โฉมสะคราญในภาพวาด 2

1981 คำ
ไป๋ลู่เถียนใช้เวลานั่งรถม้าเกือบหนึ่งชั่วยาม เส้นทางที่ออกจากเมือง หรูฉางนับว่าคดเคี้ยว สองข้างทางมีแต่ป่าเขา ตัวนางไม่ชอบใจและระแวงมาก ทว่าอย่างไรเรื่องนี้มันต้องเกิดขึ้น นางย่อมต้องไปพบอี้ฟาน และเขาจะเป็นฝ่าย พานางเดินเข้าคฤหาสน์สกุลปันในฐานะลูกสะใภ้ปันเส้าเฟิง ส่วนสิ่งที่จะเกิดต่อจากนั้น ไป๋ลู่เถียนย่อมพลิกสถานการณ์ให้ตนมีแต้มเหนือทุกคน แน่นอนทุกอย่างนับจากนี้ไม่ง่าย แต่สตรีที่มาจากโลกอื่น มีชีวิตโลดแล่นในนิยายเรื่องนี้อีกครั้งในบทบาทนางร้าย ไฉนจะยอมให้ทุกอย่างเดินเส้นทางเดิมอีกเล่า รถม้าจอดพักชั่วครู่ เนื่องจากเบื้องหน้าเส้นทางมีขบวนศพผ่านมาพอดี ตอนนั้นไป๋ลู่เถียนเอ่ยถามเหอชิง ผู้อ้างตัวว่าเป็นแม่บ้านของอี้ฟาน ทว่าฝ่ายนั้นกลับไม่ไขสิ่งใดให้กระจ่าง บอกเพียงคร่าว ๆ ว่า สถานที่นัดพบอยู่ห่างจาก เมืองหลวงสักหน่อย นั่นเป็นเพราะ อี้ฟานมีสิ่งที่ต้องจัดเตรียม เพื่อให้ทันวันที่เขาต้องกลับคืนสู่คฤหาสน์ของบิดา “หลังจากทุกอย่างที่เตรียมการไว้สำเร็จลุล่วง พยัคฆ์ก็จะกลับคืนถ้ำเสือในคฤหาสน์หลังใหญ่” ด้วยคำพูดดังกล่าว ดึงให้ไป๋ลู่เถียน ย้อนถึงสิ่งต่าง ๆ และมันพุ่งไปมาในหัว ยิ่งคิดยิ่งคับแค้นใจ ที่เป็นเช่นนั้น เพราะนางถูกอดีตคนเคยรักกันในวัยเด็กเพิกเฉยต่อสิ่งที่เคยเกิดขึ้นเมื่อสิบปีก่อน ยามนี้ต้องแบกหน้าไปพบอี้ฟาน ชายซึ่งล้มเหลวใน ทุกด้าน ให้ดีสักหน่อยก็คือเขาเป็นลูกชายของปันเส้าเฟิง ผู้ที่นางจะเกาะขาทองคำในวันข้างหน้า “แม่บ้านเหอ หมายความเช่นไรหรือ” น้ำเสียงไป๋ลู่เถียนห้วนกระด้าง ไม่อ่อนหวานอย่างก่อนขึ้นรถม้า “คุณชายฟานไม่ใช่คนธรรมดาหรอกนะ เขาคือลูกชายคนเดียวของ ขุนนางชั้นผู้ใหญ่ในแคว้นนี้เชียวละ เช่นนั้นแม่นางเถียน จงทำตัวให้ดี ๆ” เหอชิงว่า และมองใบหน้าเป็นด่างดวงของไป๋ลู่เถียนก่อนส่ายหน้าราวกับไม่พอใจ “ใบหน้าเจ้า หากปกปิดด้วยแป้ง หรือครีมพอกจะทำให้ดูงดงาม เช่นสตรีทั่วไปใช่หรือไม่” ไป๋ลู่เถียนไม่ได้ตอบทันที แต่ถามกลับ “ข้าเป็นโรคด่างขาว ไม่ใช่โรคติดต่อผู้อื่น อีกทั้งตัวข้าเลือกเกิดไม่ได้ แต่หากทำให้ท่านไม่สบายใจ ข้าจะแต่งหน้า แต้มสีสันให้งดงามดั่งเช่นสตรีทั่ว เมืองหลวงย่อมได้” “โถ แม่นางเถียนกล่าวราวกับน้อยเนื้อต่ำใจ ข้าเพียงสอบถามเพราะ ไม่อยากให้เจ้าต้องอับอายสายตาผู้อื่น หากต้องถูกดูแคลน!” เอ่ยแล้ว เหอชิงก็หันไปสนใจสิ่งอื่น ฝ่ายไป๋ลู่เถียนนึกย้อนถึงเรื่องราวที่นางจดจำได้ เมื่อชาติก่อนอันเกิดขึ้นในนิยายเรื่องนี้ โดยมีอดีตคนรักของนาง เจิ้งเสี่ยวหยวนกับเฉินมี่ เป็นคู่หญิงโฉดชายชั่ว โดยเส้นเรื่องเดิมนั้น ไป๋ลู่เถียนหลังจากเสียใจเพราะต้องการบีบบังคับ เจิ้งเสี่ยวหยวนให้แต่งงานด้วย นางทำตัวเหลวไหลเมาสุราอย่างหนัก กระทั่งตกเป็นของอี้ฟานอย่างไม่เต็มใจ ฝ่ายนั้นติดการพนัน ทั้งยังเงินขาดมือ เมื่อได้พบ ไป๋ลู่เถียนก็กระโดดเข้าใส่ ดังนั้นนางจึงได้เป็นภรรยาอีกฝ่ายอย่างไม่เต็มใจ และย้อนกลับไปเหตุการณ์ก่อนหน้า อี้ฟานเป็นคนเกเรในวัยหนุ่มน้อย จึงถูกปันเส้าเฟิงคาดโทษขับไล่ไปอยู่เรือนบรรพบุรุษ ห่างไกลเมืองหรูฉางนับพันลี้ กระนั้นปันเส้าเฟิงไม่ถึงกับตัดขาดลูกชาย เพียงแต่บอกเขาว่า หากต้องการกลับคืนสกุลปัน เขาต้องสร้างเนื้อสร้างตัวของตน และการที่อี้ฟานพบไป๋ลู่เถียน คือสิ่งที่ฟ้าประทานพรแก่เขา ด้วยนางแม้จะเป็นสตรีบ้านนอก ทว่ายามอยู่เมืองเจ้อตงทางภาคตะวันออก นางคือหลานสาวของท่านเจ้าเมืองที่เขาตั้งใจมอบสมบัติให้ และนางมีที่ทางทำกินนับสองพันหมู่ (ไร่) อีกทั้งเงินทองมีมิน้อย เพียงแต่ไป๋ลู่เถียนหัวดื้ออยู่สักหน่อย นางประกาศต่อทุกคนหลังปู่เสียชีวิตว่า จะตามตัวเจิ้งเสี่ยวหยวนกลับไปแต่งงานตามสัญญาหมั้นหมายให้จงได้ พร้อมไว้ทุกข์ให้กับปู่ที่เป็นเจ้าเมือง แรกเริ่มนางมาเมืองหลวงพร้อมคนสนิทและหน่วยอารักขา ทว่ามีช่วงหนึ่งที่พวกเขาประสบเหตุร้ายถึงขึ้นบาดเจ็บหนัก ก่อนทยอยล้มตาย ไป๋ลู่เถียนมาทราบภายหลังว่า เป็นญาติของนางร่วมมือกับขุนนางใหญ่ในเมืองหลวงจ้างวานมือสังหาร ด้วยต้องการฆ่านางให้ตาย จากนั้นสมบัติสกุลไป๋จะได้ตกเป็นของคนพวกนั้น เมื่อไป๋ลู่เถียนเหลือตัวคนเดียว นางก็หวังพึ่งเจิ้งเสี่ยวหยวน ซึ่งเหมือนขอนไม้กลางแม่น้ำให้นางไขว่คว้ายึดเพื่อเอาชีวิตรอด ทว่าสัญญาหมั้นหมายที่มารดาของเจิ้งเสี่ยวหยวนเคยให้ไว้กับปู่ของ ไป๋ลู่เถียนกลับไร้ความหมาย เมื่อนางตามหาเขาพบ ชายหนุ่มหาได้แสดงความยินดี มิหนำซ้ำยังบอกว่า เขากำลังจะเข้าพิธีมงคลกับเฉินมี่ ลูกสาวเจ้ากรมโยธา และมันคือสมรสพระราชทาน ! “อาเถียน ข้ารู้สึกผิดต่อเจ้าจับใจ ทว่าเมื่อสิบปีก่อน หลังจากเดินทาง ออกจากเมืองเจ้อตงเกิดเหตุร้ายมากมาย รวมถึงเหตุน้ำท่วมใหญ่ ครอบครัวเล็ก ๆ ของข้าแทบไม่หลงเหลือสิ่งใด กระทั่งต้องไปอาศัยเรือนนอกของเจ้ากรมโยธาเพื่อรักษาชีวิต ตัวข้าป่วยหนักอยู่เกือบครึ่งปีและได้รับการดูแลจากคุณหนูเฉิน น้ำใจนางชาตินี้ข้าย่อมตอบแทนได้หมด” “ฮึ แล้วแม่นางน้อยบ้านนอกที่ในอดีตคอยหุงหาอาหาร และปรนนิบัติทั้งแม่ของท่านและตัวท่านยามลี้ภัยสงครามมา เงินสักอีแปะก็ไม่เหลือติดตัว คุณชายเจิ้งลืมเรื่องราวเหล่านั้นไปหมดสิ้นแล้วหรือไร” เจิ้งเสี่ยวหยวนถอนหายใจออกมาหนึ่งเฮือก และกล่าวอย่างตัดบทว่า “ยามนั้นข้าอายุเพียงสิบขวบ และช่วงที่มารดาเสียชีวิตจากน้ำป่า ก็ทำให้สติเลอะเลือน...ไปบ้าง เช่นนี้เจ้าจงอย่ารื้อฟื้นความหลังอีกเลย!” ไป๋ลู่เถียนมาถึงสถานที่นัดพบกับอี้ฟาน นางค่อนข้างระแวดระวังภัย แม้จะดูเหมือนว่าช้าไปสักหน่อยที่คิดถึงเรื่องนี้ แต่ก็นั้นแหละ นางไม่ใช่ตัวร้ายโง่ ๆ อีกแล้ว เพียงแต่ยอมให้บทเดิม ๆ สานต่อเรื่องราว อีกทั้งนางจำเป็นต้องใช้อี้ฟานให้ช่วยจัดการหลายสิ่ง โดยเฉพาะการที่บุรุษผู้นี้จะพานางเข้าคฤหาสน์สกุลปัน ส่วนอี้ฟานจะมีชีวิตเช่นไรหลังจากนั้น แน่นอนว่า เขาคงไม่ได้มีความสุขเหมือนเคย “เข้าไปด้านในสิ” เหอชิงบอกนาง “คุณชายฟานอยู่ข้างในเช่นนั้นหรือ” ไป๋ลู่เถียนถามและประเมินเรือนหลังเล็กเบื้องหน้า “ข้ามีหน้าที่พาเจ้ามา อย่าถามให้มากความ เอาละ...หมดธุระเสียที” เหอชิงกล่าวจบจึงก้าวหลบไปอีกทาง ในยามนั้นไป๋ลู่เถียนทำใจดีสู้เสือ อย่างไรชีวิตนางคงไม่ตายง่าย ๆ และจบลงที่นี่ เพราะยังมีผลประโยชน์ต่ออี้ฟาน เขาต้องการสตรีโง่เขลาสักคนที่ทำให้มีหลักประกันว่า บิดาจะให้อภัยในสิ่งที่เคยก่อไว้แต่หนหลัง ทว่าอี้ฟานกลับไม่เฉลียวใจสักนิด การที่อีกฝ่ายต้องการใช้ไป๋ลู่เถียนเป็นทางผ่าน เพื่อกลับสู่สกุลปัน คนที่วางแผนไว้ตั้งแต่แรกก็คือนางต่างหาก ส่วนเขาหรือ ให้ดีที่สุดคงเป็นได้เพียงเบี้ยตัวเล็ก ๆ ในกระดานของนางเท่านั้น เมื่อก้าวเข้าไปในสวนหิน คนผู้หนึ่งก็มองมายังไป๋ลู่เถียน สิ่งที่เห็นได้ชัดคือสีหน้าเขาค่อนข้างตกใจ ดวงตาคมคู่นั้นเบิกค้าง ก่อนจะยกมือกอดอกตน เขาหวงเนื้อหวงตัว และบอกให้รู้ว่ากำลังประหม่าเมื่อพบไป๋ลู่เถียน และชายผู้นี้คือปันอี้ฟาน ตัวร้ายที่ทำให้ไป๋ลู่เถียนต้องพบกับหายนะในชีวิต! ส่วนไป๋ลู่เถียนนั้น นางย้อนเวลากลับมาโลดแล่นในเรื่องนี้ โดยมีชื่อแซ่เดียวกัน ผิดแต่ไป๋ลู่เถียนผู้มาใหม่ มิใช่นางร้ายตัวตลกโง่งมที่มักถูกนางเอกและเหล่าเพื่อนนางเอกกลั่นแกล้ง ซ้ำร้ายยังแพ้ภัยตัวเองเสมอ เจ็บตัว เจ็บใจ สุดท้ายพระเอกไม่เห็นค่า ตัวร้ายยังย่ำยี “เอ่อ... แม่นางเถียน” อี้ฟานไม่ได้ขยับตัว เขาช่างดูเป็นผู้ชายขี้ขลาด แม้จะหล่อเหลาจัด ดวงตาคมกริบ ผิวขาวเหลือง ปากคิ้วนั้นรับใบหน้าเทพบุตร “หากคุณชายฟาน อยากกล่าวขอโทษข้าเรื่องที่ผิดนัด รวมถึงการให้ข้าต้องเดินทางไกลครึ่งค่อนวันก็เชิญเถิด สตรีผู้นี้มีเหตุผลมากพอ” ชายหนุ่มแสดงท่าทีกระอึกกระอักและเกร็ง แน่นอนแม้นางจะสวย หยาดเยิ้ม ทว่าเมื่อเปิดเปลือยผิวหน้าที่แท้จริง รอยด่างหลายแห่งนั้นย่อมทำให้คนไม่คุ้นชินครั่นคร้ามใจหรือถึงขั้นรังเกียจ “ข้าไม่คิดว่า จะมีรอยประหลาดบนใบหน้าและลำคอของเจ้า” ฮึ...ความบัดซบของชายงามล่มเมืองอย่างอี้ฟานบังเกิดขึ้นแล้ว ชาติก่อน นางเมา ไร้สติ เพราะเสียใจที่เจิ้งเสี่ยวหยวนไม่เห็นค่า สุดท้ายก็เจอผีพนันอย่างอี้ฟานข่มเหงและยังบังคับให้นางยกโฉนดที่ดินหลายพันไร่ให้แก่เขา เมื่อเข้าสกุลปันได้ นางยังถูกไท่ฮูหยินปันกลั่นแกล้ง ฉากสุดท้ายที่จำได้ก่อนสิ้นใจ นางได้พบปันเส้าเฟิงและน่าเสียดายเหลือเกินที่เขายื่นมือมาช่วยเหลือช้าเกินไป กระทั่งสวรรค์หยิบยื่นให้นางได้เกิดใหม่ เป็นตัวละครเดิม เยี่ยงนี้นางร้ายไฉนจะไม่เปลี่ยนบทให้ตนมีอำนาจและวาสนากันเล่า “ข้าป่วย...แต่ไม่ถึงกับตาย อีกอย่างมันแค่เปลือกหุ้มร่างกาย และหากคุณชายฟานมิชอบ ข้าจะกลับเสียเดี๋ยวนี้” ไป๋ลู่เถียนไม่ได้กล่าวเล่น ๆ น้ำเสียงกับท่าทีของนางแสดงให้รู้ว่าพร้อมจากไปเสมอ ยามนั้นอี้ฟานแยกเขี้ยวคม ๆ และฝืนใจก้าวเข้ามาใกล้ไป๋ลู่เถียน ท่าทางของเขาบอกให้รู้ว่าพยายามเหลือเกินที่จะใช้ความหล่อเหลาของตนมัดใจนาง ถึงอย่างนั้น ผู้ชายแสนร้ายและเลือดเย็น ก็ยังไม่กล้าทำอย่างที่ใจนึก ด้วยปกติมือไม้ของเขาไวอย่างกับลิง แต่ยามนี้กลับทำได้แต่เก้ ๆ กัง ๆ จะเอื้อมมากอด มาบีบนวลเนื้อนิ่มก็หาได้กล้ากระทำไม่ เมื่อเป็นเช่นนั้น นางร้ายผู้นี้ ย่อมต้องยอมเปลืองเนื้อเปลืองตัวเสียหน่อย ด้วยนางใช่ว่าจะมีเวลามากมาย เสร็จจากเรื่องของอี้ฟาน นางก็ต้องหาทางพบกับเหล่าตัวเอกของเรื่อง ทั้งเฉินมี่ เจิ้งเสี่ยวหยวน และตงเร่อ “อ๊ะ...อุ๊ย...ทำไม ข้ารู้สึกหน้ามืด และหายใจไม่ออกเช่นนี้” ไป๋ลู่เถียนแสร้งเซเสียหลัก แล้วมือเรียวสวยก็เกาะแขนชายหนุ่ม บีบ ต้นแขนกำยำเขาพอให้อีกฝ่าย รู้สึกถึงความเร่าร้อนระหว่างชายหญิง อี้ฟานหน้าแดงระเรื่อ เพราะส่วนที่เก็บเรียบร้อยในกางเกงค่อย ๆ พองขยาย เมื่อไป๋ลู่เถียนหมุนตัวเล็กน้อย นางก็รับรู้ได้ว่าขาที่สามของเขาสัมผัสกับบั้นท้ายงอนหนั่นแน่น!
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม