เอรินทร์นอนกระสับกระส่ายไปมาอยู่บนเตียงกว้าง แต่คนที่แบกเธอกลับมาด้วยไม่ได้รู้สึกสงสารสักนิด เขาอยากจะลงโทษเธอที่ไม่รู้จักระมัดระวัง แถมเมาแล้วยังระรานคนอื่นไปทั่วอีกต่างหาก
‘มาถึงร้านก็ดื่มรัวเลยค่ะ ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็เป็นอย่างที่เห็นแล้วละค่ะคุณอา’
กองทัพยกยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์ จริง ๆ เขาอยากจะสั่งสอนเธอตั้งแต่ขึ้นรถ แต่พอเห็นสายตาของสาวน้อยมัจฉา หนุ่มใหญ่วัยสามสิบหกปีจึงจำต้องซ่อนเขี้ยวซ่อนเล็บ แสดงละครให้ทุกคนเห็นว่าตัวเองคือผู้ใหญ่ที่น่านับถือ สมกับที่เพื่อนสนิทของเอรินทร์ติดต่อให้มารับตัวเธอกลับบ้าน
‘ดีนะที่ไปทัน’
เกือบสามปีที่ไม่ได้เจอกัน คู่หมั้นของเขาโตเป็นสาวน่ากินเสียแล้ว
เอรินทร์ สาวน้อยที่ผูกมัดเขาไว้ด้วยเหตุบังเอิญอย่างที่สุด ไม่มีใครรู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ แต่หลังจากสอบถามกันอย่างถี่ถ้วนแล้ว ผู้อำนวยการโรงพยาบาลก็สรุปสั้น ๆ ว่าเขาไม่ได้ผิดอะไรจริง ๆ พร้อมทั้งขอโทษที่ลงมือก่อนสอบถาม ปิดท้ายด้วยการกดดันให้เขารับผิดชอบ ทั้ง ๆ ที่ผลตรวจร่างกายบอกชัดแล้วว่าเธอยังบริสุทธิ์อยู่
ทว่าเขาก็แตะเนื้อต้องตัวเธอไปมาก จึงรู้สึกว่าควรต้องทำอะไรสักอย่าง และสักอย่างที่ว่านั้นก็คือการหมั้นหมายกับเด็กสาวอายุแค่สิบเก้าปี ที่ตอนนี้ไม่ได้เด็กอย่างที่จำได้แล้ว
สมควรแก่เวลาที่กองทัพจะตักตวงสามปีที่ขาดหายไปเสียที เขาคบหากับใครจริงจังไม่ได้ เพราะเกรงใจผู้อำนวยการที่ควบตำแหน่งว่าที่พ่อตาในอนาคต หากสาวน้อยของเขาเรียนจบเมื่อไหร่ งานมงคลสมรสยิ่งใหญ่จะต้องเกิดขึ้นทันที
กานต์ จินดานนท์ เจ้าของโรงพยาบาลนาวารินทร์ อยู่ในวัยสี่สิบปลาย ๆ ตอนที่เกิดเรื่อง นอกจากจะเป็นเจ้านายของกองทัพแล้ว คุณกานต์คือรุ่นพี่ที่เขาเคารพนับถือและเป็นบิดาของเอรินทร์ สาวน้อยที่พรากอิสรภาพของเขาอย่างที่ไม่มีผู้หญิงคนไหนเคยทำมาก่อน
ผู้อำนวยการบอกว่าจะไปยุ่งกับใครที่ไหนก็ได้ แต่ถ้าแต่งงานแล้วก็ขอให้หยุดทุกอย่าง เขารักลูกสาวมากและคงทนไม่ได้ หากเธอต้องแต่งงานกับผู้ชายที่ไม่ได้เรื่อง ซึ่งกองทัพเองก็น้อมรับคำขอนั้นอย่างเต็มใจ เพราะหากคิดในแง่ดีแล้ว การหมั้นหมายกับเอรินทร์ก็เหมือนป้ายเตือน ว่าเขาไม่สามารถผูกสัมพันธ์ลึกซึ้งอะไรกับใครได้อีก มีเพียงเรื่องทางกายเท่านั้นที่ยังดำเนินต่อไปตามปกติ
แต่ทุกอย่างเริ่มเปลี่ยนไป ตั้งแต่วันที่ผู้อำนวยการแจ้งว่าคู่หมั้นสาวกำลังจะเรียนจบแล้ว คุณกานต์แนะนำให้เขาทำความรู้จักกับเธอตามสบาย โดยสัญญาว่าจะไม่ยื่นมือเข้าไปขัดขวาง เพราะการทำความรู้จักกันควรเป็นเรื่องของคนสองคนเท่านั้น
คุณกานต์หวังว่าทุกอย่างจะออกมาดี
ทันทีที่ได้รับโทรศัพท์แจ้งข่าวว่าสาวน้อยเมาแทบขาดสติ เพราะดีใจที่สอบวิชาสุดท้ายเสร็จมากไปหน่อย กองทัพก็ตระหนักได้ว่าถึงเวลาที่จะต้องทำความรู้จักกับคู่หมั้นของตัวเองแล้ว หรืออย่างน้อยก็ควรสอนให้หลาบจำว่าถ้าทำให้เขาอับอาย เธอจะต้องโดนดีอย่างไรบ้าง
เรื่องเมาอาละวาดและจูบแก้มกันกลางบาร์นั่นทำให้เขาไม่พอใจ ทว่าก็รู้สึกกระชุ่มกระชวยหัวใจมากเป็นพิเศษ
กองทัพถอดเสื้อของสาวน้อยเอรินทร์ออก สามปีก่อนเขายังไม่มีสิทธิ์ในตัวเธอ ทว่าก็ยังได้เชยชิมเนื้อสาวจนเกือบอิ่ม ตอนนี้เธอเป็นคู่หมั้นที่รอวันเข้าพิธีมงคล เขาจะทำอย่างไรกับเธอก็ได้ อยากทำท่าอะไรหรือเร่าร้อนแค่ไหนก็ทำได้ทั้งนั้น
มือหนาปลดกระดุมกางเกงขาสั้นที่เขาไม่ชอบตั้งแต่นาทีแรกที่เห็น หนุ่ม ๆ ในบาร์จ้องเอรินทร์ตาเป็นมัน ถ้าเขาไม่ไปรับตัวเธอมา คงมีใครสักคนอาสาทำหน้าที่นั้นแทน รวมถึงทำเรื่องร้อนแรงอย่างที่เขาอยากทำด้วย
สาวน้อยของเขาโตเป็นผู้ใหญ่แล้วจริง ๆ บราเซียกับแพนตี้สีชมพูไม่มีอีกแล้ว มีเพียงบราเซียลูกไม้สีดำตัวเล็กจิ๋วและหน้าอกที่เกือบล้นทะลักออกมา จากภายนอกเขาพอจะมองออกว่าทรวดทรงของเธออวบอิ่มขึ้นมาก แต่พอเปิดดูก็ถึงกับต้องกลั้นหายใจ เพราะยัยหนูรินทร์ไม่ได้สวมบราที่มีฟองน้ำเสริมเหมือนสาว ๆ ที่เขาเคยเจอ นั่นหมายความว่า…
เธอโตมากพอแล้วจริง ๆ
สะโพกของเอรินทร์อวบอัดและน่าตี มันผายรับกับเอวคอด ต้นขาเรียวสวยแน่นน่าสัมผัส มองดูก็รู้ว่าผ่านออกกำลังกายมาอย่างหนัก มีข้อเสียแค่เพียงข้อเดียวเท่านั้นในตอนนี้ นั่นคือเธอยังเมาและหลับสนิทอยู่
กองทัพไม่นิยมลักหลับตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกัน แต่จะให้ปล่อยไปเฉย ๆ โดยไม่ให้บทเรียนอะไร เขาก็ทำแบบนั้นไม่ได้อยู่ดี เอรินทร์จะต้องมีอะไรเตือนความจำว่าตัวเองไม่ได้โสด ถึงจะไม่ได้คบหากับเขาอย่างเปิดเผย แต่เธอไม่ควรลืมคนที่ได้ชื่อว่าเป็นคู่หมั้นอย่างเขา
ยัยตัวแสบจะต้องไม่กล้าทำตัวเหลวไหลอีกแล้ว