"ผมขอให้ท่านไว้วางใจในตัวผมต่อการปฏิบัติการครั้งนี้ครับ ผมต้องช่วยลูกสาวท่านออกมาได้อย่างปลอดภัย" นี่เป็นคำพูดคำสุดท้ายของหัวหน้าหน่วยรบพิเศษที่ลูกน้องในหน่วยได้เรียกขานนาม "เสือดำ" มานานหลายปีจนบัดนี้ "เสือดำ" กลายเป็นชื่อของเขาไปแล้ว
เขาผู้นี้ได้ลืมตัวตนของตนเองได้ลืมว่าความจริงแล้วเขาคือใครมานานมาก ชีวิตของเขามีเพียงสนามรบ มีเพียงศัตรู และการเข่นฆ่าจนกลายเป็นเรื่องที่เขาชาชินไปแล้ว
ก่อนหน้านี้เขาเป็นเพียงเด็กชายคนหนึ่งจากบ้านเด็กกำพร้า เมื่อช่วงวัยรุ่นได้พบรักเด็กสาวผู้หนึ่งซึ่งมีฐานะแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง เพราะต้องการที่จะก้าวข้ามความแตกต่างของฐานะ เขาจึงหาวิธีที่จะทำให้พ่อแม่ผู้หญิงยอมรับ
วิธีที่เร็วที่สุดคือการเข้าร่วมกับกองกำลังของกองทัพ ในฐานะแพทย์ทหารเขาทำสำเร็จสอบเข้าในหน่วยนี้ได้ และครอบครัวของแฟนเขายอมรับ
หลังจากแต่งงานกันได้เพียงหนึ่งเดือน ภรรยาของเขาต้องเดินทางไปทำงานที่สหรัฐอเมริกา ผู้ก่อการร้ายใช้ระเบิดพลีชีพบนเครื่องบิน ทำให้เครื่องบินลำนั้นที่มีภรรยาของเขาอยู่ด้วยระเบิดจนไม่เหลือซาก
คำพูดสุดท้ายที่เขาได้พูดกับภรรยาก่อนที่เธอจะขึ้นเครื่องคือ ดูแลตนเองให้ดี เขาไม่ได้เอ่ยคำลา ไม่มีโอกาสบอกรักเธอเป็นครั้งสุดท้าย นั่นทำให้เขาเจ็บปวดเป็นอย่างยิ่ง
เจ็บปวดเจียนใจจะสลายสิ่งที่ทำให้เขามีชีวิตอยู่ทุกวันนี้เพียงหวังแต่ว่าตนเองจะมีโอกาสแก้แค้น คนที่อยู่เบื้องหลัง ในวันนั้นหลังจากฝังภรรยาด้วยภาพของเธอโดยไร้กระทั่งร่างกายของเธอ
ความคั่บแค้นทำให้เขาตัดสินใจขอรัฐบาล ให้ส่งเขาไปยังประเทศอังกฤษเข้าร่วมฝึกกับหน่วยรบพิเศษที่ชื่อว่าโหดที่สุดในโลก เพื่อแก้แค้นคนพวกนั้น ผู้ก่อการร้ายที่พรากทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตของเขาไป
เขาจะไม่มีวันตายตาหลับจนกว่าจะได้เอาชีวิตหัวหน้าผู้ก่อการร้ายที่วางแผนคนนั้นลงโลงพร้อมกับเขา
เขาฝึกหนักอยู่หลายปี เข้าร่วมสงครามกับผู้ก่อการร้ายมามากมายจนในที่สุดเขาก็ได้ขึ้นเป็นผู้บัญชาการหน่วยรบพิเศษ ผู้ที่มีจิตใจแข็งแกร่งและดำมืดอีกทั้งยังโหดเหี้ยมที่สุดเท่าที่เคยมีมา
ในตอนนี้เป็นโอกาสของเขาแล้ว เมื่อพวกเขาไล่ล่าผู้ก่อการร้ายจนพวกมันจนมุม แต่สิ่งไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นเมื่อพวกมันได้ไปจับตัวลูกสาวประธานาธิบดีที่เรียนอยู่ต่างประเทศอย่างเงียบเชียบถึงบ้านพัก
เพื่อแลกกับอาวุธสงครามจำนวนมหาศาล เสือดำและทีมของเขา สืบเสาะข่าวว่าพวกมันจับตัวลูกสาวประธานาธิบดีไว้ที่ไหนจนกระทั่งวันนี้พวกเขารู้ที่ซ่อนของมันแล้ว
พวกเขากำลังบุกเข้าไปทลายรังของผู้ก่อการร้าย การวางแผนมาเป็นอย่างดีอีกทั้งประสบการณ์ที่ชำนาญของหัวหน้าหน่วย ทำให้พวกเขาสามารถเข้าไปภายในได้อย่างรวดเร็ว
"ทีมหนึ่งเรียกทีมสองจากสัญญาณความร้อนภายในห้องโถงมีคนอยู่ห้าคน ทุกคนมีอาวุธ มีคนหนึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้ท่าทางคล้ายถูกมัด เป็นพลเรือน ย้ำเป็นพลเรือน"