก็มีบ้างที่เขาใช้ไม้กดจุด แต่จางเจี๋ยหนุ่มจีนไม่รู้สึกเจ็บอะไร กลับกันเขารู้สึกสบายเท้า
จางเจี่ยเหม่อมองผู้คน ที่เดินไปมาบริเวณตรงหน้าเขา มีทั้ง จีน ฝรั่ง และคนไทยที่มากที่สุด เขามองด้วยความเพลิดเพลินใจ สบายเท้าและกาย เมื่อต้นเริ่มมานวด คอ บ่า ไหล่ ให้เขา จางเจี่ยหลับบตาพริ้มด้วยรู้สึกว่ามันคลายเมื่อยได้ลงเยอะ แต่แล้วความเพลิดเพลินก็ได้หายไป
"เสร็จแล้วครับ" ต้นบอกกล่าว แล้วยืนรอรับเงิน
"เท่าไรครับ" จางเจี่ยหยิบกระเป๋าเงินออกมา
"150 บาท ครับ"
จางเจี่ยควักเงินในกระเป๋าให้ 200 บาทแล้วยื่นให้ต้น
"ไม่ต้องทอน ทิป"
"ขอบคุณครับ"ต้นยกมือไหว้แล้วยิ้ม
จางเจี่ยก็เช่นกันยิ้มให้ต้น แล้วเขาก็เดินจากไปในท่ามกลางฝูง ส่วนต้นก็ยืนมองจนจางเจี่ยจนลับสายตา
"ไอ้ต้นยืนเหม่อหาอะไรมาทำงานต่อ เห็นมั้ยลูกค้าฝรั่งนั่งรออยู่" ป้าทองคำยืนท้าวเอวบ่นแล้วถอนหายใจ
"ครับป้า" ต้นรับคำแล้วรีบเก็บผ้าที่ใช้เสร็จไปวางไว้ หลังจากนั้นล้างมือแล้วมานั่งที่เดิม ส่วนลูกค้าก็เป็นฝรั่งหญิงสูงอายุ
"ทำไมวันนี้มาช้าจัง"นารีเพื่อนสาววัยใกล้เคียงถามอย่างสงสัย
"ติดงานที่ร้านออกมาไม่ได้เลย"ต้นหันมามองหน้านารี
"ดีแล้วนึกว่าติดผู้"นารีพูดพลางยิ้มติดตลกเพื่อเบี่ยงความรู้สึกของต้น
"บ้าจะติดได้ไง พึ่งอกหัก" ต้นค้อนนิดหน่อย
"ให้มานวดนะ ไม่ได้ให้มาคุยกัน เสียงดังรบกวนลูกค้า" ป้าทองคำตะโกนสุดเสียงเพราะอยู่ไกล
เมื่อทั้งสองได้ยินเช่นนั้นเลยหยุดชะงัก มองตากันนิดนึงแล้วอมยิ้ม แล้วทำการนวดฝ่าเท้ากันต่อไป ไม่คุยกันแม้แต่น้อย
" ว่าไง ต้น วันนี้ได้กั่ชั่วโมงแล้ว " นนท์หนุ่มวัยยี่สิบหก ซึ่งมาช้ากว่าต้นอีก มานั่งใกล้ๆเพื่อมานวดลูกค้ารายใหม่ ที่พึ่งมาเป็นฝรั่งหนุ่มใหญ่
"สี่ชั่วโมงครับพี่"ต้นหันมาพูดด้วย ทั้งๆที่พึ่งโดนว่าเมื่อครู่
" อ๋อ เหรอ พี่นวดที่ร้านได้ 5 ชั่วโมง นี่ชั่วโมงที่หกนะ"
" ครับ"ต้นแค่พยักหน้าและไม่พูดต่อ ด้วยความรำคาญที่นนท์ชอบคุยทับ และเกรงใจป้าทองคำเดี๋ยวตะโกนด่าอีก
เวลาผ่านไปอย่างช้าๆในความคิดหมอนวดทั้งหลาย จนถึงห้าทุ่มหมดเวลางาน บรรดาหมอนวดต่างช่วยกันเก็บเก้าอี้สิ่งของเข้าที่เข้าทาง หลังจากนั้นรับเงินแล้วแยกย้ายกันไป
"ไปไหนต่อต้น"นารีเพื่อนสาวตะโกนถามแล้วเดินมาหา
"ว่าจะไปกินข้าวแล้วกลับห้องเลย ไปด้วยกันมั้ยช่วงนี้เหงาอยู่คนเดียว"ต้นชวน และ ตีสีหน้าเศร้า
"เราก็อยากไป แต่โน้น"นารีโบ้ยปาก
"อ๋อ ผัวมารอนี่เอง"ต้นอมยิ้ม
"วันหลังเดี๋ยวจะไปหาที่ร้านนะ บ่าย" นารียกมือขึ้นแล้วรีบวิ่งไปหาสามีที่นั่งรออยู่บนมอเตอร์ไซค์
"ไปแล้วนะต้น ลูกค้านัด"นนท์เดินมาบอกและจากไป
ต้นมองตามแล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่ ส่วนต้นก็เดินไปอีกทางหนึ่ง ซึ่งมีผู้คนไม่มากเท่าไร ส่วนใหญ่จะเป็นพ่อค้าแม่ค้ากำลังเก็บข้าวของ ต้นเดินมาเรื่อยๆจนถึงประตูเชียงใหม่ และขึ้นไปบนลานที่ขายอาหาร ต้นเลือกร้านก๋วยเตี๋ยวเจ้าประจำ
"วันนี้กินอะไรจ๊ะต้น"วาสสาวใหญ่รีบถามทันที
"หมี่เหลืองเกี้ยวครับพี่"ต้นเดินไปตักน้ำใส่แก้ว แล้วมานั่งที่โต๊ะ ซึ่งเหลืออยู่ที่เดียว
สักพักตาลสามีของวาสก็นำก๋วยเตี๋ยวมาเสริฟ พร้อมกับถามไถ่
"วันนี้เป็นไงบ้าง"
"ก็พอได้นะพี่"ต้นพลางเติมเครื่องปรุง ใส่น้ำตาลเยอะหน่อย ส่วนพริกไม่ใส่เพราะไม่กินเผ็ด
"ตาลมารับออเดอร์ลูกค้าหน่อย "วาสตะโดนเรียก
ตาลเลยรีบเดินไปในทันที เพราะเขาค่อนข้างกลัวเมียพอสมควร
เมื่อต้นปรุงรสเสร็จ จึงจัดการหมี่เกี้ยวตรงหน้าในทันที ด้วยความหิวเขาจึงมุ่งแต่กิน ไม่ได้สนใจอะไรรอบข้าง แต่แล้วเขาต้องหยุดกินเพราะเสียงคุ้นหูเรียก
"ต้น ฝากลูกค้านั่งด้วย ไม่มีที่ว่างเลย"ตาลพาลูกค้าชาวจีนมาอยู่ตรงหน้าด้วย
ต้นเงยหน้าขึ้น และเขาก็ประหลาดใจ เพราะคนที่อยู่ตรงหน้า คือหนุ่มจีนที่เขาพึ่งนวดให้เมื่อหัวค่ำ
"ได้ครับ"ต้นยิ้มให้จางเจี่ย ส่วนจางเจี่ยก็ตอบรับไมตรีโดยการยิ้มกลับ
เมื่อจางเจี่ยนั่งลงเขาก็ไม่ปรุงอะไรเลย กินในทันทีโดยไม่สนต้นที่มองด้วยความแปลกใจ เพราะมันจืดมากๆ ถ้าให้ต้นกินเขาก็ไม่สามารถกินได้
ในระหว่างที่จางเจี่ยกำลังกินอย่างเอร็ดอร่อย ต้นก็อิ่มพอดีเขาจึงลุกขึ้นเดินไปจ่ายเงินให้วาส
"อิ่มมากเลยพี่ เดี๋ยวมาอุดหนุนใหม่"
"จร้า ขอบใจมาก"
หลังจากจ่ายเงินเสร็จเรียบร้อยแล้ว ต้นจึงข้ามถนนไปอีกฝั่งเพื่อกลับห้อง ที่ไม่มีใครอยู่รอการกลับมาของต้น ในขณะที่เขากำลังเดินคิดอะไรเรื่อยเปื่อย ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าและเสียงตะโกนจากด้านหลัง
"รอด้วย หยุดก่อน"
ต้นหยุดชะงักทันทีและหันไปมอง และนั่นก็คือหนุ่มจีนคนเดิมอีก เขาครุ่นคิดว่าหนุ่มจีนคนนี้จะเรียกให้หยุดดทำไม
"มีอะไร"ต้นมีสีหน้าสงสัย
"โรงแรมที่ผมอยู่ไปทางนี้ เราจะได้ไปด้วยกัน"จางเจี่ยยิ้มให้และเดินมาหยุดตรงหน้าต้น
"ก็ได้"ต้นยิ้มและงงงวยพอสมควร จู่ๆหนุ่มจีนมาขอเดินไปด้วยกัน
"งั้นไปเลย"จางเจี่ยพยักหน้าชวนและเดินนำไป
ส่วนต้นก็ก้าวเท้าเดินตามให้คู่กัน ต่างคนต่างเงียบมองข้างทางที่ผับบาร์ยังเปิดอยู่
"คุณชื่ออะไร"จู่ๆจางเจี่ยก็ถามขึ้น
"ต้น"
"ด้วน"จางเจี่ยพยายามเลียนสำเนียงให้เหมือน
ต้นแอบยิ้มแล้วคิด ชื่อต้นอยู่ดีๆกลายเป็นด้วนซะแล้ว
"ไม่ใช่ ต้น"ต้นพยายามพูดช้าๆ
"ต้วน"
"ต้น"
"ต้น ต้น ต้น"ในที่สุดจางเจี่ยก็พูดได้ชัดขึ้น
"ใช่เลย ออกเสียงแบบนี้แหล่ะ"ต้นยิ้มให้
"ผมชื่อจางเจี๋ยนะ"
"จางเจี๋ย"ต้นพูดตามอย่างชัดถ่อยชัดคำ
"โอ้ว ต้นเก่งจัง ว่าจะสอนซักหน่อย"จางเจี่ยมีสีหน้าประหลาดใจ
"ไม่ได้เก่งหรอก ต้นดูซีรี่จีนบ่อย ดูแบบซับไทย"
"ต้นชอบดูซีรี่เหมือนผมเลย แล้วชอบเรื่องอะไร"จางเจี่ยได้เรื่องที่จะคุยต่อ
ส่วนต้นไม่รู้จะบอกชื่อเรื่องเป็นภาษาจีนว่าอะไรดี เพราะเขาจำได้แต่ชื่อไทย ปรมาจารย์ลัทธิมาร ถ้าบอกไปจางเจี่ยก็คงไม่รู้จัก และในทันใดต้นก็คิดออก ถ้าบอกชื่อดาราไปจางเจี่ยต้องรู้จักแน่ๆ
"จำชื่อเรื่องไม่ได้ แต่จำดาราได้ ชื่อ เซี่ยวจ้านกับหวังอี้ป๋อ"
จางเจี่ยอมยิ้ม เพราะเขาก็ดูเรื่องนี้แบบผ่านๆ และได้ยินได้ฟังมาสมควร
"เฉินเฉินลี่ "
"เฉินเฉินลี่ พอได้มั้ย"ต้นหันมาถาม
"พูดได้อีกแหล่ะ ผมพูดภาษาไทยได้คำเดียวเอง"
"คำอะไรเหรอ"ต้นถามด้วยท่าทีสงสัย
"ก็ต้นไง ชัดมั้ย"จางเจี่ยพูดอย่างหน้าตาย
"เอ่อ"ต้นพูดไม่ออกได้แต่หันหน้าไปทางอื่น
"วันหลังต้นต้องสอนผมพูดหลายๆคำนะ"
"จะสอนอย่างไง เราไม่ได้อยู่กัน"ต้นหันมามองจางเจี๋ย
"ก็นี่ไงเราเริ่มอยู่ด้วยกันแล้ว เดี๋ยวก็เจอกันบ่อยๆ แลกเบอร์ ไลน์ กันก่อน มาที่ไทยใช้ไลน์ได้ ถ้าผมกลับจีน ต้นก็สมัครวีแซท เราก็คุยกันได้แล้วเห็นมั้ย"
จางเจี่ยพูดจบ ต้นถึงกับอึ้งไปไม่ถูก คิดไม่ออกจะบอกอย่างไรดี ต้นเริ่มงงจากลูกค้าอยู่ดีๆมาขอเป็นเพื่อน
"ว่าไง ไม่อยากเป็นเพื่อนผมเหรอ เงียบไปเลย"จางเจี่ยหน้าเศร้า
"เปล่า"
"งั้นเรามาสาบานเป็นเพื่อนกัน จนวันตายเลยนะ"
"ฮือ ไม่ต้องถึงสาบานหรอก"ต้นถึงกับอึ้งอีกครั้ง
"ดีจัง ผมมีเพื่อนคนไทยแล้ว เพราะผมมาสองวันแล้วเหงามาก จะได้มีเพื่อนคุย"จางเจี่ยยิ้มไม่หุบ
ทั้งสองเดินเลาะตามไหล่ทาง พูดคุยกันจนถึงหน้าโรงแรมที่จางเจี่ยอยู่
"ถึงแล้ว นี่ไงโรงแรมที่ผมอยู่"จางเจี่ยชี้ไปที่ทางโรงแรม
ต้นมองเข้าไปข้างในโรงแรม ซึ่งมองจากข้างนอกความหรูก็ระดับกลางๆค่อนไปทางหรู
"ขึ้นไปคุยกันข้างบนมั้ย"จางเจี่ยยืนจ้องหน้า
"พรุ่งนี้ต้องไปทำงานนะ "ต้นปฏิเสธทันที
"ใช่ด้วย ถ้าอย่างนั้นเราขอเบอร์หน่อย พรุ่งนี้จะได้โทรหา ว่าอยู่ที่ไหน เราจะได้ไปนวดตัว เพราะรู้สึกเมื่อยเนื้อเมื่อยตัว" จางเจี่ยหยิบมือถือขึ้นมาพร้อมเมมเบอร์
ต้นก็บอกแต่โดยดีเพราะอย่างน้อยก็ได้ลูกค้า ส่วนวันพรุ่งนี้ต้นก็ไม่สามารถบอกได้เช่นกัน ว่าจะมีงานให้ทำหรือเปล่า จึงเป็นเรื่องราวดีๆที่ต้นเจอคืนนี้
เมื่อต้นบอกเสร็จ จางเจี่ยก็โทรทันที เพราะกลัวต้นแกล้งบอกเบอร์ผิด หลังจากนั้นเสียงมือถือของต้นก็ดังขึ้น จางเจี่ยจึงกดปิดและเมมเบอร์
"ต้นเมมเบอร์ผมด้วย เดี๋ยวลืมถ้าเราโทรไปต้นจำไม่ได้ ต้นใช้เบอร์นี้สมัครไลน์หรือเปล่า"
"ฮือ ใช่"ต้นหยิบมือถือออกมาพร้อมบันทึกชื่อว่าจางเจี่ยเป็นภาษาไทย
ส่วนจางเจี่ยบันทึกเป็นภาษาอังกฤษ ton หลังจากนั้นเขาก็ค้นหาไลน์ทางเบอร์ ก็เห็นชื่อและหน้าต้นเป็นภาษาอังกฤษ
"ขึ้นแล้ว ต้น ต้น"จางเจี่ยยิ้มระรื่น
"ถ้าอย่างนั้นต้นกลับก่อนนะ"ต้นเอ่ยขึ้น
"ห้องต้นไกลมั้ยเราเดินไปส่งได้นะ"
"ไม่ต้องหรอกส่งกันไปกันมาไม่ถึงซักที แล้วมันก็ไม่ไกลหรอก"
"ถ้างั้นคืนนี้ต้นนอนนี่ พรุ่งนี้ค่อยกลับแต่เช้า เดี๋ยวเราเดินไปส่ง"จางเจี่ยยิ้มและเบิกตาขึ้นมองต้น
"ไม่เป็นไรหรอกกลับได้ชินได้"ต้นก็ค้องใจอยู่เหมือนกัน ไม่ได้ไม่ดีก็ชวนขึ้นห้อง ซึ่งต้นก็ไม่อยากจะคิดในแง่ไม่ดี ซึ่งต้นกำลังคิดเรื่องนี้อยู่ แต่แล้วเสียงของจางเจี่ยก็ดังขึ้น
"ก็ได้ ถ้างั้นพรุ่งนี้เจอกัน บ่าย"จางเจี่ยโบกมือให้ แล้วเดินเข้าไปในโรงแรม บางครั้งแอบหันมามองต้น จางเจี่ยรู้สึกถูกชะตากับต้น อยากอยู่ใกล้ๆต้น จางเจี่ยอดแปลกใจไม่ได้ ทั้งๆที่ก่อนมาประเทศไทย จางเจี่ยก็มีแฟนเป็นผู้หญิง แต่พึ่งเลิกลากันไป
ส่วนต้นก็เดินไปเรื่อยๆพลางคิดถึงรักเก่าที่จากกันไป โดยไม่ได้บอกลาหายไปเป็นเดือน ซึ่งต้นก็พยายามหักห้ามใจไม่ให้คิด เพราะแฟนเก่าของต้นไม่ได้แสนดีจนน่าจดจำ มีแต่สร้างเรื่องให้ต้นแก้ปัญหาไม่เว้นแต่ละวัน