เธอมองสะใภ้ใหญ่นิ่งๆ มองตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า หลิวหยู พี่สะใภ้ใหญ่ตระกูลหยิน อะไรทำให้นางใจกล้าขึ้นเสียงแว๊ดๆใส่เธอกันนะ จิตวิญญาณงอกง่อยนั่น ถ้าไม่ใช่มีสถานะเป็นพี่สะใภ้เธอคงจะสั่งสอนไปนานแล้ว ตอนอยู่บ้านเดิมซูฉีก็เป็นสะใภ้ที่ไม่ทำอะไรเลย สะใภ้ใหญ่คนนี้ก็ทั้งสอนสั่ง ทั้งตำหนิเธอไม่เว้นแต่ละวัน นางเพียงพูดเหน็บแนมแบบไม่ไว้หน้าใครเท่านั้นแต่ไม่กล้าทำมากกว่านั้น ขนาดลู่จิวยังไม่ว่าอะไร นางเป็นแค่พี่สะใภ้จะทำอะไรได้ สะใภ้รองต่างหากที่น่าสนใจ เป็นแม่ดอกบัวขาว ร้ายลึก ปัญหาหลายอย่างที่ทำให้ซูฉีปวดหัว ก็มาจากสะใภ้รองเป็นส่วนใหญ่ คนแบบนี้แหละช่างน่าเสียเวลาเล่นด้วยเสียจริง ดูอย่างวันนี้สิ แม่สามีกับสะใภ้ใหญ่รับบทนางโจรปล้นบ้านผู้อื่น นางกันตัวเองเป็นผู้บริสุทธิ์เสียทันที
“เชิญเข้ามาก่อนเจ้าค่ะ” แปลก แปลกมาก สามีเธอไปไหน ทำไมถึงไม่มาด้วย ที่บ้านมีเรื่องอะไรกันแน่
ในห้องโถงของบ้าน ลูกของเธอกำลังตั้งหน้าตั้งตากินอาหารตามคำสั่งของผู้เป็นแม่ แม่สามีที่เห็นเนื้อมากมายบนโต๊ะมีสายตาวิบวับปนไม่สบอารมณ์ ทางด้านสะใภ้ใหญ่เมื่อเห็นอาหารนั้นก็รีบเปิดปาดของนางทันที
“อะไรกัน เนื้อมากมายเพียงนี้ เหตุใดไม่แบ่งให้พ่อแม่สามีบ้าง เงินที่ซื้อก็ของเป็นเงินในครอบครัว เหตุใดไม่รู้จักกตัญญูเสียบ้างเลย” ไม่ว่าเปล่า นางเดินไปหยิบถ้วยขาหมูที่อี๋นัวกำลังคีบกินมาถือไว้ทันที เหอะ สตรีน่ารังเกียจผู้นี้ ไม่มีมารยาทโดยแท้ ถือว่าทำบุญทำทานก็แล้วกัน ดูท่าเด็ก ๆ น่าจะใกล้อิ่มแล้ว
เก๋งในมุมห้องโถง เอาไว้สำหรับรับแขกที่เธอจัดไว้ แม่สามีกำลังนั่งทำตัวสูงส่ง สะใภ้ใหญ่นั้นนั่งเงียบอุ้มถ้วยขาหมูไม่วางข้าง ๆ กัน เธอไม่คิดจะชวนกินอาหารใด ๆ ทั้งสิ้น
“ท่านแม่มีเรื่องอันใดหรือเจ้าคะ”รีบพูดรีบไป เธอยังกินข้าวไม่เสร็จเลย ช่างเป็นวันที่วุ่นวายดีแท้
“ข้ามาเรื่องลูกสาม เขาบอกว่าต้องการแยกบ้าน”อ๋อ นึกว่าเรื่องอะไร
“เจ้าค่ะ”
“ข้าไม่เห็นด้วย ครอบครัวเดียวกันก็ต้องอยู่ด้วยกัน”เหอะ อยู่กันแบบปลากระป๋องน่ะสิ บ้านเท่าลังกระดาษที่เอาหมาทั้งคอกยัดเข้าไปด้วยกัน สุขอนามัยคืออะไร ความสงบคืออะไร ครอบครัวนึงนอนรวมกันทั้งห้อง เงินก็เข้ากองกลางให้แม่สามีเก็บ แม่สามีรึก็ประหยัดจนนึกว่าทั้งบ้านยากจน คนสบายก็มีแต่ลูกสาวคนเล็ก น้องสาวสามีเธอเอง นางไปเข้าสำนักและเป็นเพื่อนกับแม่นางเอกนั่นแหละ อยู่ในแก๊งโลตัส (สมาคมดอกบัวขาว) นังตัวดีที่เชิญชวนนางเอกย้ายมาอยู่ในหมู่บ้าน จนเกิดเรื่องอย่างกับพรหมลิขิตบันดาลชักพา~ ดลให้มาพบกันกับสามีของเธอทันใด
“ข้าเพียงบอกให้ลู่จิวเลือก ระหว่างหย่ากับข้าหรือจะไม่หย่าแล้วแยกบ้านเพียงเท่านั้นเจ้าค่ะ ข้าหาได้ไปบังคับเขาไม่”ว่าก็ว่าเถอะเธอเรียกสามีแบบไม่เกรงใจอายุเลยสักนิด แต่มันเคยตัวกับการเรียกชื่อนี่นา จะมาท่านพี่อะไรนั้นก็ระคายคอ
“ว่าอย่างไรนะ!!! เจ้าจะหย่าหรือ นี่เจ้ายังมีหัวคิดอยู่หรือไม่สะใภ้สาม ช่างทำมีความคิดน่าอับอายชาวบ้านเสียจริง เจ้าคิดว่าสตรีมีตำหนิจะมีผู้ใดชมชอบเจ้า นี่ ข้าจะบอกอะไรให้นะ แม้จิตวิญญาณเจ้าจะแข็งแกร่งแต่เจ้าไม่ได้เดินเส้นทางยุทธภพ เจ้าเลือกแต่งงานมีครอบครัวเองมิใช่รึ ยามนี้จะมาอยากหย่าอะไรของเจ้า”หากนางหย่าครอบครัวสามีนางก็เสื่อมเสียน่ะสิ ลูกสาวนางจะหาคู่หมายได้หรือหากมีเรื่องเช่นนี้ ไหนจะลูกชายนางที่ใกล้ถึงเวลาหาภรรยาแล้ว ผู้อื่นจะไม่คิดว่าตระกูลหยินรังแกลูกสะใภ้หรือไรสะใภ้สามถึงขอสามีหย่าด้วยตนเอง นางจะไม่ยอมเด็ดขาด
“เจ้า...เหตุใดจึงพูดเรื่องอัปมงคลเช่นนั้น”ทางด้านฮูหยินผู้เฒ่านั้นไม่คิดว่านางจะพูดเรื่องหย่าขึ้นมาด้วยตนเอง ถึงนางจะสงสัยว่าลูกชายนางเลี้ยงภรรยาไว้ข้างนอกอีกคน แต่นางไม่ต้องการให้ลูกชายของนางหย่ากับสะใภ้สาม สะใภ้สามจิตวิญญาณแข็งแกร่ง ลูกของนางมีโอกาสแข็งแกร่งแน่นอน นางจะยอมไม่ได้เด็ดขาด นี่เป็นโอกาสที่จะทำให้ตระกูลนางเจริญรุ่งเรือง ใจจริงนางอยากจะลุกไปตบสะใภ้สามนัก นังจิ้งจอกอวดดีกล้าคิดจะออกจากตระกูลนางรึ แต่นางรู้ดีว่าอะไรทำได้อะไรทำไม่ได้ นางทำได้เพียงนั่งฟังที่สะใภ้ใหญ่ด่าสะใภ้สามเท่านั้น แค่นี้ก็ถือว่าสาแก่ใจนางพอควร
“ข้าตกลงกับสามีแล้วเจ้าค่ะ ว่าหากไม่หย่าก็ให้แยกครอบครัว แต่ตอนนี้ข้ากับสามีจะแยกกันอยู่จนกว่าเขาจะจัดการเรื่องชิงอีให้เรียบร้อย ส่วนเรื่องแสดงความกตัญญูนั้นก็เอาไว้ตามแต่เทศกาลเถิดเจ้าค่ะ ข้าต้องการเพียงแยกครอบครัวออกมาอยู่เองเท่านั้น ข้าไม่อยากอัดกันอยู่ในห้องคับแคบนั่นอีกเจ้าค่ะ ”เหอะ ด่านางในใจอยู่ล่ะสิ ช่างเก็บสีหน้าไม่เก่งเสียเลย ถืงหน้าตาจะยิ้มแย้มดูอ่อนโยน แต่แววตาเก็บไว้ไม่มิดเลยจริง ๆ นี่สินะสามีถึงเธอถึงตัดครอบครัวไม่ได้ ก็แม่ทำตัวอ่อนโยนแบบนี้ถ้าหาเรื่องตัดขาดกันมันก็กระไรอยู่ เจอคนแบบนี้จัดการยากยิ่งกว่าอะไรดี เห้อ เหตุใดคนยุคนี้ชอบทำตัวเป็นคนใสซื่อนักนะ
“เช่นนั้นก็เอาตามเจ้าว่าเถิด ที่บ้านก็คับแคบจริงดังเจ้าว่า”คิดว่าข้าจะปล่อยเจ้าให้ตัดขาดกับคระกูลข้าหรือนังจิ้งจอก หากเจ้ายังมีประโยชน์ต่ออนาคตตระกูลข้าเจ้าก็ไปไหนไม่ได้เสียหรอก แต่ข้าขอเอาคืนความจองหองอวดดีของเจ้าหน่อยเถิด
“เจ้านี่ช่างโง่นักสะใภ้สาม แยกมาอยู่แล้วผู้ใดจะหาเงินเลี้ยงเจ้ากับลูกเจ้ากัน ข้าบอกไว้ก่อนนะ หากจะมาแบ่งเงินจากบ้านใหญ่ข้าไม่ยอมแน่ หากอยากอยู่นี่ก็หาเลี้ยงตนเองเสีย”นางช่างสอดปากเก่งนัก ฮูหยินผู้เฒ่ายังไม่ทันได้เอ่ยปากก็ถูกสะใภ้ใหญ่โพล่งความเห็นออกมาก่อนเสียแล้ว
“แน่นอนอยู่แล้ว เรื่องของบ้านข้า ข้าจะหาทางจัดการเองได้ ไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับบ้านใหญ่แน่นอน ถือว่าท่านแม่รับรู้แล้วนะเจ้าคะ ว่าบ้านเราจะไม่ยุ่งเกี่ยวกันเรื่องเงินทอง หรือเรื่องภายในบ้านของกันและกันอีก แล้วก็นะพี่สะใภ้ใหญ่ ข้าเห็นท่านแล้วนึกถึงคำพูดนึงขึ้นมาได้ มันช่างเหมาะกับท่านยิ่งนัก”เธอรู้อยู่แล้วว่าตัดออกจากตระกูลนั้นเป็นไปไม่ได้ ตระกูลหยินต้องการพึ่งพาเธอเพื่อเชิดหน้าชูตา ไหนจะลูกชายทั้ง 2 ที่เป็นต้นกล้าชั้นดีของตะกูลอีก ไม่อย่างนั้นคนในบ้านจะเฉยได้อย่างไรทั้งที่เธอไม่เคยช่วยงานในบ้านเลย ผ้าก็เป็นสามีซักให้ใส่ กับข้าวก็พวกสะใภ้ทำให้กิน เรียกได้ว่าเธอกับน้องสาวสามีสบายพอ ๆ กัน ต่างกันตรงน้องสามีได้เงินทั้งหมดของครอบครัว พ่อแม่สามีก็บอกลูก ๆ ว่า จะเก็บไว้ให้ในอนาคต โอ้ยยยย มองจากเมืองหลวงก็รู้แล้วว่าไม่ได้คืน ถามหน่อยเถอะ มีใครเคยได้เงินคืนบ้างกับคำว่า‘เดี๋ยวแม่เก็บไว้ให้’เนี่ย ไม่เคยได้เห็นเงินสักที ในเมื่อเธอไม่เคยได้ถือเงินหรือได้แตะต้องเลย เธอถึงได้ทำตัวเป็นบรรพบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ตอนอยู่ในตระกูลอย่างไรล่ะ จิ๊จิ๊
“ว่าอะไร”
“ไม่มีอะไรมากหรอกเจ้าค่ะพี่สะใภ้ใหญ่ กลอนเพียงว่า‘มารยาท หากที่บ้านไม่สอน ก็ควรมีด้วยตนเอง’ ข้าว่าช่างเหมาะกับท่านยิ่งนักเจ้าค่ะ ฮ่าฮ่า”ขอยืมคำคมจากภพก่อนหน่อยเถอะ มันโผล่แวบเข้ามาในหัวตั้งแต่เจอหน้าสะใภ้ใหญ่แล้ว
“จะ..เจ้า”ตอนนี้นางรู้สึกหน้าชายิ่งกว่าโดนด่าต่อหน้าเสียอีก ทั้งที่พูดด้วยเสียงที่นุ่มนวลเนิบนาบแท้ๆ
“เอาล่ะๆ พอเถิด”ฮูหยินผู้เฒ่านั้นก็หน้าชาแทนสะใภ้ใหญ่เช่นเดียวกัน นางช่างพูดจาได้คมยิ่งกว่ากรงเล็บสัตว์อสูรนัก
“เช่นนั้นข้าว่าท่านแม่รีบกลับเถิดเจ้าค่ะ ฟ้ามืดแล้วจะเป็นอันตราย”เหอะ นี่ไล่ทางอ้อมแล้วนะ ฟ้ามืดบ้าบออะไร พระอาทิตย์กำลังตกดิน บ้านรึก็เดินเพียงเค่อก็ถึง
“เช่นนั้นข้ากลับก่อนล่ะ วันหลังจะมาเยี่ยมใหม่ ซานเออร์ อี๋เออร์ วันหลังย่าจะมาหานะ”ว่าจบก็พากันเดินกลับ ไม่วายสะใภ้ใหญ่เห็นลูกนางกินน้ำส้มจึงได้ยื่นมือไปหยิบเหงือกแล้วรีบเดินออกไปก่อนจะมีใครพูดอะไร
“หน้าหนาเสียจริง”อาหารนั้นเอาไปเถอะ เธอเอาออกมาได้เรื่อย ๆ แต่เหยือกนั่นพึ่งซื้อมาวันนี้เลยนะ คงต้องบอกให้สามีเธอเอากลับมาคืน