โรงพยาบาล...
ป๋ามินทร์อุ้มสไมล์เข้ามายังประตูห้องฉุกเฉินด้วยความกังวลใจเป็นอย่างมาก ตัวร้อนจี๋ไร้สติไม่รู้ว่านอนซมมานานแค่ไหนแล้วเขารู้สึกแย่ชะมัดเลยที่ไม่พาเธอมาตั้งแต่เมื่อคืน
"ญาติรอข้างนอกนะคะ"
เบนนี่ ป๋ามินทร์และแมนผู้ช่วยของเขาตอนนี้ยืนรออยู่หน้าห้องด้วยความเป็นห่วงคนด้านในไม่ต่างกันต่างฝ่ายต่างโทษตัวเองที่ไม่พาไปโรงพยาบาลตั้งแต่ทีแรก
"เบนนี่ไม่น่าปล่อยให้สไมล์อยู่คนเดียวเลย ถ้าตอนนั้นฉุกคิดสักนิดคงไม่เป็นแบบนี้"
"อย่าโทษตัวเองเลยเบนนี่ สไมล์เขาดื้อเองไม่ใช่เหรอ.."
ป๋ามินทร์มองเบนนี่พูดปลอบใจเพื่อให้เธอเลิกโทษตัวเอง เขาเชื่อว่าคนอย่างเบนนี่ไม่มีทางปล่อยให้เพื่อนนอนเจ็บเพราะดูจากความเป็นห่วงของเธอที่มีต่อสไมล์แล้วเขาว่าเป็นที่สไมล์เองมากกว่าที่ดื้อเอง
"เบนนี่ไม่รู้จะคุยยังไงแล้วค่ะ รายนั้นพูดไม่ค่อยรู้เรื่องชอบทำให้เป็นห่วงตลอด เห้อออ"
เบนนี่พูดจบก็ลุกขึ้นเดินไปยืนหน้าห้องฉุกเฉินมองลอดผ่านกระจกพอดีกับที่สไมล์กำลังนอนอยู่พอดี คุณหมอกับพยาบาลช่วยกันปฐมพยาบาลอย่างรวดเร็วใช้เวลาเพียงไม่นานก็เปิดประตูออกมา
แอ๊ดดดดดดดด
"เป็นยังไงบ้างคะคุณหมอ สไมล์ดีขึ้นมั้ยคะ"
"ปลอดภัยดีแล้วครับไข้ลดลงแล้ว แผลอักเสบมากก็เลยไข้ขึ้นสูงตอนนี้ดีขึ้นแล้วครับยังไงเดี๋ยวหมอให้ย้ายไปห้องพักฟื้นนอนดูอาการสักวันหนึ่งก่อน"
"ขอบคุณมากครับคุณหมอ"
ทั้งสามคนถอนหายใจออกมาอย่างโล่งใจก่อนจะพากันไปรอยังห้องพักฟื้นสักพักใหญ่สไมล์น่าจะถูกย้ายมาที่นี่แล้ว
"ว่าไงคะแม่"
เบนนี่รับสายจากผู้เป็นแม่เธอทิ้งร้านอาหารออกมาดูเพื่อนสาวจนลืมบอกแม่ไปเลย ตอนนี้สไมล์ปลอดภัยแล้วเธอควรจะกลับไปเคลียร์งานที่เหลือแล้วมานอนเฝ้าเพื่อนตอนเย็น
"ได้ค่ะ เดี๋ยวหนูกลับไปจัดการคืนนี้หนูเฝ้าสไมล์เองได้ค่ะแม่"
เบนนี่กดวางสายก่อนจะหันมามองทางประตู พยาบาลพาสไมล์มานอนลงบนเตียงนอนในห้องพักฟื้น เพื่อนสาวของเธอค่อยๆลืมตาขึ้นช้าๆโดยมีป๋ามินทร์ยืนอยู่ข้างเตียงไม่ยอมห่าง
"อื้อออ คะ...คุณป๋า"
"สไมล์ฟื้นแล้วเหรอคะเป็นยังไงบ้างยังเจ็บอยู่มั้ย"
"สไมล์ปวดหัวค่ะ อ๊ะ! เจ็บแผลด้วยว่าแต่สไมล์มาที่โรงพยาบาลได้ยังไงคะ"
สไมล์หันไปมองรอบๆห้องอย่างมึนๆปนสงสัย ก่อนนอนเธอจำได้ว่านอนอยู่ในห้องนี่นาแล้วตื่นมาอีกทีโผล่ที่โรงพยาบาลได้ไง
"ฉันกับป๋ามินทร์เนี้ยแหละพามา แกนอนซมอยู่บนเตียงตัวร้อนไม่ได้สติทุกคนเป็นห่วงมากเลยนะบอกแล้วใช่มั้ยว่าให้มาหาหมอ"
เบนนี่โมโหเพื่อนสาวเป็นอย่างมาก เอาความเจ็บของตัวเองมาล้อเล่นมันใช้ได้ที่ไหนกันมันไม่คุ้มเลยสักนิดเดียว
"ขอโทษนะเบนนี่ก็ตอนแรกมันไม่ได้เจ็บมากนี่นาก็เลยคิดว่าตื่นมาคงหาย ดูสิลำบากป๋ามินทร์แย่เลยสไมล์ขอโทษนะคะที่สร้างความวุ่นวายให้ทุกคน"
สไมล์เอ่ยขอโทษเสียงอ่อน เธอรู้สึกผิดกับเพื่อนจริงๆนะดูจากอาการแล้วเบนนี่เป็นห่วงเธอจริงๆ ไม่น่าเล่นใหญ่จนตัวเองเป็นหนักเลย
"ทำไมพูดแบบนั้นคะสไมล์ไม่มีใครอยากให้มันเกิดหรอกนะ"
สไมล์สะอึกไปเล็กน้อยกับประโยคที่บอกว่าไม่มีใครอยากให้มันเกิด จริงๆแล้วเธอต้องการให้มันเป็นแบบนี้แต่ว่าไม่ใช่แบบนี้งงกันมั้ย
"สไมล์ขอโทษค่ะ T^T"
"ฉันจะต้องไปทำงานก่อนนะสไมล์ อยู่ได้ใช่มั้ยเดี๋ยวตอนเย็นฉันจะมาอยู่เป็นเพื่อน"
"อื้มอยู่ได้สบายมาก ขอบคุณน้าเพื่อนรัก"
"จ้าๆ"
เบนนี่มองเพื่อนสาวก่อนจะถอนหายใจออกมาอย่างปลงๆ เวลาแบบนี้เธอรู้แหละว่าไม่ควรอยู่เพียงแค่เห็นว่าสไมล์ดีขึ้นเธอก็สบายใจ จากนี้ปล่อยให้เพื่อนรักของเธอทำคะแนนเอาชนะใจชายหนุ่มได้ก็พอแล้ว
"ยังไงเบนนี่ฝากด้วยนะคะ ต้องรีบไปทำงานจริงๆ"
"ผมดูแลให้เองไม่ต้องเป็นห่วงนะเบนนี่"
"ขอบคุณค่ะ"
เบนนี่เดินออกไปจากห้องพักฟื้นทันทีปล่อยให้ป๋ามินทร์และสไมล์นั่งอยู่ด้วยกันข้างๆเตียงนอน ผู้ช่วยของป๋ามินทร์เห็นท่าจะอยู่เป็นก้างขวางคอสองคนซะเปล่าก็เลยหาวิธีที่จะออกไปจากตรงนั้น
"ผมไปหาอะไรมาให้ทานดีกว่าครับป๋า"
"อืม ฝากของคุณสไมล์ด้วยนะแมน เอาผลไม้มาด้วยสไมล์ชอบทานผลไม้มั้ยคะ"
ป๋ามินทร์หันมาถามสไมล์ด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน หญิงสาวนิ่งคิดเพียงแปบเดียวก็ยิ้มกว้างออกมาทันที
"สไมล์ชอบทานแอปเปิ้ลค่ะ แล้วก็องุ่นสีเขียวด้วย"
"เอาตามนั้นแหละ"
ป๋ามินทร์เหลือสายตามองไปยังผู้ช่วยก่อนจะเอ่ยออกมาเสียงเรียบ แมนได้ยินดังนั้นก็โค้งตัวรับทราบก่อนจะเดินออกไปจากตรงนั้นทันที
ตอนนี้ภายในห้องมีแค่สไมล์และป๋ามินทร์อยู่ด้วยหันสองคน ชายหนุ่มยื่นมือไปเปิดผ้าห่มเพื่อดูแผลเด็กสาว
"ขอดูแผลหน่อยค่ะ"
"คุณหมอทำแผลให้แล้วค่ะ ไข้ก็ไม่มีแล้วด้วยคุณป๋าไม่ต้องทำหน้าแบบนั้นแล้วค่ะ"
ป๋ามินทร์เลิกคิ้วเล็กน้อยเขาไม่ค่อยเข้าใจว่าตัวเองทำหน้ายังไงอยู่
"ผมก็ทำหน้าปกตินะ"
"ไม่เลยค่ะ มันดูกังวลแปลกๆ หรือว่าเครียดเรื่องงานเหรอคะระบายให้สไมล์ฟังได้น้า"
เด็กสาวไร้เดียงสาเอ่ยเสียงหวานมองสบตากับเขา มันทำให้เขายิ่งเอ็นดูเธอหนักขึ้นไปอีก ป๋ามินทร์ยื่นมือไปลูบผมเด็กสาวอย่างแผ่วเบาความอบอุ่นผ่านสัมผัสมันทำให้สไมล์รู้สึกสบายใจและปลอดภัยอยูไม่น้อย
"ผมเป็นห่วงสไมล์ต่างหาก ถ้าให้ผมพามาโรงพยาบาลแต่แรกก็คงไม่เป็นแบบนี้"
"ถ้าสไมล์ไม่ทำแบบนี้แล้ววันนี้จะได้เจอคุณป๋าอีกเหรอคะ อุ๊บ!"
สไมล์หลุดปากเอ่ยออกไปตามที่คิดคนอย่างเธอเสแสร้งไม่ได้นานหรอกเพราะเป็นคนแบบนี้แหละใครก็เดาความรู้สึกเธอออก ป๋ามินทร์ยิ้มออกมาอย่างพอใจแสดงว่าเป็นแผนที่จะได้เจอเขาอีกใช่รึเปล่า
"แสดงว่าตั้งใจที่จะไม่มาโรงพยาบาลแต่แรกเหรอ..เพราะอยากเจอกันอีก... งั้นเหรอ"
สไมล์ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้เบือนหน้าหนีเขาไปอีกทางซ่อนรอยยิ้มที่เขินอายไม่ให้เขาเห็น ป๋ามินทร์ลอบมองหญิงสาวมันเห็นรอยยิ้มหวานมันทำให้เขาอดยิ้มตามไม่ได้
"ไม่ใช่สักหน่อย สไมล์ก็แค่คิดว่าไม่เป็นอะไรมากแค่นั้นเอง"
"จริงเหรอ.."
"แหนะ! จับผิดสไมล์เหรอคะ"
"เปล่าซะหน่อย :)"
ทั้งสองคนมองหน้ากันต่างฝ่ายต่างอมยิ้มไม่พูดอะไร นั้นคงทำให้ทั้งสองคนต่างฝ่ายต่างรับรู้ความรู้สึกของกันและกันเป็นอย่างดี
"คุณป๋าไม่ทำงานเหรอคะ"
"ไม่ล่ะผมอยากคุยกับสไมล์ ได้มั้ยล่ะ"
ป๋ามินทร์ยื่นมือมาหยีหัวเด็กสาวตรงหน้าอย่างหมั่นเขี้ยว หญิงสาวเบี่ยงตัวหนีก่อนจะหัวเราะร่าอย่างมีความสุข
"อร๊ายยย อย่าแกล้งสไมล์นะ"
"ตอบก่อนว่าอยู่คุยด้วยได้มั้ย"
"ถ้าไม่เบื่อที่สไมล์พูดมากล่ะก็อยู่นานๆเลยค่ะ"
สไมล์อมยิ้มแก้มปริในที่สุดเธอก็ทำให้เขาอยากอยู่กับเธอนานๆได้แล้ว น่าดีใจชะมัดแผนที่วางไว้พังหมดแต่เขากลับมาหาเธอได้มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญซะแล้ว
"ไม่มีทางเบื่อคุยกับสไมล์สนุกจะตาย"
"ว่าแต่รู้ได้ยังไงคะว่าสไมล์อยู่ที่นี่"
สไมล์ยังมีความคาใจอยู่เล็กน้อย ทำไมอยู่ๆเขาถึงมาอยู่ตรงนี้ได้ เธอไม่ได้โทรหาเขาเลยนะ
"ก็คนบางคนรับปากว่าจะโทรมาแต่ก็หาย วันนี้เป็นห่วงเลยมาตามหา"
สไมล์อึ้งไปไม่คิดว่าเขาจะตามหาเธอถึงที่ร้าน ถ้าไม่มีใจไม่มีทางทำแบบนี้ใช่ป่ะ ><
"งื้อออ แสดงว่าคุณป๋ารอให้สไมล์โทรไปหาใช่ม๊า"
"ถ้าใช่แล้วจะทำไม :)"
"งื้ออออ สไมล์เขินงะคุณป๋ากำลังทำให้สไมล์เขินน้า อร๊ายยยย"