คำตอบของเธอทำให้เพลิงตะวันชะงัก จากที่จะตำหนิ กลับกลายเป็นความรู้สึกแปลกประหลาดใจในหัวใจดวงแกร่ง
ใช่... เขาหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารพร้อมกับเธอ มันเหมือนพวกขี้ขลาดตาขาวที่ไม่กล้าสู้หน้า
แต่ลึกๆ ไปกว่านั้น เขากลัวจะหักห้ามใจตัวเองไม่ไหว ทั้งความโหยหา ทั้งความห่วงใย ถาโถมเข้ามาเมื่อมีเธอมาอยู่ใกล้ๆ แบบนี้
“ขอบใจนะ แต่อาไม่ชอบกินขนมหวาน” เขาไม่อยากทำให้เธอเสียน้ำใจเลยยกโกโก้ร้อนมาดื่มแทน จริงๆ เขามักดื่มกาแฟตอนต้องทำงานดึก แต่วันนี้ถึงไม่รับกาแฟ ตาของเขาคงยังสว่างเช่นเดิม
“อาเพลิงจะนอนตอนไหนคะ” ถามแล้วรอฟังคำตอบเงียบๆ
เพลิงตะวันนึกหงุดหงิดที่เห็นอาการของเด็กสาว ปกติพิมพ์ดาวเป็นคนสดใสร่าเริง แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นคนดูเงียบๆ ประหม่า หวาดระแวง กังวลเหมือนมีเรื่องขบคิดอยู่ตลอดเวลา จนเขาเป็นกังวล คล้ายกับสาเหตุทุกอย่างเกิดมาจากตัวเขา
“ทำไม” เขาถามคำถามสั้นๆ ง่ายๆ แล้วลอบมองท่าทีของคนตรงหน้า
“หนูลองถามดูค่ะ เผื่ออาต้องการอะไร”
“อาไม่ต้องการอะไร หนูดาวไปนอนเถอะ” เขาอยากจะพูดต่อ... ว่านอนดึกระวังจะปวดหัว แต่ก็ละเอาไว้เมื่อเธอผละจากไปเงียบๆ เช่นเดิม
เป็นอีกครั้งที่เพลิงตะวันทิ้งตัวลงพิงกับพนักเก้าอี้ ถอนหายใจพรืดใหญ่ เหมือนการทำเช่นนั้นทำให้เขาสบายใจขึ้น งานที่อยู่บนโต๊ะถูกปิดเอาไว้แบบเดิม เพราะสมาธิของเขาไม่ได้อยู่กับงานเลยจริงๆ สายตาเหลือบมองโกโก้ร้อนและขนมเค้กรสช็อกโกแลต เขาจำได้ว่าเธอชอบ และเขาก็ชอบซื้อให้เธอ โดยเฉพาะในวันเกิดทุกปีของพิมพ์ดาวจะได้รับขนมเค้กช็อกโกแลตปอนด์ใหญ่ ที่เขาสั่งทำเป็นพิเศษ
“พี่กมุทครับ อย่ากังวลไปเลย ยังไงผมเป็นลูกผู้ชายพอ ผมจะรับผิดชอบพิมพ์ดาวแน่นอน แม้จะเคยคิดเอาไว้ว่าจะไม่แต่งงาน แต่พี่รู้อะไรไหมครับ ผมเริ่มจะคิดอยากมีครอบครัวก็ตอนนี้แหละ พี่จันทร์ ผมรักลูกสาวของพี่จังเลยครับ พี่สาวที่รักของผม” เพลิงตะวันหยิบรูปถ่ายของเพื่อนรุ่นพี่ทั้งสองมาถือเอาไว้ ก่อนจะสารภาพบางอย่างออกมาจนหมดเปลือก เขารู้สึกสบายใจขึ้นเมื่อได้พูด
ในชีวิตแก้ไขงานยากๆ มามากมายกว่าจะไต่เต้าขึ้นมาเป็นผู้บริหารและมีทุกอย่างพร้อมจนถึงทุกวันนี้ แต่ปัญหาเล็กๆ น้อยๆ ที่เขากำลังเผชิญมันละเอียดอ่อนเกินกว่าปัญหาใหญ่ๆ ที่เขาเคยพบ และปัญหาที่ดูเล็กๆ กลับกลายเป็นปัญหาใหญ่ที่เขาต้องขบคิดอย่างหนัก แต่เพราะคำพูดอวดดีของพิมพ์ดาวทำให้เขาเลิกล้มสิ่งที่จะพูดกับเธอ คำว่ารับผิดชอบถูกกลืนหายเข้าไปในลำคอเมื่อเธอเอื้อนเอ่ยแค่ว่าทุกอย่างคือการใช้หนี้
เพลิงตะวันผุดลุกขึ้นจากเก้าอี้ที่โต๊ะทำงานในทันที เขาคิดว่าควรจะเข้าห้องอาบน้ำและพักผ่อนได้แล้ว ถึงแม้จะนอนไม่หลับ แต่มีกิจกรรมอีกมากที่ทำให้เขาหลับได้ อาทิเช่น อ่านหนังสือ ดูหนังหรือฟังเพลง คืนนี้เขาอาจจะข่มตาหลับลงได้ ชายหนุ่มปลอบใจตัวเอง
ภายนอกเงียบเชียบ บ้านหลังนี้สำหรับการใช้ชีวิตอยู่สองคนดูหงอยๆ อย่างแปลกประหลาด จริงๆ เขามีบ้านของตัวเองหลายหลังและมีบ้านพักต่างอากาศอีกมากกระจายไปอยู่ทั่วในหลายจังหวัด เพื่อเปลี่ยนสถานที่ตามฤดูหรือตามความสะดวก
แต่ที่เขาต้องเข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้เพราะเด็กสาวที่ชื่อพิมพ์ดาว เพลิงตะวันรู้ดีว่าเธออยากอยู่ที่นี่ ที่นี่มีความทรงจำของเธอกับครอบครัว ถ้าจะให้เธอย้ายไปปุ๊บปั๊บ เธอคงไม่ทำตาม อาจจะมีเรื่องทะเลาะกันอีก เขารู้นิสัยเธอดี แม้พิมพ์ดาวจะไม่ใช่เด็กดื้อรั้นเอาแต่ใจ แต่ก็ดื้อเงียบ อะไรที่ไม่ต้องการก็จะดื้อแพ่ง นิ่งเฉยไม่ทำตาม นั่นคือนิสัยของเธอตั้งแต่เล็กจนโต
เสียงโทรศัพท์มือถือทำลายภวังค์ความคิดมากมายของเพลิงตะวัน ปลายสายเป็นคนคุ้นเคยอีกคนที่เขาทั้งรักทั้งหวง เพราะเรื่องในอดีตที่ฝังใจตั้งแต่เด็ก พราวตะวัน น้องสาวของเขาจึงยังไม่ยอมแต่งงานกับผู้ชายคนไหนทั้งนั้น
เธอเชื่อว่าชีวิตครอบครัวและการแต่งงานคือห่วงและพันธะที่จะทำให้คนสองคนทรมาน เหมือนบิดากับมารดาที่ต้องเลิกรากันไปในที่สุด แล้วทิ้งภาระเอาไว้ให้คนข้างหลัง
เขากับน้องสาวเติบโตมากับการดูแลของปู่ย่าตายายและลุงป้าน้าอา ชีวิตที่แสนลำบากในวัยเด็กและครอบครัวที่ขาดความอบอุ่นทำให้เขาต้องดูแลพราวตะวันเป็นพิเศษ เนื่องจากกลัวน้องจะเสียคนหรือประชดชีวิตทำสิ่งไม่ดี จนอนาคตมืดมน
มีครั้งหนึ่งที่พราวตะวันเคยขอคำมั่นสัญญากับเขาว่าชีวิตที่เหลือจะไม่แต่งงาน จะไม่ต้องเป็นทุกข์เหมือนบิดามารดา แต่เขากำลังจะผิดสัญญากับน้องสาว
นี่คือเหตุผลสำคัญที่เขาสนิทชิดเชื้อกับครอบครัวกริชแก้ว แต่คนอื่นไม่สนิทและไม่รับรู้ความสัมพันธ์ลึกซึ้งอันนี้ หลายครั้งที่เขาไปไหนมาไหนแล้วไม่บอกใคร แม้แต่คนสนิท ดังนั้นเมื่อพราวตะวันเอ่ยถามและได้รับคำตอบ เธอจึงเข้าใจว่าเขาไปทำงานเท่านั้น
“พี่เพลิงอยู่ไหนคะตอนนี้ กินข้าวหรือยัง พราวคิดถึง” พราวตะวันเป็นหญิงสาวตัวเล็ก ทำให้เธอดูอ่อนเยาว์กว่าอายุจริงอยู่มาก แม้จะเลยวัยเข้าสู่เลขสามแล้วก็ตามที
“อยู่กรุงเทพฯ ครับ พราวล่ะกินข้าวหรือยัง” เพลิงตะวันยิ้มบางๆ ที่มุมปากด้วยความเอ็นดูน้องสาว
“กินแล้วค่ะ คิดถึงพี่เพลิงจังเลยค่ะ อย่าทำงานจนยุ่งแล้วลืมดูแลสุขภาพตัวเองนะคะ พราวเป็นห่วง”
“เราก็เหมือนกัน ดูแลตัวเองด้วย ไว้เดี๋ยวพี่จะไปหา อยากได้อะไรหรือเปล่า”
“ไม่อยากได้อะไรค่ะ แค่เห็นหน้าพี่เพลิงก็ดีใจมากแล้ว” พราวตะวันออดอ้อนมาตามสาย สองพี่น้องคุยกันอยู่อีกสักพักก่อนจะวางสาย
เพลิงตะวันทอดถอนใจอย่างหนักหน่วง พราวตะวันเป็นปัญหาใหญ่สำหรับการใช้ชีวิตคู่ของเขา เขายังคิดไม่ออกว่าหากน้องสาวรู้เรื่องพิมพ์ดาวจะเป็นเช่นไร เธอต่อต้านการแต่งงานมีครอบครัว ต่อต้านการคบหาเป็นแฟนกับใครสักคนและต่อต้านพิมพ์จันทร์มาแต่ไหนแต่ไร ถ้ารู้ว่าพิมพ์ดาวเป็นบุตรสาวของพิมพ์จันทร์ น้องสาวเขาจะทำเช่นไรนะ
บางทีความลับของเขาที่เก็บซ่อนเอาไว้ เกี่ยวกับความสัมพันธ์ของครอบครัวกริชแก้วอาจจะความแตกเอาตอนนี้ก็ได้ เพราะตลอดระยะเวลาหลายปี เขาไม่เคยให้ความสำคัญกับกมุทและบุตรสาวเกินหน้าเกินตาจนใครรับรู้ ทุกครั้งที่มากรุงเทพฯ ทุกคนจะมองว่าเขามาทำงานเท่านั้น...
มือหนาเปิดประตูห้องเข้าไปภายใน ห้องนี้เป็นห้องพักห้องหนึ่งของตัวบ้านซึ่งเป็นห้องรับแขก
ชายหนุ่มมักจะมาพักที่นี่เมื่อมาหากมุท เขาไม่คิดจะใช้ห้องนอนใหญ่ของเพื่อนรุ่นพี่ จึงปิดตายไปเสีย ห้องใกล้ๆ เป็นห้องของพิมพ์ดาวที่อยู่ติดกับเขาและห้องรับแขกอีกห้องสำหรับแขกคนอื่นๆ มือหนาชะงักเล็กน้อยเหลือบมองห้องของอีกคนที่อยู่ร่วมบ้าน เธอคงนอนหลับไปแล้วเหมือนเช่นทุกคืน
เขาไม่แตะต้องเธออีกหลังจากวันนั้น อาจเพราะยุ่งกับการต้องสะสางงานและอีกข้อก็คือ ท่าเดินขัดๆ ของเธอทำให้เขารู้สึกผิดอยู่มาก ทั้งๆ ที่ความปรารถนาของเขา คุกรุ่นทุกครั้งที่เข้าใกล้ร่างหอมละมุน ผิวกายขาวเนียนนุ่มและสัดส่วนเย้ายวนของเธอทำให้เขาต้องเบือนหน้าหนีเสียทุกครั้ง
เขาเป็นเพียงผู้ชายคนหนึ่งที่มีเลือดเนื้อมีจิตใจ และที่สำคัญเขาไม่ใช่อาแท้ๆ ของเธอ นั่นคือเหตุผลสำคัญที่สุดที่เขามิอาจหักห้ามใจได้ ในระหว่างที่ชายหญิงต้องอยู่ด้วยกันสองต่อสองโดยปราศจากคนอื่นอยู่ด้วย ความผิดชอบชั่วดีนั้นไม่ต้องพูดถึง ในเมื่อมันข้ามเส้นแบ่งนั้นมาแล้ว เขากับเธอได้ทำสิ่งที่ชายหญิงพึงกระทำกันเมื่อมีอารมณ์ต้องการไปแล้ว จึงไม่ต้องกลับไปหวนคิดเรื่องว่าจะระงับอารมณ์อันใดอีก
ในห้องนอนที่แสนคุ้นเคยของเขามืดมิด เพลิงตะวันเปิดไฟจนสว่างจ้า เตียงนอนที่เรียบตึงของเขากลับนูนขึ้นมา ผ้าห่มที่ควรจะพับเอาไว้ให้เรียบร้อยกลับไม่ได้เป็นอย่างที่คิด เขาสาวเท้าเข้าไปยังเตียงอย่างรวดเร็ว กระตุกผ้าห่มที่คลุมอะไรบางอย่างเอาไว้บนเตียงก่อนจะอ้าปากค้าง