สุวรรณภูมิ ประเทศไทย
ตอนนี้ณิชา จีจี้ แล้วก็บอดี้การ์ดอีกสองคนเดินทางมาถึงสนามบินสุวรรณภูมิเป็นทีเรียบร้อยแล้ว ทั้งสี่คนเดินออกมาจากประตูทางออกของผู้โดยสารแล้วเดินขึ้นรถที่ทางบริษัทจัดไว้ให้สำหรับการมาทำงานในครั้งนี้ ที่จริงเธอบอกจีจี้ไปแล้วว่าไม่ต้องการบอดี้การ์ดเพราะคนที่นี่แทบจะไม่รู้จักเธอเลยไม่มีอันตรายเกิดขึ้นกับเธอหรอก แต่พี่จีจี้ไม่ยอมบอกว่าป้องกันไว้ดีที่สุด เธอจึงต้องเลยตามเลย เพราะรู้ว่าเขาเป็นห่วง
พอมาถึงโรงแรมที่หญิงสาวพักอยู่เธอรีบเดินขึ้นห้องพักเมื่อเช็คอินเรียบร้อยแล้วเพราะกว่าจะมาถึงก็กินเวลาไปหลายชั่วโมงจนตอนนี้เวลาเกือบจะสามทุ่มแล้ว เธอต้องนอนเพราะเกิดอาการเจ็ทแล็กเปลี่ยนเวลากะทันหัน และก็เหนื่อยกับการทำงานด้วย ทางบริษัทมีเวลาให้เธอพักพรุ่งนี้อีกหนึ่งวันก่อนจะได้เริ่มงานกันจริงๆ
เธอเดินเข้ามาให้ห้องพักที่ตกแต่งหรูหราสวยงาม โดยพี่จีจี้พักอีกห้องหนึ่งที่ติดกับเธอ พวกเธอต้องมาอยู่ที่นี่ประมาณหนึ่งเดือนและบินกลับอเมริกาเมื่องานทางนี้เสร็จ พอได้กลับมายังประเทศบ้านเกิดของมารดาที่เธอเคยอาศัยอยู่ตอนเด็กจนกระทั่งเข้าเรียนมหาวิทยาลัยได้แค่ปีเดียวก่อนจะย้ายกลับไปอยู่อเมริกา ทำให้เรื่องราวต่างๆมากมายหลั่งให้เข้ามาในความคิดของเธอ จากที่คิดว่าจะนอนตอนนี้เธอกลับยืนมองออกไปด้านนอก แล้วหวนคิดไปถึงชายหนุ่มอันเป็นที่รัก ซึ่งก่อนที่จะมาหญิงสาวได้ลองเข้าไปหาข้อมูลเกี่ยวกับเขาทางอินเตอร์เน็ต เธอกลับพบว่าตอนนี้เขาเป็นถึงผู้บริหารบริษัทอันดับหนึ่งทางด้านการบันเทิงที่ประเทศไทย ชายหนุ่มดูภูมิฐานขึ้น หล่อเข้มขึ้นสมกับตำแหน่งและฐานะของเขา
ตอนที่เรียนด้วยกันนั้นเขาและเธอเป็นคู่รักที่ใครๆต่างก็อิจฉา เพราะตัวติดกันแทบจะตลอดเวลา เธอตกหลุมรักเขาตอนรับน้องแต่ไม่กล้าพูดออกไปเพราะเธอก็รู้ว่าเขาก็ชอบเธอเหมือนกันจนกระทั่งชายหนุ่มมาบอกรักเธอก็ตอบตกลงทันที แต่ตอนนี้ไม่มีแล้วเหลือไว้แค่เพียงความทรงจำระหว่างเขาและเธอ
ตอนที่หาข่าวของชายหนุ่มนั้นเขายังไม่ได้แต่งงานและก็ไม่ได้ลงสถานะว่าโสดด้วย เขาควงดารานางแบบไม่เว้นแต่ละวัน มีข่าวออกมาว่าคนนี้คนนั้นตัวจริงบ้างละ เธอทั้งอ่านทั้งรู้สึกเศร้าใจ จะโทษใครได้ละความผิดเธอทั้งนั้นที่ทิ้งเขาไป
'นี่เขาคงลืมเธอแล้วสินะ เฮ้อ คิดแล้วก็เจ็บขึ้นมาทันที' เธอยืนคิดเรื่องต่างๆอยู่คนเดียวเงียบๆจนกระทั่งเวลาล่วงเลยเข้าวันใหม่จึงได้ล้มตัวลงนอนเพราะเธอมีโปรแกรมสำหรับพรุ่งนี้แล้ว
เวลาประมาน 9 โมงเช้า หญิงสาวที่ตอนนี้แต่งตัวด้วยกางเกงยีนส์สีซีดเสื้อยืดกับรองเท้าผ้าใบนั่งรอจีจี้อยู่ตรงล็อบบี้ของโรงแรม ไม่นานจีจี้ก็เดินออกมาจากลิฟต์พร้อมบอดี้การ์ดสองคน
"เฮ้อ คุณน้องจะแต่งตัวแบบนี้จริงๆเหรอคะ คุณพี่ว่ามันไม่เหมาะไปเปลี่ยนดีกว่าไหมคะ" จีจี้พอเห็นการแต่งตัวของหญิงสาวขัดขึ้นทันที
"ไม่ละคะพี่จีจี้ พี่จีจี้ไม่รู้เหรอคะว่าอากาศที่นี่ร้อนจะตายยิ่งหน้านี้ด้วยนะใส่แบบพี่จีจี้ไปมีหวังเป็นลมตายพอดีคะ" เธอพูดพร้อมกับมองไปที่การแต่งตัวของพี่จีจี้ ที่ตอนนี้ใส่บูทยาว เสื้อขนสัตว์กางเกงรัดรูปพร้อมทั้งแว่นตาอันเบ้อเริ่มเหมือนจะไปเดินบนแคทวอล์กยังไงอย่างงั้น
"งั้นก็ตามใจคะ" เธอว่าก่อนจะเดินนำหน้าหญิงสาวไป
"เอ่อ เดี๋ยวคะพี่จีจี้ วันนี้แอลไม่ต้องการบอร์ดี้การ์ดคะ แอลจะไปทำธุระส่วนตัว วันไหนทำงานค่อยให้พวกเขาตามไปนะคะ" เธอหยุดเดินก่อนบอกออกมา
"อืมตามใจเราแล้วกัน" จีจี้ตอบออกมาพร้อมกับเดินไปบอกบอร์ดี้การ์ดสองคนให้ไปพักผ่อน
"โอเค งั้นเราไปกันเลยนะคะ แอลจะพาพี่เที่ยวให้จุใจไปเลย ไม่ได้กลับมาตั้งนายคิดถึงจะแย่แล้ว”
หญิงสาวพาจีจี้ไปเที่ยวรอบๆกรุงเทพฯจนกระทั่งตอนนี้เธอขับรถมาจอดที่หน้าบ้านที่ครั้งหนึ่งเธอเคยอาศัยอยู่ที่นี่ ตอนนี้บ้านหลังนี้ได้ปิดตายไว้เพราะไม่มีคนอยู่ ทีแรกญาติๆทางโน้นจะให้เธอขายทิ้งแต่หญิงสาวไม่ยอมเพราะมันเป็นบ้านของพ่อและแม่เธอ เธอจ้างคนทำความสะอาดเข้ามาทำความสะอาดให้ปีละครั้ง เพราะถึงไม่มีคนอยู่ก็ไม่อยากให้มันดูรกร้างจนเกินไป หญิงสาวมองเข้าไปในบ้านที่ตอนนี้หญ้าขึ้นหนาจนแทบมองเข้าไปไม่เห็นประตูเข้าบ้าน เดี๋ยวเธอต้องให้เขาเข้ามาทำความสะอาดครั้งใหญ่หน่อยแล้ว ว่าแล้วก็กดโทรออกไปยังบริษัทรับทำความสะอาดที่เธอจ้างเป็นรายปีไว้ก่อนที่หญิงสาวจะเดินเข้าไปในบ้าน
ทุกอย่างในบ้านหลังนี้ถูกคลุมด้วยผ้าสีขาวป้องกันฝุ่น เธอมองไปรอบๆที่นี่ยังเหมือนเดิมทุกอย่าง ยกเว้นแต่ไม่มีคนอาศัยอยู่ เธอเดินดูรอบๆบ้านสักพักก่อนจะเดินออกมาขึ้นรถแล้วขับออกไปเพื่อพาจีจี้ไปเที่ยวต่อ ซึ่งตอนนี้จีจี้ลอกคราบจนเหลือเพียงเสื้อกล้ามกับกางเกงขาสั้นที่ซื้อมาจากตลาดน้ำ รองเท้าบูทก็เปลี่ยนเป็นหูหนีบแทนพูดได้ว่าแทบจะเปลี่ยนเป็นคนละคนกับที่เดินออกมาจากโรงแรมเพราะอากาศที่นี่มันร้อนสุดๆถ้าเทียบกับที่อเมริกา
เป็นเวลาสองวันแล้วที่หญิงสาวอยู่ที่เมืองไทยและวันนี้เป็นวันที่เธอต้องขึ้นเครื่องบินไปยังจังหวัดภูเก็ตเพื่อไปถ่ายแบบที่นั่นเป็นที่แรกโดยการถ่ายแบบครั้งนี้เป็นเซ็ตการถ่ายแบบหน้าร้อนเน้นไปที่ชุดว่ายน้ำและการแสดงออกให้เห็นถึงศิลปวัฒนธรรมต่างๆของไทย ว่าเป็นประเทศที่น่าท่องเที่ยวโดยการถ่ายทำจะเปลี่ยนแปลงสถานที่ของการถ่ายทำไปเรื่อยๆโดยเน้นสถานที่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวหลักของแต่ละจังหวัด โดยโปรเจ็คนี้ได้รับความร่วมมือจากบริษัทที่อเมริกากับบริษัทที่ประเทศไทยซึ่งสนับสนุน โดยกระทรวงการท่องเที่ยวและวัฒนธรรมของประเทศไทย
หญิงสาวที่ตอนนี้แต่งตัวเสร็จเรียบร้อยกำลังนั่งรอที่จะถ่ายแบบเซ็ตแรกอยู่ อากาศที่ประเทศไทยในช่วงนี้ถือว่าร้อนมากเหมาะแก่การถ่ายแบบชุดว่ายน้ำที่สุด
"อ่าวทีมงานทุกคนพร้อมหรือยัง แสงพร้อมไหม กล้องพร้อมไหม นางแบบพร้อมไหม ถ้าทุกคนพร้อมเข้าประจำที่ได้เลยนะ" ผู้กำกับชาวต่างชาติบอกกับทีมงานทุกคน
จากนั้นทีมงานทุกคนก็เข้าประจำที่ พร้อมกับนางแบบของงานซึ่งงานนี้ได้ช่างกล้องระดับโลกอย่าง 'อดัม' มาร่วมงานด้วยทำให้การถ่ายภาพแต่ละเซตออกมาสื่อถึงอารมณ์ และความรู้สึกที่นางแบบพยายามสื่อออกมาได้เป็นอย่างดี ซึ่งณิชาก็มีความเป็นมืออาชีพมากพอที่ทำให้การถ่ายแบบออกมาได้ดีเยี่ยม เธอเคยร่วมงานกับช่างภาพคนนี้มาแล้วถึงสองครั้งซึ่งแต่ละครั้งก็ไม่ทำให้เจ้าของงานได้ผิดหวัง
พอถ่ายแบบเซ็ตแรกเสร็จผู้กำกับก็ประกาศให้นางแบบหยุดพักเพื่อที่จะถ่ายต่อเซตที่สองและเปลี่ยนชุดที่จะถ่ายแบบด้วย
"สวัสดีฮะแอล ได้ร่วมงานกันอีกแล้วนะครับวันนี้คุณทำได้ดีมากเลย" อดัมเดินเข้ามาหาหญิงสาวที่กำลังแต่งหน้าอยู่
ณิชาที่อยู่ในเต็นท์ก็รีบหันหน้ามาตามเสียงเรียกทันที
"อ่าว อดัม แอลก็ยินดีมากเลยที่ได้ร่วมงานกับช่างภาพระดับโลกอย่างคุณอีกครั้งคะ" เธอตอบออกมาพร้อมกับส่งยิ้มออกไปให้ชายหนุ่ม
อดัมที่ตอนนี้ยืนยิ้มอยู่หน้าหญิงสาวที่เขาหลงรักตั้งแต่ถ่ายแบบด้วยกันครั้งแรก ทีแรกเขาคิดว่าจะปฏิเสธงานนี้เพราะต้องเดินทางมาถ่ายทำร่วมเดือนที่นี่ แต่พอเขารู้ว่านางแบบเป็นณิชาจึงรีบตอบรับไปทันที เพราะหวังว่าจะได้สานสัมพันธ์กับเธอไปด้วย ณิชาเป็นนางแบบที่ไม่เคยมีข่าวคาวเรื่องเสียหายเลย ยิ่งเรื่องผู้ชายด้วยแล้วไม่เคยเห็นเธอเคยคบกับใครสักคน จนทำให้ชายหนุ่มยังคิดว่าตนยังพอมีโอกาสอยู่บ้างแหละ
"แล้วนี่แอลมาที่ไทยนานหรือยัง" เขาถามออกไป
"วันนี้วันที่สามแล้ว"เธอตอบออกมาจากนั้นชายหนุ่มก็ชวนเธอคุยถึงเรื่องต่างๆนาๆไปเรื่อยๆจนกระทั่งผู้กำกับเรียกไปถ่ายทำเซ็ทที่สอง
วันนี้ทั้งวันณิชายุ่งอยู่กับการถ่ายแบบจนกระทั่งเย็นหญิงสาวจึงได้พักร่าง เธอเดินเข้าไปยังห้องที่ทีมงานจัดเตรียมให้ก่อนจะทิ้งตัวลงนอนอย่างเหนื่อยล้ามาทั้งวัน