บทที่ 4

1509 คำ
“แกจะบ้าเหรอเจ้าเล็ก” “กลัวอะไรเหรอพี่ กะอีแค่ผู้หญิงตัวเล็กๆ คนเดียว” แม้ปานภูมิจะพูดกับพี่ชาย แต่ความจริงแล้วเขาหมายจะยิงปืนนัดเดียวให้นกร่วงถึงสองตัว ไม่รู้ว่ามีใครจะสังเกตกันบ้างหรือเปล่า แต่เขาสังเกตเห็นมานานแล้วว่าอุปนิสัยบางอย่างของนารถลักษณ์และตรีศูล มีหลายอย่างที่คล้ายๆ กัน ไอ้เรื่องท้าไม่ได้ ยอมแพ้ไม่ได้นี่ละหนึ่ง เขาเลยหมายจะให้ประโยคเมื่อครู่กระเทือนไปถึงอีกคนด้วย “ลักษณ์ตกลงค่ะคุณเล็ก” ตรีศูลเห็นสายตาท้าทายที่อีกคนส่งมาให้ “ได้ ถ้าเธออยากลองดีนัก ฉันนี่แหละจะทำให้เธอทนอยู่ไม่ได้เอง” “ทำอะไรให้มันมีขอบเขตบ้างนะตรี งานคืองาน ถ้าน้องทำไม่ได้หรือไม่ดี เราค่อยมาว่ากันอีกที แต่ถ้าพี่เห็นแกเอาเรื่องส่วนตัวไปรังแกน้องในที่ทำงานเมื่อไร คงรู้นะว่าจะโดนอะไรบ้าง” ปริญญ์เห็นตรีศูลผลุนผลันออกไปอย่างมีอารมณ์ก็ได้แต่ทำใจ ก่อนจะหันมาตบบ่าหญิงสาวเบาๆ “ลักษณ์ไม่ต้องกลัวนะ มีอะไรก็มาบอกพี่ได้” พอทุกคนกลับไปหมด นารถลักษณ์ก็รู้สึกย่ำแย่ไม่น้อยกับสิ่งที่เกิดขึ้น ไม่รู้ว่าต่อไปเธอจะต้องพบเจอกับอะไรบ้าง แต่ถึงยังไงก็จะต้องสู้ เมื่อเธอต้องอยู่กับครอบครัวนี้ การยอมมาตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาสอนได้เป็นอย่างดีว่ามันไม่สามารถทำให้อะไรดีขึ้น “บุ๋มบิ๋ม กับข้าววันนี้มีอะไรบ้างฮึ” เสียงประมุขของบ้านที่นั่งเอกเขนกอยู่บนโซฟาหน้าจอทีวี หลังจากที่เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศเมื่อเช้า วันหยุดสุดสัปดาห์นี้เป็นวันหยุดแรกของหลายเดือนที่เขาได้มีโอกาสว่างอยู่กับบ้าน บุ๋มบิ๋ม คนรับใช้ท่าทางสะโอดสะองแต่มองดีๆ คงหนักไปทางบึกบึนซะมากกว่า แม้กายจะเป็นชาย แต่ใจนายกลับเกินหญิง “เห็นป้าจันแกเปรยๆ ว่ามี ลาบทอด ของโปรดคุณตรี ต้มโคล้งของคุณสี่ น่องไก่ทอดสูตรพิเศษของคุณเล็ก แล้วก็แกงสับนกให้คุณท่าน อ้อ มีผัดผักรวมมิตรอีกอย่าง ตบท้ายด้วยกล้วยบวชชีเป็นของหวานฮ่า” “อืม เดี๋ยวให้ป้าจันแกทำแกงคั่วหอยขม ของโปรดเจ้าโตแล้วก็หนูลักษณ์เพิ่มด้วยนะ” “วันนี้นายแม่กับคุณลักษณ์จะมาทานข้าวที่บ้านด้วยเหรอฮ้าคุณท่าน” “นุชคงมาไม่ได้ วันนี้เขาหนีฉันไปทัวร์เกาหลีรอบที่ร้อยแปดได้แล้วมั้ง แต่เดี๋ยวหนูลักษณ์กับหลานสาวฉันอีกคนจะมากินข้าวด้วยน่ะ” ปริตรบอกคนสนิทด้วยน้ำเสียงเรื่อยๆ ไม่ได้ตื่นเต้นอะไร ทั้งที่ในบ้านยังไม่มีใครรู้เลยสักคน สงสัยบุ๋มบิ๋มนี่แหละที่รู้เป็นคนแรก “ดีจังเลยฮ่า บิ๋มไม่ได้เจอคุณลักษณ์ตั้งนานแล้ว คิดถึ้ง คิดถึง” บุ๋มบิ๋มคิดในใจอย่างวาดฝัน คราวที่แล้วคุณนารถลักษณ์ยังสอนวิธีมาส์กหน้าให้เธอไม่ครบจบขบวนความเลย เพราะโดนคุณตรีมาก่อกวนซะก่อน วันนี้แหละเธอจะขอสูตรเด็ดเคล็ดลับผิวสวยอมชมพูจากคุณหนูนารถลักษณ์ เผื่อจะได้งามตั้งแต่หัวจดปลายเท้าอย่างหญิงสาวบ้าง ปริตรมองหน้าเพ้อฝันของบุ๋มบิ๋มอย่างขำๆ “เฮ้อ ถ้าลูกๆ ฉันคิดได้อย่างแกก็คงดีนะ” ปริตรพูดไปถอดถอนใจไป เรียกสีหน้าเป็นห่วงกังวลแต่พร้อมเอาใจช่วยของคนฟังได้เป็นอย่างดี “นินทาอะไรพวกผมครับ” เป็นบุตรกระโดดลงมานั่งข้างๆ ผู้เป็นพ่อ “ไอ้ลูกคนนี้ อายุปาเข้าไปจะสามสิบอยู่แล้ว ยังจะทำตัวไม่รู้จักโต สาวที่ไหนมาเห็นเข้าอายเขาแย่” เป็นบุตรมองพ่อก่อนจะยิ้มกริ่ม “ผมไม่ทำให้สาวเห็นหรอกครับ แล้วอีกอย่างรูปหล่อ พ่อรวยอย่างผม ต่อให้ทำยิ่งกว่ากระโดด สาวๆ ก็ไม่เมินหรอกครับ” “เหอะ ดีแต่ปากน่ะสิไม่ว่า พ่อยังไม่เห็นแกมีแฟนเป็นตัวเป็นตนสักที มีแต่เปลี่ยนหน้าไปเปลี่ยนหน้ามา ระวังเถอะโรคมันจะถามหาเอา” “โธ่ พ่ออะ เข้าเรื่องนี้อีกจนได้ ผมไม่คุยด้วยแล้วดีกว่า” ลูกชายคนที่สามของบ้านลุกขึ้นไปรื้ออะไรสักอย่างขยุกขยิกอยู่ที่ลิ้นชักหน้าจอทีวีขนาดมหึมา ก่อนที่จะหันมายิ้มแฉ่ง “พี่บุ๋มบิ๋ม เปิดเกมแผ่นใหม่ให้หนูหน่อยดิ” พร้อมกับยื่นแผ่นเกมที่ว่าให้พี่เลี้ยง “วะ ฮ้า ฮ้า ฮ้า” เสียงหัวเราะดังไปสามบ้านแปดบ้านนี้เป็นเสียงของลูกชายคนเล็ก “ผมละขำเวลาพี่สี่แทนตัวเองว่าหนูจริงๆ เลิกเหอะขอร้อง ได้ยินทีไร น้ำตาลในเลือดขึ้นทุกที” “ไอ้บ้าเล็ก ก็มันติดนี่หว่า ถ้าแกยังไม่เลิกกรีดร้องซะที ฉันนี่แหละจะหนุมานถวายแหวนแกเอง” ปริตรอดขำกับท่าหนุมานถวายแหวนของเป็นบุตรไม่ได้ เขาเข้าใจดีว่าเป็นบุตรสนิทสนมกับพี่เลี้ยงมากกว่าใคร เพราะเขาให้บุ๋มบิ๋มคอยเป็นพี่เลี้ยงให้ลูกทั้งสี่ทุกเรื่อง และศิลปะหลายๆ แขนงก็ได้พี่เลี้ยงคนนี้นี่แหละที่คอยสั่งสอนมา อดีตของสตรีเหล็กนางนี้เคยเป็นทหารชายแดนเก่าอยู่หลายปี ก่อนที่จะผันตัวเองมารับจ้างเป็นบอดีการ์ดให้เขา และเพิ่งจะค้นพบตัวเองเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมานี่เอง ว่ามีใจรักสวยรักงามยิ่งกว่าสิ่งใด แต่พักหลังมานี้เขาเห็นพี่เลี้ยงลูกชายคอยแต่จะสอนร้อยพวงมาลัย เย็บปักถักร้อยซะเป็นส่วนใหญ่ ลูกๆ เขาเลยสลายตัวไปตามระเบียบ “เจ้าเล็ก เห็นพี่เราบ้างมั้ย” “พ่อหมายถึงพี่โต หรือพี่ตรีล่ะครับ” “ทั้งสองคนนั่นแหละ” “โน่น มาพอดีเลยครับ” ปานภูมิบุ้ยใบ้หน้าไปทางบันไดวนของบ้าน “พ่อถามหาผมเหรอครับ” ปริญญ์ถาม “ใช่ พอดีพ่อมีเรื่องจะไหว้วานเราหน่อยน่ะ เย็นนี้ไม่ไปไหนใช่มั้ยเจ้าโต” “ครับ” เขาตอบไป หยิบคุกกี้ของพ่อกินไปด้วย “งั้นช่วยไปบ้านลุงคิด เพื่อนพ่อให้หน่อย จำได้หรือเปล่าบ้านที่เราไปตอนเด็กๆ บ่อยๆ น่ะ อ้อ เมื่อต้นปี พ่อก็พาแกไปด้วยอยู่ครั้งนึงนี่ ลืมหรือยัง” “จำได้ครับ คุณลุงสมคิดเพื่อนพ่อคนที่ใจดีๆ คนนั้น” เขาจะลืมได้ยังไง... “เออ นั่นแหละ” “พ่อนัดคุณลุงไว้หรือครับ” “เปล่า พ่อจะให้แกไปรับหนูคะน้ามากินข้าวที่บ้านน่ะ ทางนั้นเขารู้แล้ว พ่อโทรไปบอกตั้งแต่เมื่อวาน” “ให้คนอื่นไปไม่ได้เหรอครับ” เขาหย่อนก้นลงนั่งข้างๆ จานขนมทั้งหมดที่มีอยู่ “ไม่ได้” “พ่อนึกยังไงถึงชวนเขามากินข้าวที่บ้านเรา” “เออน่า พามาก่อน เดี๋ยวคืนนี้แหละพ่อจะเล่าให้ฟัง” พูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมาแล้วเขาก็อดที่จะตื่นเต้นไม่ได้ ปริญญ์ลูกชายคนโตของเขาเป็นเหมือนหนึ่งในความหวังทั้งหมดของธีรการณ์ ตั้งแต่เล็กจนโตไม่เคยมีสักครั้งที่ลูกคนนี้จะทำอะไรไม่ได้ดังใจ ทั้งเรื่องเรียนหรือเรื่องงาน แต่บางครั้งมันก็ดีมากเกินไป จนไม่มีเวลามาคิดและสนใจเรื่องของตัวเองเลย ปีนี้ลูกชายคนโตอายุอานามปาเข้าไปสามสิบหกแล้ว แต่เขายังไม่เห็นทีท่าว่าเจ้านี่จะชอบพอใคร หรือพาสาวที่ไหนมาแนะนำให้รู้จักบ้าง ยิ่งไม่ต้องหวังเรื่องที่เขาอยากจะอุ้มหลาน ขนาดตอนที่เขามีลูกคนแรกยังอายุแค่ยี่สิบห้าเท่านั้น ไม่รู้ทำไมเจ้าโตมันถึงไม่ได้เชื้อพ่อไปบ้าง เขาจึงตัดสินใจที่จะหาเมียให้ลูกเอง... “ยิ้มแบบนี้ ดูไม่ค่อยน่าไว้ใจเลยนะพ่อ” ตรีศูลที่แวะเล่นกับสุนัขตัวโตหน้าบ้านทักขึ้นอย่างรู้ทันคนเป็นเป็นพ่อ เมื่อเขาเสร็จธุระกับเจ้าสัตว์เลี้ยงตัวโปรดและเดินเข้ามาสมทบกับคนอื่นๆ ก็เห็นคนแก่ที่หน้าละอ่อนพอกับลูกๆ นั่งอมยิ้มหน้าระรื่นอยู่ก่อนแล้ว “มาก็ดีเลยเจ้าตรี เดี๋ยวไปรับยายลักษณ์มากินข้าวกับพ่อหน่อยนะวันนี้” “ขอร้องอย่ามายุ่งกับผม” ตรีศูลบอกอย่างเย็นชา “ไปรับน้องแค่นี้ทำอย่างกับจะเป็นจะตาย” “พ่อก็รู้ว่าผมไม่ชอบขี้หน้าสองแม่ลูกนั่น” เขาหันไปขอความช่วยเหลือจากพี่ชาย “พี่โตนั่นแหละ ไปรับยายนั่นให้หน่อย”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม