คำเตือนจากผู้ชายที่แสนดี

1600 คำ
6 - คำเตือนจากผู้ชายที่แสนดี ที่มหาวิทยาลัย “ต้นส้มม” ผมได้ยินเสียงของผู้ชายคนหนึ่งเรียกหาผม ผมหันมาพบว่าคนนั้นเป็นเพื่อนสนิทของผมที่รู้จักกันตั้งแต่รับน้อง พอสนิทและคุยถูกคอก็เริ่มเข้ามาเป็นเพื่อนผมเหมือนทุกวันนี้ ผมโบกมือทักทายตามมารยาท พูดด้วยกับคู่สนทนา เขาจะได้เห็นว่าเราให้ความสำคัญกับคนตรงหน้าในทางที่ดี “เย่นหลิง” เย่นหลิง เพื่อนสนิทของผมเป็นคนหนึ่งที่เข้ากับเพื่อนได้ดี รวมถึงผมด้วย เขาจะเป็นคนหนึ่งที่รักเพื่อนและเอาใจใส่ คอยเตือนชีวิตของใครหลายคนเป็นอย่างดี ออกแนวเป็นห่วงคนอื่นแทบไม่ห่วงตัวเอง ราวกับควบคุมชีวิตคนบนโลกได้ “หมู่นี้แกเป็นไงบ้าง กับบอนสีไปได้ดีไหม” “กูกับบอนสีรักกันดี แล้วก็ดูแลตัวเองด้วย คบกันดีทุกวันนี้ดื่มน้ำผลไม้ กินอาหารที่มีประโยชน์ เห็นหน้าแบด ๆ แต่โหมดสีชมพูนะครับ” ผมสั่งนน้ำปั่นไว้หนึ่งแก้ว ผมยกแก้วให้ดูต่อหน้าเลยว่าทุกวันนี้ผมกินน้ำผลไม้ปั่นเป็นร้านโปรดในมหาวิทยาลัยซึ่งผมจะชอบดื่มนมหมีน้ำผึ้งสตรอเบอร์รี่ปั่นกับปีโป้เสมอ ขนมก็บราวนี่กับครัวซองค์ การกินอะไรในมหาวิทยาลัยถือว่าเป็นของดีโดยเฉพาะ “แกกินของแบบนี้ก็ดีแล้วล่ะ” “มึงไม่ดื่มเหล้าเหรอ” “กูไม่แตะเลยต้นส้ม” ผมจะเป็นคนหนึ่งที่ไม่ชอบเสพของมึนเมา เรียกได้ว่าทั้งชีวิตผมไม่เคยกินและคิดอยากจะกินมันเลย พ่อแม่ผมสอนมาดีว่าการดื่มของมึนเมาทำสติสัมปชัญญะลดลงไม่เหลือความเป็นมนุษย์ เอาเป็นว่าถ้าต้นส้มจะเป็นพวกชอบดื่ม ผมขอให้มันพลาง ๆ บาง ผมไม่ได้อยากมีหนึ่งในเพื่อนเป็นคนขี้เหล้าสักหน่อย “ยังไงเราก็ไม่ได้ดื่มบ่อยสักหน่อย เราน่ะชอบกินอาหารที่มีประโยชน์ กินสลัดเบคอน...” ผมกำลังให้ความรู้และอาหารเป็นยากับเพื่อนที่แสนดีของผม มันก็ตั้งใจฟังราวกับผมเป็นอาจารย์ภาควิชาพลศึกษาซึ่งผมก็เรียนอยู่สาขานี้อยู่แล้ว แต่ทำไมปากผมกับการกระทำมันสวนทางกับมาก แนะนำคนอื่นในทางที่ดีแต่ตัวเองขี้เหล้าประจำหมู่บ้าน “งั้นเราไปถ่ายเอกสารก่อนนะ ต้องใช้เอกสารเรียน” “เอามาเผื่อด้วย” ผมวานให้เย่นหลิงช่วยถ่ายเอกสารให้ผมอีกชุดมาเผื่อ ผมจะได้มีใช้ในคลาสเรียนที่กำลังจะมีในอีกไม่กี่ชั่วโมง ในขณะที่เพื่อนผมเดินออกไป ทางสะดวกแล้ว ผมดูดน้ำในแก้วและถือให้บอนสีดูต่างหน้าว่าผมสกิลสร้างเรื่องเก่งขนาดไหน “โหห อีตอแหล ตอร่าน หลอกเพื่อนเก่งชิบหาย” “มันก็ตั้งใจฟังนะ กูอยู่มหาลัยกินดีไม่แพ้ที่บ้านกู” ผมกำลังสร้างโลกสองใบที่ไม่ได้หมายความว่ามีแฟนสองคนในเวลาเดียวกัน แต่ผมหมายถึงโลกใบแรก โปร์ไฟล์ดี กินดีระดับหนึ่งใช้ชีวิตปลอดภัยในมหาวิทยาลัย แต่โลกใบที่สองของผมคือขี้เหล้า สก๊อยและชอบเข้าหาผู้ชายเปิดทุกส่วนยันท่อนล่างแทนที่จะเปิดเพลง ดีหน่อยเย่นหลิงไม่ได้อยู่แถวบ้าน มันไม่มีคนรู้จักแถวนั้น ดีหน่อยผมจะได้เปิดเผยตัวตนไม่อายใคร “มันไม่ได้มีบ้านอยู่แถวนั้นสักหน่อย กูก็จะได้เป็นตัวกูง่ายหน่อย” มันก็ดีเหมือนกันนะที่ผมสามารถเปิดเผยตัวตนแบบไม่อายใครถ้าผมอยู่ในสังคมที่ไม่มีคนรู้จัก ผมไม่อยากให้สองสังคมของผมข้ามเส้นจนเกิดปัญหา เอาเป็นว่าอย่าลากคนที่ไม่เกี่ยวข้องเข้ามาอีกสังคมของผมก็แล้วกัน ที่ห้องเรียน ผมเดินเข้าไปในคลาสเรียน ซึ่งคลาสนี้เป็นคลาสบรรยายและเป็นวิชาของคณะที่ทุกสาขาต้องเรียน แม้จะเป็นวิชาชวนง่วงแต่ท่องไว้ว่ามีเช็กชื่อและต้องส่งงาน เอาเป็นว่าผมต้องเข้าเรียนพร้อมกันทั้งสาขา ผมขึ้นไปนั่งชั้นบนมันเป็นห้องสโลฟยกขึ้นไปชั้นบน ผมนั่งสักกลาง ๆ จะได้มองเห็นบ้างแต่ไม่มาก เวลาเข้าเฝ้าพระอินทร์จะได้แนบเนียน หลับสักตื่นสองตื่นก็ยังดี “เหมือนมีใครมองแกเลย” เย่นหลิงสะกิดไหล่ผมและบอกให้ผมเป็นนัย ๆ ว่ามีคนกำลังแอบมองผมอยู่ ผมค่อย ๆ หันขวาไปพบว่ามีผู้ชายคนหนึ่ง ตัดสกินเฮด หน้าคมออกจะเป็นคนหน้านิ่ง มองผมหน้าโกรธทั้งที่ปกติมันทำหน้าแบบนี้ก็คืออารมณ์ปกติอยู่แล้ว “เอ่อ...” ผมเห็นแล้วแต่ก็ไม่ได้อยากทักอะไรสักเท่าไหร่ ต่อให้เขาจะเป็นคนรู้จักและเห็นหน้าบางครั้ง แต่ผมก็ไม่ได้สนใจเขาสักเท่าไหร่เพราะผมมีบอนสีเป็นคนที่ผมชอบและมาก่อนอยู่แล้ว เรื่องอะไรผมจะไปเป็นเจ้าของของผู้ชายคนนั้นอีก ผมสารภาพเลยว่าผมไม่ได้ชอบเขา ไม่ได้อยู่ในสายตาด้วยซ้ำ จะได้ลดตัวไปคบก็คงไม่ใช่ “เขาสนใจแกหรือเปล่า” “กูมีแฟน มึงก็รู้อยู่แล้วนี่ ไม่มีอะไรหรอก” ผมมีบอนสีอยู่แล้ว ผมไม่อยากไปมองหาผู้ชายคนไหนอีก เดี๋ยวทะเลาะเข้าใจผิดกันทีไรตีกันบ้านแตกอีก ผมกับบอนสีถือว่าอารมณ์ร้อนไม่แพ้กันถึงเข้ากันได้ดีทุกวันนี้ เอาเป็นว่าผมอยากตั้งใจเรียนและสนใจขอบเขตการเรียนให้คงที่กับความรักที่ผมมีอยู่แล้วจะดีกว่า เพื่อนแบบเย่นหลิงถือว่าผมคบได้ไม่เสียหายเช่นกัน หลังจากนั้น “ขอโทษนะ จะตามกูทำไมอะ” ต้นส้มเห็นว่าตอนนี้ทางสะดวกและผมออกไปหลังจากบอนสี เพราะเขาจะไปเข้าห้องน้ำแล้วไปรอผมที่โรงอาหารก่อนเพราะมันรีบ หิวข้าวอยากกินประทังชีวิตเพราะมันหิวไส้จะขาดให้ได้แล้ว ผมกำลังจะตามไปแต่ว่ามีใครบางคนกำลังสะกดรอยตามมา แน่นอนว่าเป็นผู้ชายที่ผมเหมือนจะรู้จักดี “ต้นส้ม กูว่ามึงอย่าไปหลอกใครแม้เย่นหลิงจะดีกว่า” “กูไปหลอกอะไร” “ชีวิตมึงที่มหาลัยแสนดี แต่ที่บ้านมึงทำตัวเข้าหาผู้ชายแบบนี้ เรียกว่าสร้างโลกสองใบไง กูไม่ได้หมายความว่ามึงมีหลายคน แต่มึงสร้างสังคมหลอกคนอื่นอยู่” ผู้ชายคนนี้คือ ‘ตนัส’ ผู้ชายแถวบ้านที่ผมเห็นหน้าคร่าตาไม่บ่อยและผมไม่ได้ถือว่าผู้ชายคนนี้คือสเปคที่ผมต้องการ ผมถึงมองข้ามมันไป แล้วทุกวันนี้ทำเหมือนจะเป็นเจ้าของชีวิตผมไปได้ ผมไม่ได้หมายปองเขาก็น่าจะเข้าใจนะว่าผมไม่ได้ชอบเขา การเข้ามาเตือนแบบนี้คือมันรู้ความจริงและเหมือนจะทำลายชีวิตผม “ผู้ชายในหมู่บ้านบางคนเขาไม่ได้เป็นแบบที่มึงกับบอนสีกำลังทำอยู่นะ” “แล้วจะมาเป็นห่วงอะไร มึงไม่ใช่แฟนกู” “ก็ใช่ไง แต่กูเตือนมึงดี ๆ แล้วนะ ชอบไปหาเรื่องคนอื่น ทำแล้วคิดมันใช้ได้ที่ไหน กูว่ามึงเปลี่ยนตัวเองเถอะ” แม้ว่าผมจะพูดเรื่องนี้มาหลายครั้ง แต่ต้นส้มก็ไม่ฟัง ยังจะเดินทางหลงในกามและอบายมุขแบบนี้ ผมว่าชีวิตเขามีปัญหาในอนาคตแน่นอน ผมต้องรีบตัดไฟตั้งแต่ต้นลมเพราะต้นส้ม ผมเห็นมานานแต่เขาไม่เคยมองผมเลย ผมก็มีสิทธิ์จะเตือนจะหยุดเขาได้เช่นกัน “ไม่ต้องมายุ่งกับชีวิตเราดีกว่า บอกตัวเองให้ดีแล้วค่อยมาสอนเถอะ” “ผู้ชายรอบข้างมึงก็มีแต่คนระยำ ๆ มึงคิดว่าไอ้บอนสี หรือไอ้โซดามันดูแลมึงได้เหรอ มันเอามึงแล้วก็ไป” “มึงหยุดนะไอ้ตนัส” ผมไม่ชอบเลยที่ตนัสมาหลอกด่าผมแล้วไม่แก้ต่างให้ชัดเจน ผมบอกแล้วไงว่าผมไม่ได้ชอบผู้ชายเรียบร้อย เพราะมันไม่เข้ากับตัวตนผมเลย ถ้าใครหาเรื่องผม ผมก็มีแฟนผมคอยคุ้มกะลาหัวอยู่ ผู้ชายของผมเรียนมวยมาจนคล่อง เวลาปกป้องก็ได้ดีอยู่แล้ว ผมไม่ต้องการอะไรมากขอแค่ผู้ชายที่ดูแลดีและปกป้องผมได้ “ขี้เกียจพูดกับมึงละ” ผมขอออกจากบริเวณนี้จะดีกว่า หายใจลำบากเพราะต้องมาหายใจร่วมกับคนที่ไม่เข้าพวกกับผม ผมจะใช้ชีวิตยังไงก็ได้ ที่ไม่ทำให้ตัวเองตายก่อนวัยอันควร แค่นี้ผมก็ใช้ชีวิตคุ้มค่าเกิดมาได้ความรักจากผู้ชายหลายคนแล้ว เขาเล่นด้วยและจริงจังก็ถือว่าภารกิจสำเร็จ “มึงจะไม่ฟังกูจริง ๆ เหรอต้นส้ม กูหวังดีมาเตือนมึงแล้วนะ อย่าให้ใครมาเตือนมึงด้วยลูกปืนละกัน กูบอกไว้แค่นี้แหละ”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม