ผมจอดรถที่หน้าบ้านสวนเฟื่องฟ้า เป็นบ้านสวนของคุณยาย ยายรักความสงบจึงเลือกมาอยู่ที่นี่ เพราะห่างจากความวุ่นวายในเมืองเยอะ
(ถึงแล้วใช่ไหมเรซ) คนในสายเอ่ยถาม
“ครับ เรซเข้าไปหายายนะ”
(อย่าทำให้ยายไม่สบายใจนะลูก ยายแก่แล้ว)
“ครับแม่ รอบที่สิบแล้ว เรซจะตามใจยายทุกอย่างครับแม่” ผมประชดประชันเพราะรู้สึกหงุดงิดที่แม่ย้ำอยู่เรื่องเดียว
(เรซยืนยันหนักแน่นแม่ก็ดีใจ แค่นี้นะลูก) แม่วางสาย
ผมส่ายหัวให้กับแม่อาการของแม่แล้วจากนั้นก็เดินเข้ามาในบ้านสวน ซึ่งมีรถจอดอยู่สี่คัน สองในสี่มันไม่ใช่รถของยายผม
‘มีแขกแล้วแม่บังคับให้ผมมาวันนี้ทำไมวะ’ เมื่อวานสอนเด็กเหนื่อยก็เหนื่อย แต่ละคนจ้องแต่จะงาบผมฟรี ๆ แค่นึกถึงก็เริ่มเพลียสมองแล้ว
“เรซมาแล้วเหรอลูก” วันนี้วันชุมนุมผู้สูงอายุหรือไง ทำไมมีแต่คนแก่
แต่ที่น่าสงสัยคือไอ้มอสมานั่งทำหน้าบื้ออยู่ที่นี่ได้ไง และมันมองผมด้วยสายตางุนงงไม่ต่างกัน
“สวัสดีครับคุณยาย” ผมยกมือไหว้ยายของผม พร้อมกับหญิงชราอีกสองคน คนหนึ่งเหมือนผมคุ้นหน้าบ้าง ส่วนอีกคนผมเห็นเพิ่งเจอเมื่อวานนี้ เพราะเป็นย่าของไอ้มอส เป็นอธิการบดีของมหา’ลัยที่ผมสอน
ที่พูดมาทั้งหมดประเด็นคือผมเพิ่งรู้ว่ายายของผมรู้จักกับย่าของไอ้มอส
“เอ๋? นี่ใช่อาจารย์ที่มาสอนชั่วคราวหรือเปล่าตามอส” คนแก่น่ะความจำดีมากครับ เมื่อท่านอธิการบดีพูดมาแบบนี้ ยายของผมก็เกิดความสนใจเลยสิครับ
“ตายจริง นี่หลายชายของฉันไปสอนที่มอเธออย่างนั้นหรือ” ยายยิ้มพลางทำหน้าแปลกใจ
“ใช่แล้ว ไปสอนชั่วคราว” ย่าไอ้มอสตอบ
“โลกกลมจริง มานั่งข้างยายสิเรซ ยายจะแนะนำให้รู้จักเพื่อนรักของยาย” ยายกวักมือให้ผมไปนั่งข้างท่าน ผมเดินไปนั่งอย่างว่าง่าย
นี่ถ้ามีผู้หญิงมาด้วยผมจะคิดว่ายายนัดให้ผมมาดูตัว และผมจะรีบปฏิเสธทันที ต่อให้รับปากแม่ไว้ดิบดีก็ตาม
“ไปสอนทำไมไม่เล่าให้ยายฟังบ้าง แม่เราก็ไม่พูดให้ยายฟังบ้างเลย” ยายคว้ามือของผมไปจับ
“แค่ชั่วคราวครับ แล้วก็เพิ่งไปเมื่อวาน ก็เลยไม่ได้เล่าให้แม่ฟังครับ” ยายของผมค่อนข้างเคร่งคัดเรื่องการพูดจา ผมจึงต้องพูดมีหางเสียง สมัยวัยรุ่นแม่ของผมจึงเหมือนคนมีหลายบุคลิกในร่างเดียวกัน พ่อของผมเคยเล่าแบบนั้นครับ
“นั่นพิมพาเพื่อนรักของยายมาจากขอนแก่น มาเยี่ยมหลานสาว และมาธุระกับยายด้วย เรซอาจจะจำไม่ได้ แต่เราเคยไปเที่ยวเล่นที่ขอนแก่นกับยายสมัยเป็นเด็ก” อ่อ ที่ว่าคุ้นหน้าเพราะเคยเจอเมื่อนานมาแล้วสินะ
ผมยกมือไหว้เพื่อนของยายอีกครั้ง
“ส่วนนั่นผกามาศเป็นท่านอธิการบดีเป็นเพื่อนรักของยายเช่นกัน และนั่นหลานชายของผกามาศ เป็นรองอธิการบดี” ยายแนะนำย่าไอ้มอส และไอ้มอส ผมยกมือไหว้ย่าไอ้มอสและยิ้มให้ไอ้มอสเป็นการทักทายแบบคนแปลกหน้า มันเป็นข้อตกลงของกลุ่มเราที่จะไม่รู้จักกันเวลาอยู่ข้างนอกครับ
แต่เวลาอยู่ที่คอนโด M เราคือเพื่อนกัน มันอาจจะฟังดูแปลก แต่มันคือสิ่งที่เราตกลงกันไว้
“พ่อเรซอายุเท่าไหร่แล้วนะ” ย่าของไอ้มอสถาม
“27 ครับ”
“เท่าตามอสของฉันเลย รู้จักกันไว้ก็ดีนะจะได้เป็นเพื่อนกัน หรือรู้จักกันอยู่แล้วหรือเปล่า ตามอสถึงได้ยื่นชื่อพ่อเรซให้มาสอนแทน”
“เปล่าครับคุณย่า ผมบังเอิญเห็นใบสมัครจึงให้เลขาทักไปครับ” ไอ้มอสตอบ
กูไปสมัครอะไรตอนไหนวะ
“งั้นหรือ แล้วพ่อเรซอยากจะสอนตลอดไปไหม” ย่าไอ้มอสถามผม
“ไม่เป็นไรครับ คือผมมีงานที่ต้องสะสางอีกเยอะ” ไม่แนวทางของผมเลยไอ้การเข้าไปสอนเด็กที่มีสายตาพร้อมกลืนกินผมอยู่ตลอด เวลาโดนจ้องแบบนั้นให้ความรู้สึกเหมือนผมเป็นลูกแกะที่โดนฝูงหมาป่าจ้องจะงาบตลอดเวลา
“รายนี้ทำหลายอย่างบ้านช่องไม่ค่อยได้กลับ” ยายของผมเล่า
“จริงเหรอ แล้วแบบนี้...” ยายพิมพาทำหน้ากังวล
“ไม่ต้องห่วงน่า” ยายของผมรีบเอ่ย
“...” ทำไมความรู้สึกของผมบอกว่าผมกำลังอยู่ในเขตอันตราย เขตต้องห้ามอย่างไรอย่างนั้น
“แล้วนี่สองสาวไปถึงไหนแล้วนะ ทำไมนานนัก” ย่าไอ้มอสกำลังพูดถึงใครอีกสองคน
ใครวะ ผมเหล่ตามองไอ้มอส แล้วผมก็ได้เจอกับสายตาของไอ้มอสที่บอกผ่านทางสายตาว่าผมน่ะกำลังจะซวย
‘อย่าขัดใจยายนะเรซ ยายแก่แล้ว’ คำที่แม่ของผมย้ำมาตลอดทางเริ่มดังก้องในสมองของผม
ครอบครัวผมเล่นผมแล้วไง หาทางเผ่นสิครับ
“เอ่อ ยายครับเรซนึกขึ้นได้ว่า...”
“นั่นไง มากันแล้ว” ไม่ทันครับ ดูเหมือนว่าผมจะหลบไม่ทันซะแล้ว และที่แย่ไปกว่านั้นก็
“หนูมะพร้าวได้อะไรมานักลูก หอบเยอะแยะเชียว”
ผมหันไปมองเมื่อยายพิมพาเอ่ยถึงชื่อกาฝากของบ้านผม ยัยกาฝากเดินหิ้วของพะรุงพะรังเต็มสองมือสองไม้ ใบหน้าหวานเคลือบด้วยรอยยิ้มที่อาบยาพิษมักเชิญชวนให้คนหลงใหล
“พร้าวได้ของมาทำขนมหวานค่ะคุณยาย แล้วก็ของคาวมาทำกับข้าวคืนนี้ค่ะ” น้ำเสียงของเธอหวาน ใครได้ฟังมักหลงใหล หลงในรูป เมารสจูบ
“แล้วนั่นหนูนิเนลได้อะไรมาลูก” ยายของผมถามถึงผู้หญิงอีกคน ผมจึงมองตาม
อ้อ จะเรียกว่าผู้หญิงก็เหมือนจะไม่ได้ เพราะยัยนี่ตัวเล็กมาก พกพาน่าจะสะดวก ใบหน้ายิ้มแย้มเหมือนโลกนี้สดใสมากมายสำหรับเธอ
ยัยโลกสวย โลกใบนี้โหดร้ายจะตายไป ทำไมถึงยิ้มอยู่ได้ เห็นแล้วชักรำคาญ
“ส้มตำปูปลาร้าค่ะ เนลอยากกินแซ่บ ๆ” ยัยตัวเล็กชูถุงส้มตำปูปลาร้ากับไก่ย่างพร้อมรอยยิ้มไร้เดียง
“นั่นไง กินอีกแล้ว ยายบอกว่าอย่ากินบ่อยทำไมไม่ฟังยายบ้าง” ยายพิมพาเอ็ดยัยตัวเล็กเบา ๆ
“งื้อ ย่าจ๋าเนลขอกินหน่อยน้า ตอนเดินผ่านร้านกลิ่นมันหอมจนเนลอดใจไม่อยู่นี่จ๊ะ” เธอทำหน้าอ้อนด้วยการกะพริบตาพร้อมกับเม้มปากน่ารัก ย่างั้นเหรอ งั้นยายพิมพาก็เป็นย่าของยัยตัวเล็ก
“จะเอ็ดหลานทำไมพิม หนูเนลมานี่มา มาหายาย ยายจะแนะนำให้รู้จักพี่เขา” ยัยตัวเล็กยิ้ม วางของที่โต๊ะและเดินมานั่งข้างยายของผมอีกข้างหนึ่ง
ผมจ้องหน้าเธอชัด ๆ เหมือนว่าเคยเจอหน้าแบบนี้เมื่อไม่นานมานี้ ที่ไหนกันวะ ผมนึกไม่ออก หรือลูกค้าผมเหรอ ไม่น่าใช่ลูกค้า ถ้าลูกค้าตัวเล็กแบบนี้ยังไงผมก็ต้องจำได้เพราะความตัวเล็กของเธอมันเป็นจุดเด่น
“นี่พี่เรซนะลูก หลานชายคนเดียวของยาย ต่อไปนี้ยายฝากหนูเนลดูแลพี่เขาด้วยนะ พี่เขาทำงานหลายอย่างไม่ค่อยมีเวลาดูแลตัวเอง”
แต่ก่อนที่จะสงสัยว่าเคยเจอยัยตัวเล็กนี่ที่ไหน ตอนนี้มาสนใจประโยคที่ยายของผมพูดดีกว่า
และผมควรสอบถามและห้ามปราม “เอ่อ ยายครับ ทำไมยัยตัวเล็ก เอ้ย น้องเนลต้องมาดูแลเรซด้วย”
“ก็น้องเนลเป็นว่าที่คู่หมั้นของเรซไงลูก” ผมไปมีคู่หมั้นตอนไหนวะ “เรซจำน้องเนลไม่ได้เหรอลูก”
“...” หึ ผมจำไม่ได้ ผมจำไม่ได้เลยสักนิด ผมจ้องหน้ายัยตัวเล็ก ซึ่งเธอก็มองผมแบบตกใจ ตกใจในความหล่อของผมไง ใคร ๆ ก็ตกใจกันทั้งนั้น
“หรือถ้าพ่อเรซติดขัด มีคนรักอยู่แล้ว เธอก็ให้หนูเนลหมั้นกับตามอสของฉันแทนดีไหมล่ะพิมพา” ย่าไอ้มอสเสนอความคิด
“ถามพ่อเรซก่อนแล้วกัน เพราะฉันตกลงกับกับเฟื่องฟ้าไว้ก่อนอยู่แล้ว และเด็กสองคนก็เคยผูกพันกันเมื่อครั้งยังเด็ก ถึงจะไม่ได้รักกัน แต่อยู่กันไปเดี๋ยวก็รัก” ยายพิมพายิ้มบาง ๆ มาให้ผมก่อนจะหันไปลูบที่ผมของหลานสาวอย่างเอ็นดู
ยายของผมเริ่มทำหน้ากังวล ส่งสายตามาประมาณว่าอยากได้ และอย่าทำให้ยายผิดหวังก่อนจะส่งคำถามมา “เรซมีคนรักแล้วหรือลูก”
ผมปรายตามองยัยกาฝากที่กำลังมองผมอยู่เช่นกัน “ยังครับ เรซยังไม่มีใคร แล้วเรซก็พร้อมที่จะเป็นคู่หมั้นน้อง”
เมื่อผมตอบออกไปแบบนั้น ผมก็ได้เห็นแววตาของความผิดหวังจากใบหน้าหวาน เหอะ ก็ดี ผิดหวังซะบ้าง ผิดหวังเยอะ ๆ ยิ่งดี
“นั่นไง ในที่สุดเราก็จะได้ดองกันแล้วนะพิม” ยายของผมมีสีหน้าดีใจขึ้นมาทันที
“โถ่ เสียดายจริง นึกว่าเธอจะได้ดองกับฉันเสียอีกพิม” ย่าของไอ้มอสพูดด้วยความเสียใจ
“พวกเธอนี่นะ จะยังไงเราก็เพื่อนรักกันเหมือนเดิมไหม” ยายพิมพายิ้มอ่อน และหันมาพูดกับผม “ย่าฝากพ่อเรซดูแลดวงใจของย่าด้วยนะลูก น้องอาจจะดื้อไปบ้าง พ่อเรซสั่งสอนได้เลยนะ ย่าอนุญาต”
“ไม่ต้องห่วงนะพิม หลานชายของฉันจะดูแลหลานสาวของเธอเป็นอย่างดี”
“เฟื่องยืนยันฉันก็ดีใจ ว่าแต่พ่อเรซล่ะ ยืนยันกับย่าได้ไหมว่าจะดูแลดวงใจของย่าให้เหมือนกับที่ย่าดูแล”
เวรละ นี่ผมไปเอาดวงใจของเพื่อนรักของยายมาครองไว้เหรอวะ เหมือนจะซวยซะแล้วสิ
ผมคงต้องตกลงกับยัยตัวเล็กนี่ก่อน เพราะถ้าเกิดผมทำยัยตัวเล็กนี่เสียใจจนเข้าหูยายขึ้นมามีหวังแม่จัดการผมที่ทำให้ยายเครียดแน่
“ครับ ผมจะดูแลน้องให้ดีที่สุด” ผมยิ้มให้กับยายพิมพา หรือย่าของยัยตัวเล็ก จากนั้นผมก็หันไปยิ้มให้ยัยตัวเล็กที่ยังจ้องหน้าผมไม่เลิก
“พะ พร้าวขอตัวเอาของไปเก็บในครัวนะคะ” เสียงสั่นคลอนของยัยกาฝากดังเรียกความสนใจจากทุกคน
“จ้ะ” ยายของผมเอ่ยเพียงแค่นั้น
“งั้นเดี๋ยวเนลขอไปเอาจานมาใส่ส้มตำนะคะ” ยัยตัวเล็กพูด
“ไม่ต้องหรอกจ้ะหนูเนล เดี๋ยวให้มะพร้าวเอามาให้” ยายของผมบอก
“แต่ว่า...”
“เดี๋ยวพี่เอามาให้จ้ะน้องเนล” ยัยกาฝากเจื่อนยิ้มก้มหัวให้ยายของผมและเดินเข้าไปทางครัว