EP.03 แผนการ

1947 คำ
03 แผนการ หนึ่งชั่วโมงต่อมา... "ขอบคุณที่มาส่งนะคะ เอ่อ...พี่เสือจะเข้าไปข้างในก่อนไหมคะ?" หญิงสาวเอ่ยขึ้นหลังจากที่รถคันหรูเคลื่อนมาจอดหน้าประตูรั้วของบ้านไม้หลังที่ไม่ใหญ่และไม่เล็กมากบ่งบอกว่าครอบครัวเธอมีฐานะอยู่พอสมควรเพราะหลังจากที่อาบน้ำเปลี่ยนชุดใหม่เสร็จเสือก็พาเธอออกมาทานข้าวที่ร้านอาหารก่อนจะพามาส่งที่บ้าน ยังดีที่วันนี้เธอมีเรียนช่วงบ่ายจึงไม่ต้องกังวลอะไรมากนัก ทว่าคำถามของหญิงสาวทำให้ร่างสูงเบนสายตามองเข้าไปในบ้านด้วยสายตาที่ไม่บ่งบอกถึงความรู้สึกก่อนจะหันมาสบตากับเธอ "ไม่ดีกว่า นี่ก็ยังเช้าอยู่พี่ไม่อยากรบกวนท่าน เอาไว้วันหน้าแล้วกันนะพี่อยากมาแนะนำตัวกับแม่ของเราในฐานะว่าที่ลูกเขยมากกว่าคนคุยนะ" เสือเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงและรอยยิ้มที่มีเสน่ห์ทำให้ที่รักหน้าแดงระเรื่อด้วยความเขินอายกับคำพูดของเขา "ถะ...ถ้างั้นที่รักเข้าบ้านก่อนนะคะ" "หึหึ ครับ เดี๋ยวพี่โทรหานะ" ร่างสูงหัวเราะในลำคอเบา ๆ ก่อนที่หญิงสาวจะเปิดประตูลงจากรถไปโดยไม่ลืมที่จะโบกมือลาก่อนจะรีบเปิดประตูรั้วเข้าบ้านไปทันที โดยมีสายตาคมมองตามไปเช่นเดียวกับใบหน้าคมคายที่ประดับด้วยรอยยิ้มเมื่อครู่ค่อย ๆ แปรเปลี่ยนเป็นเรียบนิ่งก่อนจะขับรถออกไปทันที "มีความสุขอะไรมาหืมลูกสาวแม่" ปรางทิพย์ที่กำลังจัดขนมใส่ถุงเพื่อส่งขายเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นลูกสาวเดินยิ้มหวานเข้ามาในบ้านอย่างมีความสุข ซึ่งคำถามของผู้เป็นแม่ทำให้เธอดึงสติกลับมาได้ก่อนจะเดินตรงเข้าไปหาหญิงวัยกลางคนทันที "ไม่มีอะไรคะ แล้วนี่แม่ทำขนมเสร็จหมดแล้วเหรอคะ?" เพราะหลังจากที่ธุรกิจของครอบครัวถูกฟ้องล้มละลายบวกกับดานุพ่อของเธอที่ตัดสินใจจบชีวิตตัวเองลงเพราะปัญหารุมเร้าเธอจำความรู้สึกตอนนั้นได้ดีว่ามันเจ็บปวดทรมานมากขนาดไหนและแม่เธอเองก็เช่นกัน เธอรู้ว่าแม่เธอเจ็บปวดมากแค่ไหนแต่ก็ต้องกลับมาต่อสู้เพื่อเธอ หลังจากที่เคยมีเงินทองเป็นกองไว้ให้ใช้กลับกลายเป็นขาดแคลนลงเรื่อย ๆ อีกทั้งยังต้องหาเงินใช้หนี้ธนาคารที่กู้มาส่วนบริษัทที่พ่อของเธอก่อตั้งมาก็ถูกเปลี่ยนประธานคนใหม่ขึ้นมาบริหารแทนทำให้แม่ของเธอต้องมาทำขนมฝากขายตามร้านอาหารและร้านกาแฟต่าง ๆ ซึ่งนี่ก็ผ่านมาปีกว่าแล้วที่เธอกับแม่ต้องใช้ชีวิตกันแค่สองคนแม่ลูก แต่ก็ไม่เคยมีวันไหนเลยที่เธอไม่คิดถึงพ่อ "เสร็จแล้วจ้ะ แล้วเมื่อกี้ใครมาส่งล่ะไม่ชวนเข้ามาดื่มน้ำดื่มท่าเสียก่อน" "พะ...เพื่อนค่ะ พอดีเขามีเรียนเช้าเลยไม่ได้เข้ามาทักทาย" "หืม เพื่อนแน่เหรอ แม่ว่าไม่ใช่แค่เพื่อนแล้วมั้งลูกสาวคนสวยของแม่ถึงยิ้มหวานมีความสุขแบบนี้" หญิงวัยกลางคนเอ่ยแซวด้วยรอยยิ้ม เธอไม่ได้ปิดกั้นหากที่รักจะมีความรักเพราะลูกสาวของเธอก็โตพอที่มีความคิดการตัดสินใจของตัวเองแล้ว ส่วนเธอที่เลี้ยงมาก้ทำได้แค่เป็นที่ปรึกษาคอยให้กำลังใจในวันที่ลูกสาวนั้นต้องการและคอยซัปพอร์ตในทุก ๆ เรื่อง "แม่ไม่โกรธหนูเหรอคะที่..." "ไม่จ้ะ ตอนนี้หนูโตพอที่จะมีความคิดความอ่านเป็นของตัวเองแล้ว แม่เชื่อว่าลูกสาวของแม่ก่อนจะทำอะไรต้องคิดและตัดสินใจมาดีแล้ว" "ขอบคุณแม่นะคะที่คอยอยู่ข้าง ๆ หนูมาตลอด" หญิงสาวโผกอดผู้เป็นแม่แน่น เธอรู้สึกว่าตัวเองโชคดีมากที่เกิดมาจากความรักความอบอุ่นของพ่อกับแม่ "ไม่ต้องมาเศร้าเลยจ้ะ รีบขึ้นไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้านะเดี๋ยวรถก็จะมารับขนมไปส่งแล้ว" "ได้ค่ะ เดี๋ยวลงมาช่วยนะคะ" พูดจบที่รักก็รีบวิ่งขึ้นไปชั้นสองทันทีโดยมีสายตาของปรางทิพย์มองตามไปด้วยรอยยิ้มก่อนจะส่ายหัวเบา ๆ แล้วลงมือจัดขนมใส่กล่องต่อให้เสร็จเพราะอีกไม่กี่นาทีรถที่เธอเรียกไว้ก็จะมารับขนมไปส่งที่ร้านอย่างเช่นทุกวันแล้ว กริ๊งงง~ กริ๊งงง~ เสียงกดกริ่งที่หน้าบ้านดังขึ้นในตอนที่หญิงวัยกลางคนกำลังจัดขนมใส่กล่องอยู่ทำให้เธอวางอุปกรณ์ในมือลงก่อนจะเดินออกไปที่หน้าบ้านทันที "มาหาใครคะ?" "ที่นี่บ้านคุณดานุใช่ไหมครับ" "ใช่ค่ะ" ปรางทิพย์เอ่ยขึ้นก่อนที่ชายชุดดำตรงหน้าจะหยิบซองเอกสารสีน้ำตาลยื่นให้ "มาแล้วค่าา~" เสียงของที่รักดังขึ้นในเวลาต่อมาหลังจากที่เปลี่ยนชุดนักศึกษาเสร็จเพื่อจะไปเรียนในช่วงบ่ายพร้อมกับเดินลงบันไดมาด้วยรอยยิ้ม ทว่าเสียงของลูกสาวทำให้ปรางทิพย์ที่กำลังอ่านเอกสารในซองสีน้ำตาลที่ได้รับเมื่อไม่กี่นาทีก่อนได้สติรีบจัดการเก็บเอกสารไว้ในซองแล้วหาอะไรมาทับไว้เพราะไม่ต้องการให้ที่รักรับรู้ก่อนที่ใบหน้าของหญิงวัยกลางคนจะคลี่ยิ้มออกมาราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น "แม่ทำอะไรอยู่คะ แล้วเมื่อกี้หนูได้ยินเสียงคนมากดกริ่งมีอะไรรึเปล่าคะ?" เพราะในระหว่างที่เธอขึ้นไปเปลี่ยนชุดอยู่บนห้องก็ได้ยินเสียงกดกริ่งหน้าบ้านดังขึ้น "เปล่าจ้ะ แล้วนี่หนูจะไปเรียนแล้วเหรอ?" ปรางทิพย์ตอบปัดเพราะไม่ต้องการให้ที่รักรับรู้ถึงปัญหาที่เกิดขึ้นเพราะเธอรู้จักนิสัยของลูกสาวดีถ้าหากว่ารู้ความจริงที่รักจะทำยังไง ซึ่งตอนนี้เธออยากให้ที่รักตั้งใจกับการเรียนเพียงอย่างเดียวไม่อยากให้มาเครียดกับเรื่องที่ตัวเองไม่ได้ก่อ "หนูเรียกรถไว้แล้วค่ะ แต่ยังพอมีเวลาอยู่มีอะไรให้หนูช่วยไหมคะ?" "ไม่จ้ะ เหลืออีกนิดเดียวก็จะเสร็จแล้ว หนูไปเรียนเถอะรถมารอแล้วนั่น" "ถ้างั้นหนูไปเรียนก่อนนะคะ รักแม่ค่ะ" พูดจบก็หอมแก้มผู้เป็นแม่ฟอดใหญ่ก่อนจะเดินออกไปที่หน้าบ้านเมื่อรถแท็กซี่เคลื่อนมาจอดรออยู่ หลายชั่วโมงต่อมา หลังจากเรียนเสร็จเสือก็มานั่งอยู่ที่โต๊ะหินอ่อนซึ่งเป็นโต๊ะประจำพร้อมกับกลุ่มเพื่อน มือหนากดส่งข้อความสุดท้ายก่อนจะปิดหน้าจอลง "ดีจังเลยค่ะที่พี่เสือยังอยู่เหมยคิดว่าจะมาเสียเที่ยวซะแล้ว สวัสดีค่ะพี่ ๆ" เหมยลี่ซึ่งเป็นรุ่นน้องต่างคณะและเป็นคนที่เสือเคยควงเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้มที่เดินเข้ามาแล้วเห็นเสือนั่งอยู่ก่อนจะเอ่ยทักทายเพื่อน ๆ ของเขาที่เธอเองก็รู้จักชื่อเสียงเรียงนามอยู่บ้าง "วันนี้พี่เสือว่างไหมคะ เราไม่ได้ไปไหนด้วยกันนานแล้วเหมยคิดถึงพี่เสือนะคะ" หญิงสาวเจ้าของใบหน้าที่แต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ติดจะน้อยใจเพราะตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมานี้เสือไม่เรียกใช้เธอเลย แต่เขากลับไปควงผู้หญิงหน้าตาจืดชืดอีกคนแทน "เอาสิ ช่วงนี้ฉันก็เบื่อของจืดชืดอยู่เหมือนกัน" พูดจบร่างสูงก็ลุกขึ้นก่อนที่เหมยลี่จะเดินเข้าไปควงแขนแล้วเดินออกไปพร้อมกับเขาทันที อย่างน้อยที่มาหาเขาในวันนี้ก็ไม่เสียเวลาเพราะการที่เขาจะเลือกผู้หญิงคนใดคนหนึ่งขึ้นเตียงไม่ใช่เรื่องง่าย "เรียนเสร็จแล้วไปไหนกันต่อไหม?" เสียงของโบวี่เอ่ยขึ้นหลังจากที่เดินออกมาจากใต้ถุนอาคารเรียนหลังจากที่เรียนคาบสุดท้ายเสร็จ "เสียใจด้วยค่ะวันนี้ฉันมีธุระคงไปกับพวกแกไม่ได้" ผ้าแพรเอ่ยออกมาหลังจากเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋าสะพายข้าง "แล้วแกล่ะที่รัก" "วันนี้ฉันก็ไม่ว่างเหมือนกันพอดีนัดกินข้าวกับพี่เสือไว้แล้วน่ะ" ที่รักเอ่ยขึ้นเพราะเธอเพิ่งจะคุยกับเสือเสร็จเมื่อไม่กี่นาทีที่แล้วว่าจะไปหาเขาที่ตึกสาขาบริหารธุรกิจ "เหอะ! ถ้าพวกแกไม่ว่างกันงั้นฉันคงต้องไปนอนเหี่ยวเฉาที่คอนโดแล้วสินะ" โบวี่แสร้งเอ่ยออกมาด้วยความน้อยใจก่อนที่จะพูดคุยกันต่ออีกสักพักแล้วแยกย้ายกันกลับในขณะที่ที่รักเดินตรงไปยังตึกบริหารที่อยู่ไม่ไกลจากตึกบัญชีที่เธอเรียนอยู่มากนัก "อ้าวที่รักมาทำอะไรที่นี่ล่ะ?" ติณณ์ที่นั่งเล่นโทรศัพท์อยู่เอ่ยขึ้นเมื่อเห็นรุ่นน้องต่างสาขาเดินเข้ามา "สวัสดีค่ะพี่ ๆ ที่รักมาหาพี่เสือค่ะ พี่เสือไม่อยู่เหรอคะ?" หญิงสาวเอ่ยทักทายรุ่นพี่หนุ่มทั้งสามคนที่นั่งอยู่เพราะที่ผ่านมาเธอเองก็ได้พูดคุยกับพวกเขาบ้างเวลาที่เสือพาไป ทว่าคำพูดของที่รักทำให้ติณณ์หันมองหน้าเพื่อนอย่างเงียบ ๆ ก่อนจะตอบออกมา "สงสัยมันมีธุระน่ะเลยรีบร้อนออกไปเมื่อไม่นานนี้เอง แล้วได้บอกมันไว้ก่อนไหมว่าจะมาหา" "ค่ะ นัดกันไว้เมื่อครึ่งชั่วโมงที่แล้ว แต่สงสัยจะมีธุระด่วนจริง ๆ ถ้างั้นที่รักขอตัวกลับก่อนนะคะ" เธอพูดจบก็ยิ้มให้ทั้งสามคนก่อนจะเดินกลับออกไป เธอไม่ได้โกรธเคืองที่เขาผิดนัดแล้วไม่ส่งข้อความมาบอกเพราะเขาคงมีธุระสำคัญจริง ๆ "กูสงสารน้องจริง ๆ ไอ้เสือมันทำเกินไปไหมวะ แล้วผู้หญิงซื่อ ๆ แบบนี้จะตามมันทันที่ไหน" เป็นติณณ์ที่เอ่ยขึ้นหลังจากที่รักเดินห่างออกไป ที่เสือออกไปกับเหมยลี่เขาก็คิดว่ามันไม่ได้นัดกับใครเอาไว้แต่การที่ทำแบบนี้ไม่ต่างจากการเล่นกับความรู้สึกของผู้หญิงคนหนึ่งเลยจริง ๆ "งั้นมึงก็ไปบอกให้มันหยุดซะหรือไม่มึงก็ไปบอกความจริงกับน้องมันทุกอย่างจะได้จบ" เป็นมังกรที่เอ่ยขึ้นเพราะเขาเองก็ไม่ได้เห็นด้วยกับแผนการแบบนี้ของเพื่อนรัก "มึงพูดเหมือนไม่รู้จักนิสัยมันเลยนะ มึงก็รู้ว่าถ้ามันตัดสินใจอะไรแล้วไม่มีใครห้ามมันได้" "ของแบบนี้ต้องให้มันโดนกับตัวถึงจะรู้สึก กูจะรอดูวันที่เสือจะหลงเหยื่อของตัวเองเข้าสักวัน" ป่าที่นั่งเงียบอยู่นานเอ่ยขึ้นเสียงเรียบ เพราะของแบบนี้ต่อให้ใครห้ามยังไงก็คงจะหยุดไม่ได้นอกจากจะเจอกับตัวเองถึงจะเข้าใจความรู้สึกของคนที่ถูกกระทำ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม