ตกดึก...
สไมล์ค่อยๆลืมตาตื่นขึ้นตอนดึกหันมองซ้ายขวาเจอเพื่อนสาวนั่งกดโทรศัพท์อยู่ตรงโซฟา แสดงว่าป๋ามินทร์คงจะกลับไปแล้วสินะไม่รู้ว่าจะได้เจอกันอีกรึเปล่า เขาจะมารับเธอตามสัญญาหรือเปล่าก็ไม่อาจจะคาดเดาได้เลย
"สไมล์... แกตื่นแล้วเหรอ"
เบนนี่เห็นเพื่อนสาวขยับตัวลุกจากเตียงเธอรีบเข้าไปพยุงเธอให้ลุกขึ้นช้าๆ
"ระวังหน่อยเพิ่งจะฟื้นไข้อย่าเพิ่งรีบลุกสิ"
"เขาไปแล้วเหรอ.."
สไมล์มองหาชายหนุ่มอย่างไม่ปิดบัง เบนนี่ก็คงดูออกอยู่แล้วว่าเพื่อนของเธอสนใจป๋ามินทร์อยู่ไม่น้อย สายตาที่สอดส่องหาแสดงออกขนาดนี้ไม่ใช่แค่สนใจธรรมดาซะแล้ว
"ไปแล้ว.. ทำไมยะไม่อยากอยู่กับเพื่อนอย่างฉันเหรอถึงได้ถามหาผู้ชายที่เพิ่งเจอกันวันสองวันเนี้ย"
เบนนี่เอ่ยออกไปด้วยน้ำเสียงไม่พอใจอยู่ในทีแต่เธอแค่แกล้งทำนะไม่ได้ว่าให้เพื่อนจริงๆหรอก
"โธ่.. เบนนี่เพื่อนรักทำไมพูดงั้นเล่าไม่มีใครดีกว่าเพื่อนรักคนนี้อีกแล้ว"
"จริงรึเปล่าไม่ใช่ว่าเจอคนที่ถูกใจแล้วก็ไปตามเขาจนลืมเพื่อนคนนี้นะ"
เบนนี่กอดอกมองเพื่อนที่ตอนนี้ตาโตกับคำพูดของเธอ สไมล์รีบกอดเอวเพื่อนรักอย่างเอาใจเธอไม่มีทางเห็นใครดีกว่าเพื่อนหรอกแต่ทุกสถานะมันไม่มีใครแทนใครได้ไงถ้าเธอจะมีใครสักคนมันไม่สามารถทดแทนมิตรภาพของเธอและเบนนี่ได้หรอก
"เบนนี่จ๋าเค้ารักตัวเองจะตาย รักที่สุดในโลกเลยนะไม่ว่าใครก็มาแทนที่เพื่อนรักคนนี้ไม่ได้หรอก"
"ไม่ต้องมาพูดเอาใจฉันหรอกยะ! อ่อ ป๋ามินทร์เขาบอกว่าพรุ่งนี้จะเป็นคนมารับเธอออกจากโรงพยาบาลเอง"
สไมล์ยิ้มกว้างออกมาอย่างดีใจเธอนึกว่าเขาจะไม่ทำตามที่พูดซะแล้ว
"เขาพูดแบบนั้นจริงๆเหรอ"
"อืม แหม่! ไม่ต้องทำหน้าดีใจขนาดนั้นมั้ยล่ะแล้วก็ดูเขาดีๆนะอย่าไปใจง่ายยอมเขาไปซะทุกอย่างแกต้องรักตัวเองให้มากเข้าใจที่ฉันพูดใช่มั้ย"
เบนนี่มองสไมล์อย่างเป็นห่วง สไมล์ไม่เคยมีแฟนมาก่อนในชีวิตตั้งแต่โตมาจนถึงตอนนี้ทั้งสองคนอยู่ด้วยกันตลอดพอเพื่อนจะต้องไปเจอผู้ชายที่เพิ่งรู้จักกันเธอก็รู้สึกเป็นห่วงมากเป็นพิเศษ
"รู้จ้าแม่เบนนี่ สไมล์คนนี้จะไม่ใจง่ายแล้วก็จะดูเขาดีๆด้วยค่ะ ว่าแต่พูดจริงใช่มั้ยคุณป๋าจะมารับฉันพรุ่งนี้จริงๆใช่ป่ะ"
สไมล์ถามย้ำอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ ตั้งแต่พรุ่งนี้ไปเธอจะทำให้คุณป๋าประทับใจในตัวเธอให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ และถ้าเธอมั่นใจในตัวเขาเมื่อไหร่เธอจะเล่าทุกอย่างให้เขาฟังด้วยตัวเอง
"อื้ม เขาบอกว่าจะดูแลแกเองว่าแต่เรื่องปัญหาในชีวิตของแกเนี้ยควรจะบอกเขานะ"
"ฉันไม่กล้าบอกเขาอ่ะ"
"เมื่อก่อนหน้านี้เขาก็ถามว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับแกรึเปล่าแล้วแกไปพูดอะไรให้เขาฟังล่ะป๋ามินทร์เขาถึงได้สงสัยแล้วมาถามเอากับฉันเนี่ย"
สไมล์นิ่งเงียบไปนึกถึงสิ่งที่เธอคุยกับเขาไปเมื่อก่อนหน้านี้เธอหลุดปากออกไปว่าเธออยู่แต่ในห้องแคบๆแล้วมันน่าเบื่อหรือเพราะแบบนี้เขาถึงสงสัยเหรอ...
"ก็แค่บอกว่าเบื่อห้องแคบๆ แล้วก็ให้เขาพาฉันไปทำงานด้วยโดยไม่ขอรับเงินเดือนสักบาทแค่มารับมาส่งก็พอ"
"โอ้โห! ไม่สงสัยก็แย่แล้วยะคนบ้าอะไรทำงานไม่เอาเงินเดือน เห้อ! เอาเถอะอย่างน้อยเขาควรจะรู้ไว้ฉันไม่อยากให้แกออกไปไหนมาไหนคนเดียวมันอันตราย"
"ไม่ได้ไปคนเดียวซะหน่อยคุณป๋ามารับเท่านั้นฉันถึงจะไป อีกอย่างคงไม่น่าหาฉันเจอนะ"
สไมล์เงยหน้ามองเบนนี่เพื่อนรักของเธอก่อนจะถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยล้า เธอเบื่อกับการต้องหลบซ่อนแล้วสิอยากจะเผชิญหน้าดูสักตั้งเหมือนกันว่ามันจะเป็นยังไงบางทีมันอาจจะไม่ได้เป็นอย่างที่กังวลก็ได้
"แกรู้ได้ยังไงล่ะ เราเป็นเพื่อนกันมาตั้งกี่ปีถ้าแกจะหายไปก็คงมีแค่ที่บ้านฉันมั้ยล่ะที่แกจะมานะ"
"แต่ฉันบอกว่าไปเรียนต่างประเทศนะ"
"เชื่อฉันสิว่าเขาไม่เชื่อหรอก แล้วแกโทรศัพท์ไปหาพ่อบ้างรึยัง..."
สไมล์ส่ายหน้าเล็กน้อยเธอไม่อยากเจอคำถามมากมายจากพ่อก็เลยไม่ค่อยโทรไปหา อีกอย่างเธออ้างว่ามาเรียนที่ไกลมากและมันไม่มีสัญญาณมันไม่น่าเชื่อแต่เธอโกหกไปแล้ว
"เห้อ! พ่อคงเป็นห่วงแย่"
"ไว้จะโทรแล้วกัน ขอบคุณนะเบนนี่สำหรับทุกอย่างเลยถ้าไม่มีแกฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะยังไงกับชีวิตดี"
สไมล์มองหน้าเพื่อนอย่างซึ้งใจถ้าไม่มีเบนนี่เธอไม่รู้เลยว่าตัวเองจะเป็นยังไงต่อไป
"ฉันจะปกป้องแกเองสไมล์ อีกไม่นานทุกอย่างมันจะต้องผ่านไป จนถึงเวลานั้นทำยังไงก็ได้ให้ป๋ามินทร์ทั้งรักทั้งหลงแกจนไปไหนไม่รอดเลยแกจะได้มีความสุข ทำได้ใช่มั้ย"
สไมล์ได้ยินดังนั้นยกนิ้วโป้งให้เพื่อนพร้อมกับรอยยิ้มมุมปาก เธอทำได้แน่นอนเขาจะต้องเป็นของเธอในไม่ช้าเนี้ยแหละ
"แน่นอนนี่ใคร... สไมล์นะจ๊ะฉันทำได้อยู่แล้ว"
"ดีมาก งั้นตอนนี้นอนพักนะพรุ่งนี้จะได้ตื่นนอนมาใบหน้าสดชื่นแจ่มใส ป๋ามินทร์เห็นจะได้สบายตาดีป่ะ"
"ดีจ้า งั้นนอนแล้วนะ"
"อืม นอนเลยฝันดีนะสไมล์"
"ฝันดีเช่นกันนะ เบนนี่..."
เช้าวันต่อมา....
สไมล์ตื่นนอนมาด้วยใบหน้าอันสดใสเมื่อคิดว่าตัวเองจะได้เจอกับชายหนุ่มอีกครั้ง เธอนั่งเขี่ยโจ๊กที่เบนนี่ซื้อมาให้พร้อมกับมองไปยังหน้าประตูดูว่าเมื่อไหร่คุณป๋าของเธอจะมาสักที
"ไม่ต้องมองแล้วถ้าเขาจะมาเดี๋ยวก็มาเองแหละ"
"เขาจะมาจริงๆใช่ไหมเบนนี่"
สไมล์เริ่มไม่มั่นใจซะแล้วเธอไม่ได้มีดีดึงดูดใจอะไรชายหนุ่มด้วยก็เลยไม่รู้ว่าเขาจะมาจริงๆรึเปล่าอย่างที่พูด รึเปล่า หรือแค่หลอกให้เด็กอย่างเธอดีใจเล่น
"เขาบอกว่าจะมาก็มาสิ"
"แต่ว่า.."
"พอๆ กินให้หมดบอกว่ามาก็มาสิ"
สไมล์วางช้อนลงหยิบแก้วน้ำเปล่ามายกขึ้นดื่มแทน เบนนี่เห็นดังนั้นก็ถอนหายใจออกมาอย่างหงุดหงิด
"สไมล์!!"
"ไม่หิวนี่นา"
สไมล์เริ่มงอแงใส่เพื่อนเบนนี่หยิบโทรศัพท์มากดโทรออกก่อนจะกรอกเสียงไปตามสายทันที
"ป๋ามินทร์เหรอคะ...สไมล์ไม่ยอมทานข้าวค่ะเบนนี่บอกหลายรอบก็ไม่ยอมทานถ้าเป็นแบบนี้ไม่ต้องมารับแล้วนะคะ"
สไมล์ตาโตก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าเบนนี่คงไม่โทรไปจริงๆหรอก เขาไม่มาสนใจเธอขนาดนั้นหรอก
"แกไม่ต้องมาโกหกฉันเลยนะ! คุณป๋าเขาไม่มาสนใจคำพูดแกหรอก"
(ทำไมสไมล์ไม่ยอมทานข้าวคะ)
เสียงดังขึ้นมาจากโทรศัพท์สไมล์่ตาโตอย่างตกใจ นี่ตกลงว่าเพื่อนเธอโทรจริงๆเหรอเนี้ย
"นะ..นี่แกโทรจริงเหรอ"
"จัดการเลยนะคะป๋ามินทร์"
เบนนี่ยื่นโทรศัพท์มาวางไว้ตรงหน้าเธอก่อนจะยิ้มมุมปากอย่างอารมณ์ดีแล้วไปนั่งเล่นตรงโซฟา สไมล์มองโทรศัพท์ก่อนจะหยิบขึ้นมากดปิดลำโพงแล้วกรอกเสียงไปตามสาย
"คุณป๋า..."
(เบนนี่บอกสไมล์ไม่ยอมทานข้าวเหรอคะ ทำไมไม่ทานข้าวแล้วทานยาล่ะ กลางวันนี้คุณหมอจะให้ออกแล้วผมจะไปรับสไมล์นะ)
"คุณป๋าพูดจริงเหรอคะ จะมารับสไมล์จริงๆเหรอ"
(ค่ะ ผมจะไปรับแล้วพาไปเดินเล่นที่ห้าง แต่ถ้าไม่ยอมทานข้าวทานยาก็ยกเลิกนัดวันนี้ไปเลย)
ป๋ามินทร์ขู่เด็กสาวไปอย่างไม่จริงจังนัก รายนั้นดื้อตามที่เพื่อนเธอบอกเป๊ะเลยต้องขู่แบบนี้แหละถึงจะยอมฟังและมันก็ได้ผลจริงๆ
"สไมล์จะกินข้าวค่ะ คุณป๋าต้องพาสไมล์ไปเดินห้างนะสไมล์อยากไปนะคะๆ"
(ถ้างั้นก็รีบทานแล้วรออยู่ตรงนั้น ประชุมเสร็จผมจะไปหานะ)
"โอเคค่ะงั้นสไมล์รอคุณป๋าที่นี่นะคะ"
(ค่ะ เจอกันนะ)
สไมล์กดวางสายก่อนจะบิดตัวไปมาอย่างเขินอายเบนนี่เห็นดังนั้นก็ปาหมอนใส่เพื่อนอย่างหมั่นไส้
"นี่แน่น่าหมั่นไส้ รีบกินข้าวเลยนะ"
"รู้แล้วจะรีบกินเดี๋ยวนี้เลยค่ะ"
"หึ! พอผู้ชายบอกให้ทานนี่รีบเลยนะยะ!"
"คิกคิก"
เบนนี่มองสไมล์ที่สะดีดสะดิ้งต่างจากเมื่อกี้ลิบลับ แล้วบอกเพื่อนสำคัญที่สุด แหม่! มันน่านักเชียว...