ฟาครีไม่ปล่อยมือฉันทำให้ผู้คนดังๆ มากมายที่มารวมงานด้วยพากันจ้องมาที่ฉันและเขา ไอ้เด็กบ้านี่ ปล่อยฉันสักทีไม่ได้หรือไง
“นายจะปล่อยฉันได้รึยังยะ”
ฉันกระซิบกระซาบ และเขยิบเข้าไปในในระยะประชิดกับเขาเพราะกลัวเขาจะไม่ได้ยิน
“พี่สาวไม่ชอบหรอ”
ฟาครียิ้มหวานพร้อมกับยัดจูปาจุปส์เข้าไปในปากอีกครั้ง ให้ตายสิเด็กนี่
“อ๊ะ! ตรงนั้นมีซูชิด้วย เราไปกินซูชิกันนะครับ”
ฟาครีชี้ไปที่โต๊ะบุฟซูชิที่อยู่อีกฝั่งหนึ่งของห้องจัดงานเลี้ยงแล้วจับมือฉันพาวิ่งไปทันที อ๊ากกก ถ้าขืนหมอนี่ยังเป็นแบบนี้ ไอ้ที่อธิบายไปว่าไม่ได้เป็นอะไรกันมันก็ไม่มีความหมายหรอกยะ
“ผมชอบข้าวห่อสาหร่าย พี่สาวล่ะครับชอบอะไร”
ฟาครีหันมาถามขณะที่ในปากก็ยังเคี้ยวข้าวปั้นตุ้ยๆ ส่วนจูปาจุปส์ของเขา...ไม่อยากจะพูดเลยว่าหมอนี่เอาเปลือกของจูปาจุปส์มาห่อมันและเก็บลงในกระเป๋ากางเกงเพื่อเอาไว้กินต่อ
“ชอบการอยู่คนเดียวโดยไม่มีนายมาป้วนเปี้ยนใกล้ๆ น่ะสิ!”
ฉันบ่นรอดไรฟัน แต่ฟาครีก็ยังคงยิ้มแฉ่ง ไม่สะทกสะท้านหรือสะดุ้งสะเทือนไดๆ เลย
“พี่สาวคงโกรธผมเรื่องเมื่อครั้งนั้นใช่มั้ยครับ ผมก็บอกแล้วไงว่ามันเป็นอุบัติเหตุ”
ฟาครีหยิบข้าวปั้นเข้าปากเพิ่มอีกหนึ่งชิ้น มือซ้ายใช้หยิบอาหาร ส่วนมือขวาก็จับมือซ้ายฉันไว้อีกที
“จะอุบัติเหตุหรือตั้งใจฉันก็ไม่สนทั้งนั้นแหละย่ะ เพราะค่าของมันก็คือการที่ได้จูบแรกของฉันไป ซ้ำยังมาตะปบหน้าอกอีก”
“ฮะ!”
“นี่ผมเป็นจูบแรกของพี่เหรอครับเนี่ย”
“กรี๊ด!!! เบาสิย่ะ”
แนรีบพุ่งไปปิดปากฟาครีไว้ เมื่อเขาดันโพร่งในสิ่งที่ฉันพูดออกมาซะดังลั่นจนแขกในงานรวมถึงนักข่าวทั้งหลายหันมามองและซุบซิบกันเอง
“….”
เกิดความเงียบขึ้น หน้าของฉันและฟาครีอยู่ห่างกันเพียงนิดเดียวเท่านั้นเพราะฉันกำลังเอามือปิดปากเขาอยู่ ทะ...ทำไมร้อน ทำไมหน้าฉันมันถึง...ร้อนผ่าวแบบนี้นะ
“เอ่อ...คือ..”
ฉันรีบปล่อยมือออกจากปากเขาแล้วผละถอยห่างออกมา มือไม้เกะกะไปหมดเลย
“แฮะๆ โทษทีครับ ผมตื่นเต้นไปหน่อย ไม่เคยเป็นจูบแรกของใครมาก่อน”
ฟาครีเกาจมูกตัวเองเบาๆ แล้วเสมองไปทางอื่น ให้ตายสิ...หมอนี่น่ารักขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย
‘สวัสดีครับแขกผู้เกรียติทุกท่าน วันนี้ผม นายปราโมทย์ พิจิตรศิลป์ ได้รับหน้าที่เป็นพิธีกรของงานในวันนี้ครับ...’
“อ่า...พิธีกรขึ้นเวทีแล้วครับ”
ฟาครีชี้ไปที่เวที ฉันพยักหน้าอย่างรนๆ แล้วรีบหันหน้าเข้าหาเวทีทันที อะไรกันนะ...ความรู้สึกแบบนี้
“ต่อไปเราจะขอมอบเวทีนี้ให้กับผู้ชายคนหนึ่งนะครับ ซึ้งเขาขอเรามาโดยตรงว่า...อยากร้องเพลงนี้เพื่อมอบให้กับใครสักคน ใครสักคนที่ว่านั้นผมก็ไม่รู้หรอกนะครับว่าเป็นใคร แต่ว่าตอนนี้ได้เวลาล่ะครับ เชิญไปพบกับเขาได้เลย คุณฟาครีครับ”
หะ...หา!!! ฟาครีงั้นเรอะ เป็นไปได้ยังไง ก็เขายืนอยู่ข้างหลัง!!
“….”
มะ...ไม่มี!!!
ฉันหันกลับไปทางเวทีก็พบว่าฟาครียืนอยู่บนเวทีเรียบร้อย เดินไปตอนไหนล่ะนั่น
“สวัสดีครับทุกคน ผมฟาครีครับ”
เสียงปรบมือล้นหลามดังขึ้นทันทีที่ฟาครีแนะนำตัวจบ นักแสดงวัยรุ่นผู้หญิงมากมายยืนมองเขาจากด้านหน้าเวทีอย่างชื่นชม
“เพลงที่ผมจะมาร้องให้ทุกคนฟังในวันนี้ ผมตั้งใจจะมอบให้กับ...นูน่าตัวร้ายของผม”
“นะ...นูน่าหรอ...”
“นูน่าคงจะรู้แล้วใช่มั้ยครับ ว่านูน่าที่ผมพูดถึงก็คือ...นูน่า”
คงจะไม่ใช่.....
“จูปาจุปส์”
สิ้นคำพูดติดปากของเขา ดนตรีของเพลงสนุกๆ ก็ดังขึ้น ฟาครีสลัดคราบหนุ่มน้อยขี้อ้อนออก เขาร่นเสื้อสูทสีเทาเปิดออกมาถึงช่วงไหล่ก่อนจะกระชากชายเชิ้ตสีขาวที่สวมอยู่ด้านในออก แล้วดึงเนคไทมาประมาณหน้าอก พร้อมกับใช้มือขยุ้มผมจนมันยุ่งและชี้ไปคนละทาง ไม่อยากจะเชื่อ...ในตัวคนคนเดียว จะแบ่งออกเป็นสองภาคได้ขนาดนี้เลยเหรอ
“ซาลางเฮโย...นูน่า”
ฟาครีหันมายักคิ้วให้ฉันหลังพูดประโยคนั้นจบ ก่อนจะดึงไมค์ออกมาจากที่วางของมันแล้วเดินถอยหลังไปรวมกับนักดนตรี
พี่สาว... พี่น่ารักมากเลยครับ พวกผู้ชายคงไม่ปล่อยให้พี่อยู่คนเดียว
ด้วยใจจริงแล้ว ผมรู้ว่าพี่สาวรู้สึกหวั่นไหวนะครับ
ถึงพี่สาว ผมรู้ว่าความครั้งนี้เป็นแค่เสี้ยวเวลาหนึ่ง เป็นความรู้สึกหนึ่งแต่ไม่สำคัญว่าใครจะพูดอะไร นี่เป็นทุกสิ่งทุกอย่างของชีวิตผม บางทีพี่สาวอาจจะรู้สึกกังวลกับอายุของผม แต่มอตาผมสิครับ มันกำลังบอกอะไรพี่สาวอยู่
และผมคิดว่าผมกำลังจะเกลียดมัน พี่สาว
ถ้าตอนสุดท้ายมาถึง หัวใจของพี่สาวจะบอกเอง ไม่ว่าใครจะพูดยังไงก็ตาม
พี่สาว...พี่สวยมากเลยครับ เวลามองพี่แล้ว ผมรู้สึกบ้าคลั่ง แต่ตอนนี้ผมรู้สึกเหนื่อย
.ย้อนกลับ ย้อนกลับ ย้อนกลับ
ความทรงจำต่างๆ เทปะดังเข้ามาในหัวใจของผม
มันเจ็บเมื่อความรู้สึกของผมเกาะติดแน่นเมื่อไหร่ ภาพวันที่ต้องจากลากัน
ย้อนกลับ ย้อนกลับ ย้อนกลับ
พี่สาว...พี่คือ M.V.P ของผม
ผมรู้ว่าความประหม่าของพี่ทำให้พี่ไม่เป็นธรรมชาติ
เวลาผมมีพี่สาวเป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยมมาก ได้โปรด อย่าปล่อยมือผมนะ
คำสัญญานี้ที่ผมมอบให้พี่ ผมรู้ว่ามันกลายเป็นสิ่งโกหกหรอกลวง
บางทีกับพี่แล้ว ผมเป็นคนน่าเบื่อเกินไป ใจดีเกินไป
ร่างของพี่สาวมันบอกผมแบบนั้น และผมคิดว่าผมกำลังจะเกลียดมันพี่สาว
เมื่อตอนสุดท้ายมาถึง
หัวใจของผมมันร้องตะโกนต่อหน้าการจากลา....
เพลงที่ฟาครีร้องเป็นภาษาเกาหลี ซึ้งฉันมั่นใจว่าคงมีเพียงหนึ่งในร้อยของจำนวนแขกที่มางานทั้งหมดเท่านั้นที่ฟังออกว่าเพลงที่เขาร้องแปลว่าอะไร และมีความหมายว่าอย่างไร แน่นอน...หนึ่งในร้อยนั่นก็คือฉันเอง เพราะฉันเรียนภาษาเพิ่มเติมเป็นภาษาที่สามในชีวิต!!!
จบแล้วครับ
ฟาครีเสียบไมค์เข้าที่เดิม เขาหันมายิ้มให้ฉันที่ยืนค้างอยู่กับที่ก่อนจะกระโดดลงจากเวทีแล้วมากระชากแขนฉันพาไปที่ประตูทากออกของโรงแรม
“ไปสนุกกันเถอะครับ...พี่สาว”
ตึกๆๆๆๆ
“ดะ...เดี๋ยว! เดี๋ยวก่อน! นายจะพาฉันไปไหน”
ฉันยื้อแขนของฟาครีให้หยุดตรงสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาพอดี รถยนต์วิ่งผ่านไปมาตลอดเวลา แล้วตอนนี้ก็ค่ำแล้วด้วย รอบข้าจึงมีแต่แสงไฟสีส้มๆ เท่านั้น
“พามาที่นี่แหละครับ”
“แล้ว...แฮ่กๆ พามาทำไม แฮ่ก...”
“ก็พี่สาวกำลังอึดอัดอยู่ไม่ใช่หรือครับ ผมรู้นะ”
ฟาครีพูดยิ้มๆ โดยไม่มองหน้าฉัน เขาเกาะราวสะพานแล้วมองลงไปยังแม่น้ำข้างล่าง ที่ทอดยาวไปไกลลิบตา
“ฉันอึดอัดก็เพราะเพลงบ้าๆ ของนายนั่นแหละย่ะ”
“อะไรกัน ผมว่าผมคัดเลือกเพลงที่เหมาะที่สุดกับเราสองคนมาแล้วนะ”
“เรา? เราเหรอ! ใครไปเป็นพวกเดียวกับนายกันย่ะ”
ฉันส่ายหน้าหวือทั้งๆ ที่หน้ายังผ่าวจากเหตุการณ์เมื่อกี้ไม่หาย ใจเต้นแรงมากเลย ความรู้สึกแบบนี้มันคืออะไรกันนะ
“ฮ่าๆๆ ช่างเถอะครับ ผมแค่พาพี่สาวออกมาจากบรรยากาศน่าสยดสยองในงานนั่นก็เท่านั้น”
ฟาครีเปลี่ยนท่าเป็นหันหลังพิงกับราวสะพานแทน ส่วนฉันก็หันหน้าออกมองไปยังแม่น้ำเจ้าพระยาที่แสนสวยงามยามค่ำคืนบ้าง
“นายกำลังทำให้ฉันซวยมากกว่าเดิมต่างหาก พรุ่งนี้พวกนักข่าวต้องประโคมข่าวเรื่องนายกับฉันในหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์ทุกฉบับแน่ๆ”
“นั่นแหละที่ผมต้องการเลย”
“จะบ้าเหรอ! ฉันกับนายไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย”
“ก็เป็นซะสิครับ”
“มะ...ไม่เอาหรอก! ฉันเหม็นขี้หน้านายสุดๆ ไปเลย”
“พี่ดมหน้าผมแล้เหรอถึงพูดว่ามันเหม็นน่ะ ลองดมให้แน่ใจก่อนสิ อะๆ”
ฟาครียื่นแก้มของตัวเองมาตรงหน้าฉันพร้อมกับทำแก้มด้านที่เขายื่นมาให้ป่องๆ แล้วเอานิ้วชี้เคาะอีกที หมอนี่แก้มมีเลือดฝาดด้วยแฮะ อิจฉานะเนี่ย
“อย่ามาทะลึ่งกับฉันนะยะ!”
“หึๆ ผมล้อเล่นคร้าบ เอาเป็นว่า...ถ้าพี่สาวอยากจะพิสูจน์เมื่อไหร่ก็บอกผมนะ ผมยินดียื่นแก้มให้พิสูจน์เลย”
“ไม่มีวันซะหรอก!!!”
“ฮ่าๆๆ โอเคครับ ผมไม่แกล้งแล้วก็ได้ อ๊ะ! แท็กซี่”
ฟาครีโบกมือเรียกแท็กซี่หยอยๆ นี่มันสะพานข้ามแม่น้ำนะ มันใช่ที่จอดรถให้คนขึ้นซะที่ไหนกันเล่า
เอี๊ยด...
แต่ฉันลืมไปอย่าง ว่านิสัยคนเราชอบทำตัวอยู่เหนือกฎหมาย
“นี่ก็ดึกแล้ว ถ้ามีใครมาเห็นพี่กับผมอยู่ด้วยกันคงไม่ดี ยิ่งพี่แต่งตัวแบบนี้ยิ่งเป็นที่สดุดตา เอาเป็นว่า...ราตรีสวัสดิ์นะครับ”
ฟาครีเปิดประตูรถแท็กซี่ด้านหลังแล้วดันฉันเข้าไปนั่งข้างใน ก่อนจะปิดประตู แต่ฉันดันไว้ก่อน
“แล้วนายล่ะ”
“ผมจะโทรให้เพื่อนมารับครับ พี่ไปเถอะ”
“อ้อ...อะ...อืม งั้นฉันไปก่อนนะ”
“ครับ”
“…”
“อ๊ะ! ผมลืมบอกพี่อีกอย่าง”
“อะไร”
“วันนี้...พี่สาวน่ารักมากครับ”
“…”
“จูปาจุปส์”