9
“นี่น่ะเหรอลูกสะใภ้ที่รุ่งพูดถึง”
“ใช่...คนนี้แหละ” คุณหญิงรุ่งระวีตอบเพื่อนรัก
“นี่หนู ลูกค้าที่นี่มีแต่ผู้ดีมีตระกูลมาทานข้าวกันนะจ๊ะ เขาไม่ต้อนรับไพร่สถุลไม่มีการศึกษาอย่างหนูหรอก ฉันว่าหนูกลับบ้านไปนอนกอดทะเบียนสมรสดีกว่านะ ได้ข่าวว่าหวงทะเบียนสมรสมากไม่ใช่เหรอ กลับไปกอดให้แน่นๆ เลย เพราะอีกไม่นานหนูก็คงได้กอดใบหย่าแทน”
คำพูดนุ่มนวลแต่เจ็บไปถึงทรวง คำก็ไพร่สองคำก็ไม่มีการศึกษา รู้จักฤทธิ์แม่น้อยไปแล้ว ผู้ที่ร่วมโต๊ะต่างอมยิ้มกับคำพูดที่เสียดสีของคุณหญิงพิมพาเป็นอย่างมาก รู้สึกสะใจที่ได้เห็นใบหน้าของ วาติยาที่เริ่มแดงด้วยความโกรธ
“เหรอคะ คนที่นี่คงมีการศึกษาสูงนะคะ ถึงเอาลูกสาวตัวเองใส่พานยอมให้เป็นเมียน้อยของคนอื่น รู้ทั้งรู้ว่าเขามีเมียอยู่แล้ว และที่สำคัญเมียก็ยืนหัวโด่อยู่นี่ด้วย อยากรู้จริงๆ เลยว่าคุณยายส่งลูกสาวไปเรียนที่ไหนคะถึงไม่รู้จัก อ่านไม่ออก เขียนไม่ได้กับคำว่าหน้าด้าน นิยมเป็นเมียน้อยของคนอื่น”
คุณหญิงพิมพาแทบจะกรี๊ดเมื่อได้ยินสรรพนามที่เธอเรียกนางว่า ยาย และยิ่งโกรธมากยิ่งขึ้นเมื่อเด็กคราวลูกพูดจาไม่ให้เกียรติ
“แก! แกนังปากตลาด เกิดมาไม่เคยเจอะเคยเจอ ผู้หญิงอะไร ทำไมถึงได้ ปากคอเราะราย ฉันไม่แก่ขนาดที่แกจะมาเรียกฉันว่ายายนะ”
คุณหญิงพิมพาพูดอย่างเหลืออด ส่วนมารดาของราเชนทร์ต้องควานหายาดมในกระเป๋า เพราะเธอกำลังจะเป็นลมกับฤทธิ์เดชของลูกสะใภ้ เมื่อก่อนวาติยาไม่เคยมีปากมีเสียงแบบนี้ แต่หลังจากที่หนีออกจากบ้านไปสองสามวันพอกลับมาก็เปลี่ยนไปเป็นคนละคน
“โถ เรียกยายน่ะถูกแล้วค่ะ ดูสิคะ ตีนกาขึ้นเต็มหน้าเลย ต่อให้ดึงหน้าตึงเป็นหนังกลองยังไง รอยตีนกาที่ประทับอยู่บนใบหน้าของคุณยายมันก็ยังมองเห็นอยู่ดี”
คุณหญิงพิมพาชี้หน้าหญิงสาวอย่างไม่หลงเหลือความอดทน
“แก! นังโสเภณี! ถ้าแกไม่มอมยาตาเชนทร์ แกก็ไม่มีวันได้จดทะเบียนกับตาเชนทร์หรอกรู้ไว้ซะด้วย”
“ใช่ ฉันมันโสเภณี แล้วการที่เป็นโสเภณีมันหนักส่วนไหนของพวกคุณ พวกคุณดีเลิศประเสริฐศรีนักหรือไง การที่พวกคุณมีเงินมีการศึกษาที่ดี มีโอกาสที่มากกว่าคนอื่นมันไม่ช่วยให้จิตใจของพวกคุณสูงกว่าฉันเท่าไหร่หรอก เพราะอะไรรู้ไหม เพราะหัวใจของพวกคุณต่ำกว่ารองเท้าของฉันเสียอีก คิดแต่เรื่องต่ำๆ ชอบ เหยียบย่ำคนอื่น มองคนอื่นเหมือนหมูเหมือนหมา ทั้งๆ ที่พวกคุณกับโสเภณีอย่างฉันก็เดินบนผืนแผ่นดินเดียวกัน” วาจาที่กลั่นออกมาจากใจผสมกับความโกรธ ทำให้ คนที่นั่งอยู่ถึงกับอึ้งกับคำเปรียบเปรยของเธอ
“แสดงว่าคุณยอมรับว่าตัวเองเป็นโสเภณี”
วิมาดาที่อดทนนั่งฟังมานานเริ่มเปิดปากพูด ธาริกามองใบหน้าของวิมาดาที่สวยพริ้ง ที่มีเครื่องสำอางราคาแพงแต่งเติมบนใบหน้าให้ขาวผ่องและสวยสะดุดตา
“ใช่ ฉันมันโสเภณี แล้วจะทำไม” ธาริกาถามหยั่งเชิง ยืนกอดอกรอฟังคำตอบอย่างไม่เกรงกลัว
“ก็ไม่ทำไมหรอก โสเภณีก็เป็นอาชีพหนึ่งที่ขายร่างกายเพื่อแลกกับเงิน แต่เธอนี่ก็เก่งนะสามารถทำให้พี่เชนทร์จดทะเบียนสมรสได้ รู้ทั้งรู้ว่าพี่เชนทร์ไม่เต็มใจ แต่ที่เธอทำน่าเกลียดมากไปกว่านั้นก็คือ เธอแสดงกำพืดของตัวเองออกมาประจานให้บุคคลอื่นได้เห็น ไม่ว่าจะเป็นคำพูดหรือว่าการกระทำ เธออาจจะไม่อาย แต่เธอก็น่าจะนึกถึงคุณหญิงแม่บ้าง และที่สำคัญเธอต้องให้เกียรติสามีของเธอด้วย ไม่ใช่จะมาทำกิริยาต่ำๆ แถวนี้”
วิมาดาพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ และมันกรีดลึกเข้าไปถึงหัวใจของธาริกา แต่เธอไม่แสดงสีหน้าโกรธ สิ่งที่เธอทำคือยิ้ม
“ขอบคุณนะคะสำหรับคำเตือน แต่ฉันก็อยากจะเตือนลูกผู้ดีมีตระกูลอย่างคุณเหมือนกัน อย่าริอ่านเป็นเมียน้อยของโสเภณีอย่างฉันเลย รู้ถึงไหนก็จะอายไปถึงนั่น มีความรู้สูงแต่ไม่มีปัญญาหาผัว จะเสื่อมเสียวงศ์ตระกูลอันสูงส่งของคุณเปล่าๆ แม่คุณก็เหมือนกัน รู้ก็รู้ว่าพี่เชนทร์เขาแต่งงานแล้ว ก็ยังจะยอมให้คุณมาเป็นเมียน้อยของฉันอีก แต่ขอโทษ เมียหลวงอย่างฉันไม่มีวันยอม เคยได้ยินสุภาษิตที่ว่าเสียทองเท่าหัวไม่ยอมเสียผัวให้ใครหรือเปล่าคะ และผัวรวยๆ หล่อๆ แถมโง่อย่างนี้หายากค่ะ หายาก”
ธาริกาพูดกระทบหลายคนที่อยู่ร่วมโต๊ะ ราเชนทร์ที่ทนฟังและทนเห็นพฤติกรรมของวาติยาแทบไม่ไหว คุณหญิงพิมพาและวิมาดาต่างอึ้งเมื่อถูกย้อนอย่างเจ็บแสบ คุณหญิงรุ่งระวีไม่พูดอะไรสักคำ ได้แต่นั่งดมยาดม หายใจเข้าออกอย่างแรง
“มานี่เลย มานี่”
ราเชนทร์ทนไม่ไหวคว้าข้อมือของเธอ โดยไม่สนใจคุณหญิงรุ่งระวีและเพื่อนรักของมารดารวมทั้งผู้หญิงที่มารดาของเขาพามาดูตัว ก่อนจะลากโดยไม่สนใจเสียงร้องและแรงขัดขืนของเธอเลย ราเชนทร์ลากเธอมาถึงลานจอดรถที่อยู่ชั้นใต้ดินของทางโรงแรมเดินตรงไปที่รถยนต์ของเขา จากนั้นก็เปิดประตูรถและยัดร่างของเธอให้นั่งด้านข้างของคนขับ ส่วนเขาก็นั่งประจำที่คนขับรถ
“ไอ้บ้าปล่อยฉันลงเดี๋ยวนี้นะ ปล่อยฉันลง จอดรถสิจอดรถ”
ธาริการ้องตะโกนดังลั่นรถ หากราเชนทร์ยังคงนั่งนิ่งขับรถต่อไปอย่างไม่สนใจเธอ เขาขับรถมาเรื่อยๆ จนออกนอกเมือง ธาริกามองข้างทางที่มีอาคาร บ้านเรือนหนาแน่น แต่ตอนนี้เริ่มเบาบางลงเหมือนกับว่าเขาขับรถออกไปยังต่างจังหวัด
“นายจะไปไหน” ธาริกาถามอย่างหวาดหวั่น
“ ” เงียบไม่มีเสียงตอบจากเขา
“หูหนวกหรือไง ฉันถามว่าจะไปไหน”
ธาริกาตะโกนถามดังลั่น ราเชนทร์เบรกรถอย่างแรงจนได้ยินเสียงห้ามล้อดังไปทั่ว ดีที่ว่าทั้งเขาและเธอต่างสวมเข็มขัดนิรภัยไว้ ไม่เช่นนั้นใบหน้าและส่วนต่างๆ ของร่างกายคงเขียวช้ำจากแรงกระแทก
“ไอ้บ้า จะฆ่ากันหรือไง”
ธาริกาตวาดลั่น มือหนาของเขาปลดเข็มขัดนิรภัยของเขาออก ก่อนจะหัน มาปลดของเธอ ซึ่งธาริกาได้แต่มองการกระทำของเขาอย่างงงๆ