"เฮียรู้ตัวไหมว่าเฮียน่ะจุ้นจ้านเรื่องของบัวเกินไป บัวไม่ใช่ลูกเฮียนะ เป็นหลาน ย้ำนะคะว่าบัวเป็นหลาน แล้วเฮียก็เป็นแค่อาเขย ไม่ใช่พ่อ เรื่องของบัวให้พี่อาชิเป็นคนจัดการนู้น ไม่ต้องไปยุ่งกับเขา หวงได้ แต่อย่าให้มันมากเกินไป แล้วอีกอย่างเรื่องความรัก เป็นเรื่องของหัวใจ เป็นเรื่องของความรู้สึก เป็นเรื่องของคนสองคน ให้ทั้งคู่เป็นคนตัดสินใจ เฮียไม่ต้องยุ่ง เฮียเข้าใจไหม โอ๊ยเหนื่อย" หลังจากที่เอวารู้เรื่องที่สามีเข้าไปทำตัวยุ่งวุ่นวายกับหลานสาวคนโตอย่างบัวก็โวยวายใส่เสียงดังลั่น เน้นย้ำสถานะที่เป็นอยู่ บัวเป็นหลาน ส่วนเดลเป็นอาเขย
"ก็น้องเล่นพูดไม่หยุดก็ต้องเหนื่อยสิ ดื่มน้ำสตอเบอรี่เย็นๆ ก่อนนะจ๊ะ" เดลยกแก้วน้ำสตอเบอรี่ขึ้นมาให้ภรรยา ด้วยหวังว่าจะช่วยดับอารมณ์ที่กำลังเดือดดาลให้ลดลงมาได้บ้าง ทั้งที่ใจยังคงคัดค้าน ยังคงยึดความคิดของตนเองเป็นใหญ่
"หึ! นะจ๊ะ" เอวาตวัดตามองค้อนคนเป็นสามี รับน้ำสตอเบอรี่มาดื่ม
"นีราคุยกับใครลูก" เดลหันมาถามลูกสาวที่นั่งอยู่ข้างกาย กำลังจดจ่ออยู่กับสมาร์ทโฟน
"คุยกับเพื่อนค่ะปะป๊า"
"เพื่อนผู้หญิงหรือผู้ชาย" คนเป็นพ่อเกิดความระแวงขึ้นมาในพลัน
"ผู้หญิงค่ะ ชื่อเรนนี่ นี่ไงคะ" นีราชูสมาร์ทโฟนให้คนเป็นพ่อดู เดลมองชื่อและรูปโปรไฟล์ ความสงสัยไม่ได้หายไปด้วยรูปโปรไฟล์เป็นรูปภาพการ์ตูนเด็กใส่เสื้อกันฝน ยืนถือร่มท่ามกลางสายฝนที่โปรยปราย
"เพื่อนใหม่เหรอ ป๊าไม่เคยรู้ว่านีรามีเพื่อนชื่อนี้ด้วย" เดลไม่คุ้นชื่อเพื่อนของลูกสาวคนนี้เลย
"เฮียจะต้องรู้จักชื่อเพื่อนของลูกทุกคนเลยหรือไง ถึงจะเป็นลูก ก็ใช่ว่าจะไปก้าวก่ายชีวิตลูกได้ทุกเรื่องนะ แล้วเรื่องความหวงลูกสาวให้มันน้อยๆ หน่อย หวงจนลูกไม่มีเพื่อนผู้ชายแล้ว ถ้าจะหวงขนาดนี้ให้ลูกบวชชีไปเลยไหม"
"พอหายเหนื่อยก็บ่นเฮียอีกละ เอาน้ำสตอเบอรี่อีกแก้วไหมจ๊ะจะได้อารมณ์ดีขึ้น"
"เอาค่ะ" เอวายื่นแก้วน้ำที่เธอเพิ่งดื่มน้ำสตอเบอรี่หมดให้สามี
"ป่ะขึ้นห้อง" เดลจับมือเอวาพร้อมกับลุกขึ้นยืน ส่งสายตาลามเลียร่างของเธอ
"เฮีย!! เอาน้ำสตอเบอรี่" เอวาตวาดแหวใส่คนเป็นสามี
"จ้ะคุณเมีย" เดลรับแก้วน้ำ แล้วเดินไปยังห้องครัวเพื่อเอาน้ำสตอเบอรี่สดที่แช่เย็นไว้มาให้ศรีภรรยา
"นีรามีแฟนหรือยังลูก" เอวาย้ายสะโพกมานั่งแทนที่คนเป็นสามี ถามลูกสาวเสียงกระซิบ
"ยังค่ะ นีรายังเด็กอยู่เลยนะหม่าม้า เพิ่งสิบห้าเอง"
"ไม่เด็กแล้วนะ ตอนหม่าม๊าอายุเท่านีรา หม่าม้าก็มีแฟนแล้ว ไม่ใช่สิ หม่าม้ามีแฟนคนแรกตอนอายุเท่านาราต่างหาก"
"แฟนผู้หญิงใช่ไหมคะ"
"ก็ใช่น่ะสิ ตอนนั้นหม่าม้าฮอตมากเลย ความจริงก็ฮอตมาตลอดแหละ ถ้าไม่โดนปะป๊าของนีราปราบพยศซะก่อน ไม่งั้นนะ....." เอวาพูดถึงอดีตอย่างออกรสออกชาติ แต่ก็ต้องปิดปากเงียบเสียก่อนที่จะเล่าจบเมื่อคนเป็นสามีเดินกลับมา
"กระซิบกระซาบอะไรกันสองแม่ลูก"
"เปล่า" เอวาตอบด้วยน้ำเสียงที่สูงกว่าปกติ
"มีพิรุธ" เดลหรี่ตามองอย่างจับสงสัย
"เฮียน่ะคิดมาก น้องก็แค่ถามนีราว่าพ่อแทนแม่พายเป็นยังไงบ้างก็แค่นั้น จริงไหมนีรา" เอวากระพริบตาข้างเดียวเป็นสัญญาณให้ลูกสาวเออออไปกับตน
"จริงค่ะ"
"โทรคุยกับแม่พายแทบทุกวัน ไม่รู้เลยว่าแม่พายเป็นยังไงบ้าง จะพยายามเชื่อละกัน นีราไปโรงงานกับป๊าไหมลูก บ่ายนี้ป๊ามีประชุม หรือเดินทางเหนื่อยอยากพักผ่อน" เดลหย่อนตัวนั่งลงข้างลูกสาว ตอนนี้นีรามีพ่อกับแม่นั่งขนาบข้าง
"ไปกับปะป๊าค่ะ แต่ขอนีราไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะคะ เหนียวตัว" เดลพยักหน้าพร้อมรอยยิ้ม และจูบขมับของลูกสาวด้วยความรักใคร่เอ็นดู ก่อนที่นีราจะลุกเดินขึ้นห้องนอนของตนเอง
"เราโชคดีที่มีลูกว่านอนสอนง่าย ไม่ดื้อเลย ไม่เคยทำให้พ่อแม่ต้องหนักใจ น้องว่าไหม" เดลขยับตัวเข้าไปใกล้เอวา พาดแขนข้างหนึ่งโอบไหล่บางไว้
"ค่ะ แต่เฮียก็อย่าไปเจ้ากี้เจ้าการลูกมากล่ะ" เอวารู้สึกไม่ต่างจากสามี ลูกๆ ทั้งห้าคนเป็นเด็กดีเสมอมา ไม่เคยทำให้พ่อแม่ต้องผิดหวัง เรื่องเรียนก็ได้ผลการเรียนระดับต้นๆ ของระดับชั้น กิจกรรมก็เป็นเลิศ สร้างชื่อเสียงให้โรงเรียน คนเป็นพ่อแม่ก็พลอยได้รับคำเยินยอไปด้วย
"เฮียเนี่ยนะเจ้ากี้เจ้าการลูก เฮียว่าเฮียไม่เคยนะ เฮียไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าบ้างดีกว่า" เดลว่า หอมแก้มเอวาฟอดใหญ่ ก่อนจะลุกเดินออกไป เขาจะเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้ลูกเสมอ ไม่ว่าจะเรื่องใด ลูกๆ ก็ไม่เคยปฏิเสธ และพร้อมทำตามอย่างว่าง่าย
"ไม่รู้ตัวจริงๆ" เอวาเบะปากพลางส่ายหน้าเบาๆ ใส่คนเป็นสามีที่ไม่เคยรู้ตัวเลยว่าการกระทำของตนเอง บางครั้งก็เป็นการลุกล้ำความเป็นส่วนตัวของลูกมากเกินไป
"เจเจ้กลับมาแล้วเหรอ ทำไมกลับเร็ว" นาราได้ยินเสียงเปิดประตูห้องนอนของพี่สาว จึงรีบออกจากห้องของตนเอง เข้าไปทักทายด้วยอยากรู้เรื่องของลูกพี่ลูกน้องอย่างบัว ทั้งที่ยังอยู่ในอาการงัวเงียด้วยเพิ่งตื่นนอน
"เจเจ้ก็กลับปกติไหม เที่ยวบินแรก นารานั่นละตื่นสาย ไม่สายสิ ตื่นเกือบเที่ยง ป่านนี้บ้านแหว่งแล้วมั่ง" นีราดูเวลาจากนาฬิกาข้อมือที่ใส่ บ่งบอกเวลา 11.45 น.
"แหว่ง?" นารายกมือขึ้นเกาศีรษะตนเอง สีหน้าฉงน
"ก็นอนกินบ้านกินเมืองไง เมาขี้ตาเหรอ นี่ไงๆ ขี้ตาเต็มเบ้าเลย ยี้!!" นีรายื่นหน้าเข้าไปใกล้ใบหน้าของน้องสาว จ้องตาปรือๆ แกล้งกระเซ้าทำราวกับขยะแขยง ก่อนจะรีบหนีเข้าห้องนอนของตนเอง
"จริงดิ ไม่เห็นมีเลย เจเจ้อ่ะ หลอกด่านาราเหรอ เจเจ้เล่าเรื่องพี่บัวให้ฟังหน่อย นาราอยากรู้" นารารีบเช็ดดวงตาแต่ก็ไม่มีขี้ตาอย่างที่พี่สาวว่า รู้ตัวว่าโดนแกล้ง รีบตามเข้าไปซักถามเรื่องที่อยากรู้
นีราตามคนเป็นพ่อมาที่โรงงานผลไม้อบแห้ง ผลไม้ Freeze dry ผลไม้อบกรอบ และแช่แข็งเพื่อส่งออก ทันทีที่ทั้งคู่ลงจากรถระบะสี่ประตู พนักงานรักษาความปลอดภัยก็ทำความเคารพอย่างนอบน้อม ไม่ต่างจากเหล่าพนักงานทุกคนที่ส่งเสียงทักทายอย่างสุภาพ และทำความเคารพกันตลอดทาง ด้านเดลก็เพียงพยักหน้าตอบกลับขณะเดินเข้าไปยังห้องทำงานในส่วนของออฟฟิศ เพื่อเตรียมตัวเข้าร่วมประชุมการอบรมและพัฒนาบุคลากรด้านการบำรุงรักษา การทำความสะอาดและฆ่าเชื้อในกระบวนการผลิตอาหาร
"นีราอยากช่วยปะป๊าทำงานค่ะ ปะป๊าจ้างนีราไหมคะ" นีราเอ่ยขึ้นขณะคนเป็นพ่อกำลังอ่านเอกสารเตรียมการประชุม
"ตกลงจะช่วยงานป๊า หรือจะให้ป๊าจ้างทำงานแน่หืม?" เดลวางมือบนศีรษะของลูกสาว ลูบเบาๆ อย่างอ่อนโยน
"ช่วยค่ะ แต่ปะป๊าต้องจ่ายเงินค่าจ้างให้นีราด้วย"
"นีราอยากได้เท่าไรโอนไปเลยลูก" เดลเปิดแอพพลิเคชั่นของธนาคารบนสมาร์ทโฟน ปลดล็อกแล้วยื่นให้ลูกสาวกรอกจำนวนเงินได้ตามต้องการ
"ไม่เอาหรอกค่ะ นีราพูดเล่น แค่ค่าขนมที่ปะป๊าให้นีราก็ใช้ไม่หมดแล้ว เวลานีราอยากได้อะไร ปะป๊าก็ซื้อให้ตลอด ไม่ต้องใช้เงินตัวเองสักบาท"
"ป๊าให้ลูกได้ทุกอย่าง ขอแค่ลูกๆ ตั้งใจเรียน เป็นเด็กดีก็พอแล้ว"
"นีราจะตั้งใจเรียนค่ะ จะเป็นลูกที่น่ารักของปะป๊า" นีราโอบกอดคนเป็นพ่ออย่างออดอ้อน
"ป๊าขอให้นีราเป็นลูกที่น่ารักแบบนี้ตลอดไป ไม่มีใครดูแลนีราได้ดีเท่าป๊าหรอก นีราจำไว้นะลูก"
"นีราจะทำตามที่ปะป๊าต้องการค่ะ จะเป็นลูกสาวที่น่ารักของปะป๊าตลอดไป"
"เรียนให้จบปริญญาเอก เป็นด็อกเตอร์เฌอริตา ไปเลยนะลูก"
"ได้เลยค่ะ" นีราตอบเสียงแข็งขัน
"ถ้านีราอยากช่วยป๊าทำงาน งั้นอ่านเอกสารให้ป๊าฟังหน่อย"
"ได้เลยค่ะ.........." นีราอ่านเอกสารเตรียมการประชุมให้คนเป็นพ่อฟังอย่างฉะฉาน แววตาของเดลที่มองลูกสาวเต็มไปด้วยความปลื้มปริ่ม รักลูกสาวคนนี้เป็นที่สุด
"NR ชื่อนีราหรือเนียนๆ นีรา เรน" โซนยื่นหน้าไปมองสร้อยข้อมือที่เพื่อนกำลังขะมักเขม้นเรียงร้อยลูกปัดไปบนเส้นสายสร้อยข้อมือที่ซ่อมแซมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยเรนได้เพิ่มตัวล็อกเก็ตหัวใจชิ้นจิ๋วที่ซ่อนตัวอักษรภาษาอังกฤษอย่าง N กับ R ไว้ด้านใน
"แสนรู้" เรนว่าโดยที่ไม่ได้ละสายตาจากสิ่งที่ทำ
"รักต้องซ่อนสินะ" คำพูดของโซนทำให้เรนชะงักมือ ไม่คิดว่าเพื่อนจะเข้าใจความหมายที่ซ่อนอยู่ในตัวล็อกเก็ต
"ก็แค่ตอนนี้" เรนพูดเพียงสั้นๆ ตั้งอกตั้งใจเรียงร้อยลูกปัดไปบนเส้นสายสร้อยข้อมือ
"ก่อนที่จะซ่อนความรัก มึงต้องทำให้นีรารู้ก่อนไหมว่ามึงรู้สึกยังไง แล้วนีราจะรู้สึกเหมือนมึงหรือเปล่า นั่นละสำคัญ" คำพูดของโซนทำให้เรนชะงักมืออีกครั้ง เงยหน้ามองเพื่อน
"นั่นสินะ กูต้องทำให้นีรารู้ก่อนว่ากูรู้สึกยังไง แล้วทำให้นีรารู้สึกอย่างเดียวกับกู แต่นีรายังเด็กเกินไปนะเว้ยที่จะให้บอกรัก"
"แค่บอกว่าชอบก่อนไหม คุยกันไปเรื่อยๆ ให้ถึงเวลาที่มึงพร้อมเผชิญหน้าว่าที่พ่อตาก่อนค่อยบอกรัก"
"มึงนี่ฉลาดเหมือนกันนะ"
"กูมีสมองเว้ย แล้วตาก็ไม่ได้บอดเพราะความรักด้วย ไม่ได้รักธรรมดา มึงมันเป็นไอพวกคลั่งรัก"
"ถ้ามึงได้เจอคนที่ใช่ มึงจะเข้าใจ"
"ก็คงจริง เสร็จแล้วเรียกละกัน กูนอนเอาแรงก่อน" ว่าแล้วก็ล้มตัวนอนคว่ำไปกับเตียงนอน นอนรอให้เรนจัดการกับสร้อยข้อมือเสร็จ แล้วค่อยออกไปสนามแข่งรถ
"แล้วไม่ไปนอนห้องมึงวะ" ไร้ซึ่งเสียงตอบรับ เรนส่ายหน้าเบาๆ แล้วกลับไปให้ความสนใจกับสร้อยข้อมือที่ทำอยู่