เป็นได้แค่เพื่อน (ต่อ)1

1673 คำ
แสนรักขับรถมาจอดที่หน้าบ้านของกีรณาแล้ว บ้านของกีรณาเป็นบ้านเดี่ยวอยู่แถวชานเมือง เธอลงไปช่วยเพื่อนรักเก็บของเล่นและเสื้อผ้าของหนูจุ๋มที่เหลือบางส่วนนำไปส่งให้ที่บ้านของคุณยาย ระหว่างที่กำลังง่วนจับของเล่นลงกล่องเพื่อยกไปใส่หลังรถ เสียงกริ่งหน้าบ้านก็ดังขึ้น กีรณาจึงผงกศีรษะขึ้นมอง “ใครมามืดๆ ค่ำๆ แบบนี้” กีรณาพึมพำมองนาฬิกาที่แขวนผนังแล้วขมวดคิ้ว เพราะตอนนี้หนึ่งทุ่มแล้วปกติเวลานี้จะไม่มีใครมาที่บ้าน “เดี๋ยวฉันไปดูให้” แสนรักอาสาแล้วลุกขึ้น ละมือจากกล่องที่กำลังช่วยกันแปะเทป ร่างบางระหงของแสนรักเดินออกมาถึงหน้ารั้วบ้านก็ต้องชะงัก ดวงตาหรี่มอง ร่างกายพลันแข็งค้างเมื่อเห็นชัดเต็มตาว่าคนที่มายืนอยู่หน้าบ้านคือใคร “แสนอยู่ที่นี่ด้วยเหรอ” เสียงของคนที่ลงจากรถ ยืนกอดอกอยู่หน้ารั้วบ้านเอ่ยทักขึ้นก่อน ขณะที่แสนรักมองอดีตเพื่อนสนิทตรงหน้าแล้วไม่คิดจะเอ่ยอะไรให้เสียเวลา ร่างบางสวยหมุนตัวจะกลับไปบอกกีรณาว่าแขกที่มาคือใคร ทว่าเสียงคนด้านหลังก็เรียกขึ้น “เดี๋ยวก่อนสิแสน ไหนๆ เจอกันแล้วไม่คิดจะทักทายเพื่อนเก่ากันหน่อยเหรอ” แสนรักชะงักฝีเท้าที่จะเดินต่อ หมุนตัวกลับมายิ้มมุมปาก “ไม่จำเป็นหรอกมั้งฉัตร” “อย่างน้อยเราก็เป็นเพื่อนกันนะแสน หรือว่ายังโกรธฉันเรื่องพี่พฤกษ์” ปกฉัตรถามหน้านิ่งๆ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่กำลังประเมินว่าแสนรักจะมีท่าทางร้อนใจเผยให้เห็นหรือไม่ เมื่อก่อนแสนรักเสียใจมากจนกินไม่ได้นอนไม่หลับ อาละวาดใส่เธอและพฤกษ์ครั้งหนึ่ง “ทำไมต้องโกรธด้วย ฉันดีใจด้วยต่างหากที่ผีเน่ากับโลงผุได้กัน ฉันอวยพรให้เจริญลง เจริญลงนะ” “ขอบใจนะจ๊ะแสน ฉันก็คิดไว้แล้วว่าเธอคงยังทำใจไม่ได้ ไม่ได้ผิดไปจากที่คาด” ปกฉัตรแดกดันกลับ เธอรู้ว่าแสนรักรักพฤกษ์มาก วางแผนถึงขั้นจะแต่งงานกันแต่ต้องล่มไม่เป็นท่าเมื่อพฤกษ์เลือกมาคบกับเธอแทน “มาทำไมยายฉัตร ที่นี่ไม่ต้อนรับคนอย่างเธอ” เสียงของกีรณาดังขึ้น ปกฉัตรมองเพื่อนด้วยสายตาอ่อนแสง แรกเริ่มเธออยากมาหาเพื่อนสักคนเพื่อปรับทุกข์และระบายสิ่งที่อัดอั้นในใจให้ฟัง และเธอก็เลือกที่จะมาพบกีรณา แม้รู้ว่าถ้ามาแล้วก็อาจเจอปฏิกิริยาแบบนี้แต่ก็ยังเสี่ยงที่จะมา หากแต่คิดไม่ถึงว่าจะเจอแสนรักอยู่ด้วย “หนึ่งจะไม่เชิญฉันเข้าบ้านหน่อยเหรอ เราเป็นเพื่อนกันนะ” “ใช้คำว่าเคยดีกว่าไหม ตอนนี้ไม่ใช่แล้ว” กีรณาว่า “อ้อ หรือที่มาวันนี้เพราะถูกพี่พฤกษ์ทิ้งเลยนึกถึงเพื่อนอยากมีคนช่วยปลอบใช่ไหม ถ้าใช่ฉันจะเชิญเข้าบ้านแต่ไม่ได้ปลอบหรอกนะ แต่จะสมน้ำหน้าเธอยายฉัตร” ปกฉัตรเม้มปากแน่น เธอแค่ต้องการเพื่อนสักคนให้ระบายและรับฟังแต่ไม่มีใครเลย ทั้งกีรณาและผดาชมัยต่างรุมรักแสนรักกันหมด เพราะแสนรักสวยและรวยใช่ไหมทุกคนถึงรุมเอาใจ เธอวนเวียนตั้งคำถามเรื่องนี้มานานมากแต่ไม่เคยได้คำตอบ ปกฉัตรคิดว่าต้องเป็นเหตุผลนี้ ส่วนมากแล้วคนที่มีภาษีดีในสังคมคือคนรวย และแสนรักนั้นทั้งสวยและรวย ส่วนเธอเป็นแค่ลูกชาวสวนที่เรียนเก่งสอบติดเข้ามหาวิทยาลัยได้และได้เข้ามาอยู่กลุ่มเดียวกับดาวคณะอย่างแสนรัก คิดถึงเรื่องนี้ทีไรปกฉัตรก็น้อยใจ เธอควรจะได้รับความรักจากเพื่อนอย่างเท่าเทียม แตกีรณากับผดาชมัยต่างไม่เห็นความสำคัญเธอเลย แม้แต่เรื่องประกวดดาวคณะ ตอนนั้นเธอลงประกวดด้วยหากแต่ว่าแสนรักได้ตำแหน่งนี้ไป เธอมารู้ทีหลังตอนขึ้นปีสองจากรุ่นพี่ที่สนิทคนหนึ่งว่าเธอกับแสนรักคะแนนเท่ากันแต่ทุกคนลงความเห็นว่าแสนรักเหมาะสมกว่าแต่เหตุผลอะไรนั้นรุ่นพี่คนนั้นก็ไม่ได้บอกแต่ปกฉัตรก็เดาได้ว่าน่าจะเป็นเรื่องฐานะ ปกฉัตรคิดว่าแสนรักไม่ได้ดีกว่าเธอหากแต่เป็นเพราะฐานะทางบ้าน ตอนนั้นเธอผิดหวังเล็กๆ โชคดีที่ได้เจอรุ่นพี่คนหนึ่งที่เข้ามาเติมเต็มเป็นเหมือนน้ำทิพย์ชโลมใจ ตอนนั้นเธอเดินเหม่อข้ามถนนจนเกือบถูกรถชนดีที่ได้พี่พฤกษ์ซึ่งเรียนอยู่คณะแพทย์ศาสตร์ปีที่สี่มาช่วยไว้ ปกฉัตรยิ้มขื่นๆ ให้กับอดีต เธอไม่เคยชนะแสนรักได้เลยกระทั่งปัจจุบันนี้ “ใครว่าฉันถูกพี่พฤกษ์ทิ้ง” ปกฉัตรเชิดหน้าตอบ “เราแค่มีเรื่องเข้าใจผิดกันนิดหน่อยเท่านั้นเอง เธอไปเอาข่าวมั่วๆ มาจากที่ไหนกัน” ปกฉัตรพูด พลางปรายตามองไปทางแสนรัก เธอไม่อยากให้แสนรักรู้ความจริงแล้วหัวเราะเยาะได้ว่าในที่สุดเธอก็ถูกทิ้ง “หรือว่าแสนอยากให้ฉันเลิกกับพี่พฤกษ์จนตัวสั่น แต่ไม่มีทางหรอกนะ เราสองคนยังรักกันดี” “นี่ยายฉัตรอย่ามาหาเรื่องแสน ส่วนเรื่องของเธอจะคบหรือเลิกกับใคร ไม่มีใครเขาสนใจหรอก” ปกฉัตรกำมือแน่น กีรณาเป็นห่วงแสนรัก ทำตัวเป็นองค์รักษ์พิทักษ์นางเอก กีรณาเป็นห่วงแสนรัก เหลือบมองเพื่อนสนิทตลอดว่าจะมีอาการสติแตกอะไรหรือไม่ เพราะแสนรักเคยอาละวาดใส่ครั้งหนึ่ง แต่ตอนนี้แสนรักมีท่าทีนิ่งเฉยบอกให้รู้ว่าเรื่องของปกฉัตรไม่มีผลกระทบเลยสักนิด กีรณาจึงโล่งใจ “ตกลงมีเรื่องอะไรกันแน่ ถ้าไม่มีธุระอะไรก็กลับไปได้แล้ว” “ฉันแค่แวะมาหาเธอหนึ่ง แต่ถ้าเธอไม่ต้อนรับก็ไม่เป็นไร ยังไงฉันก็ยังคิดว่าเธอเป็นเพื่อนเสมอ ฉันกลับก่อนล่ะ” ปกฉัตรบอกแล้วหมุนตัวไปขึ้นรถ ไม่สนใจเสียงที่ตามหลังมาติดๆ “ใครเป็นเพื่อนเธอกันยายฉัตร คนขี้อิจฉาแถมใจแคบอย่างเธอไม่มีวันมีเพื่อนแท้หรือคนที่รักเธอจริงๆ หรอกจำเอาไว้” เท้าที่กำลังเดินอยู่ถึงกับหยุดชะงัก ปกฉัตรเม้มปากแน่น หัวใจเต้นระรัวด้วยความเสียใจปนโกรธ กีรณาพูดแทงใจดำแต่ว่าปกฉัตรพยายามบอกตัวเองไม่ให้สนใจ ในเมื่อเธอมีพฤกษ์แล้ว เขาเป็นทุกอย่างของเธอ เธอจะไม่มีวันเสียเขาไปให้ใครเด็ดขาด แม้ตอนนี้จะทะเลาะกันอยู่ก็ตาม ปกฉัตรเดินไปขึ้นรถแล้วปิดประตูดังปัง สตาร์ทรถขับออกไปอย่างรวดเร็ว กีรณาหันมามองแสนรักด้วยความเป็นห่วง หากแต่แสนรักยิ้มบางๆ พลางส่ายหน้า “ฉันไม่เป็นไรหรอกหนึ่งอย่ามองฉันด้วยสายตาแบบนี้ ฉันตัดใจจากพี่พฤกษ์ได้ตั้งนานแล้ว” “แน่ใจนะ” กีรณาถาม ยังจำได้ว่าตอนที่แสนรักรู้ว่าแฟนหนุ่มที่มีแพลนจะแต่งงานกันแอบมากินกับเพื่อนสนิทลับหลัง ตอนนั้นแสนรักร้องไห้เสียใจจนผอมลงไปหลายกิโลกรัม ซ้ำยังไปอาละวาดจนพฤกษ์ต้องหนีหน้า กว่าแสนรักจะทำใจได้ก็ผ่านไปเกือบปีทีเดียว “แน่ใจสิ ฉันโอเคมากๆ” แสนรักบอกพร้อมรอยยิ้มแล้วหมุนตัวเข้าบ้าน ก่อนจะหันมาเมื่อกีรณาไม่ยอมเดินตาม “ทำไมไม่เข้าบ้านล่ะ เรายังเก็บของไม่เสร็จเลยนะ ไหนว่าจะรีบเอาของไปให้หนูจุ๋มไงล่ะ เดี๋ยวก็ไปถึงดึกกันพอดี” กีรณามองประเมินเพื่อนรักอีกครั้ง พยายามหาสิ่งที่ซ่อนเร้นในใจของแสนรักให้พบ แต่เธอก็แน่ใจว่าไม่เห็นร่องรอยความเสียใจพาดผ่านในดวงตาคู่งามของเพื่อนสนิท อย่างน้อยดวงตาก็เป็นหน้าต่างของหัวใจ ถึงแสนรักจะปิดซ่อนไว้ก็ปิดไม่มิด เมื่อมองชัดๆ ว่าไม่มีบาดแผลจากความรู้สึกครั้งที่แล้วหลงเหลือในใจของเพื่อน กีรณาจึงเบาใจได้ว่าแสนรักคงไม่รู้สึกอะไรกับพฤกษ์แล้วจริงๆ แบบนี้เพื่อนอย่างเธอค่อยหมดห่วง ด้วยว่าวันนี้เป็นวันศุกร์ จึงรถติด การเดินทางจึงช้าไปมาก เมื่อแสนรักมาถึงบ้านของคุณยายหนูจุ๋มก็เป็นเวลาสี่ทุ่มแล้ว เจ้าของบ้านจึงชักชวนให้ค้างคืนด้วยเลย ปกติหลังรถของแสนรักจะมีเสื้อผ้าไว้อยู่แล้วสองสามชุด ดังนั้นเมื่อถูกชักชวนให้อยู่ค้างจึงตัดสินใจได้ง่าย บ้านของคุณยายหนูจุ๋มเป็นบ้านเรือนไทยที่ร่มรื่น รอบบ้านเต็มไปด้วยต้นไม้ใหญ่ปลูกเต็มไปหมด เมื่อมาถึงตอนดึกแล้ว แสนรักจึงไม่ได้เล่นกับหนูจุ๋มเพราะว่าสาวน้อยเข้านอนไปนานแล้ว “แสนนี่ชุดนอนฉันเอง ซื้อมาใหม่ยังไม่ได้ใส่ แสนเอาไปใส่ได้เลยนะไม่ต้องเกรงใจ” หลังจากรับชุดนอนจากกีรณาและอาบน้ำทำธุระเสร็จเรียบร้อย แสนรักจึงเตรียมจะพักผ่อน เพิ่งจะเอนกายลงนอนได้ไม่ถึงหนึ่งนาที เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น มือบางหยิบขึ้นมาดูเมื่อเห็นว่าเป็นใครที่วิดีโอคอลมาหาก็อมยิ้ม “แสนทำอะไรอยู่ครับ นอนหรือยัง” “กำลังจะนอนค่ะ”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม