พิลาลศกระหืดกระหอบวิ่งตามน้ำข้าวแบบไม่สนใจรอบข้าง ก็เวลานี้เธอและเพื่อนควรจะเข้าห้องเรียนได้แล้ว แต่เพราะพวกเธอดันเอาแต่นั่งคุยจนลืมเวลา
ซึ่งพิลาลศช้ากว่า เห็นเพียงหลังไวๆ ของเพื่อนวิ่งเข้าห้องเรียนไปแล้ว
และเธอเองก็ดันทำได้แค่หยุดยืนอยู่หน้าประตู เพราะอาจารย์ประจำวิชาสุดโหดเพิ่งจะกดล็อกประตูแบบต่อหน้าต่อตา
รายวิชาการจัดการความเสี่ยง เป็นวิชาที่หินสุดๆ สำหรับนักศึกษา แถมอาจารย์ก็ช่างเข้มงวด
เธอถอยหลังให้ประตูช้าๆ ก็อุส่าทำหน้าตาหน้าสงสารเผื่ออาจารย์จะเห็นใจ แต่ก็กลายเป็นว่าถูกสายตาดุๆ ส่งกลับมา
คงทำได้แต่รอลอกเลกเชอร์จากน้ำข้าว
'ติ้ง'
ร่นถอยมาได้ไม่กี่ก้าว เพื่อตัวดีที่หนีเอาตัวรอดเข้าห้องเรียนไปก่อนก็ส่งข้อความมาหาเธอ
"การเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ในรอบยี่สิบปี"
ข้อความชวนสงสัยจากน้ำข้าว
"อะไรของแก"
"อาจารย์ศรีวรรณจะลาออกไปเลี้ยงหลาน"
"แล้วยังไง"
"ก็แสดงว่าจะมีอาจารย์คนใหม่มาสอนแทนยังไงล่ะไอ้เพื่อนโง่"
โอเค เป็นอันรู้ซึ้ง
"สวยมากด้วย เสป็คแกเลย"
"ชิ แกก็รู้ว่าในใจฉันมีแค่คุณมุกคนเดียว"
"หราาาาาาาาา อย่าให้รู้ว่าแอบหลงรักอาจารย์คนใหม่"
"ไม่มีทาง"
น้ำข้าวไม่เพียงแค่พิมพ์บอก หล่อนยังส่งรูปในมุมแอบถ่ายหน้าชั้นเรียนมาให้ด้วย
ด้วยความอยากรู้อยากเห็น พิลาลศจึงกดเปิดรูป และก็ต้องเลื่อนขยายภาพ เพราะรู้สึกคุ้นเคยกับคนในรูป
"คุณมุก"
แค่เห็นผ่านสมาร์ทโฟนคงจะไม่พอ
ประตูห้องเรียนถูกเปิดกว้าง และทันทีที่เงยหน้าขึ้นมอง
"โชคดีนะ ที่อาจารย์คนใหม่ของเธอใจดี"
พิลาลศได้ยินแค่เสียง และไม่ไม่ได้สนใจจะมองคนพูด เพราะสายตาเธอลอดผ่านไปยังผู้หญิงอีกคนที่อยู่ด้านหลัง ซึ่งหล่อนกำลังส่งยิ้มให้
จากที่ต้องแสดงท่าทีสำนึกที่ถูกสั่งห้ามไม่ให้เข้าห้องเรียนในทีแรก เธอกลับยิ้มแป้นทันที
"นี่! ยิ้มอะไรนักศึกษา" และก็ถูกดุจากอาจารย์สุดโหด
"หนูขอโทษค่ะอาจารย์ ต่อไปนี้หนูจะเข้าเรียนตรงเวลา ไม่สาย ไม่ขาดแม้แต่ครั้งเดียว" พิลาลศพูดด้วยใบหน้าเจื่อนๆ ก็ถูกดุแบบนั้นใครจะทำหน้าระรื่นอยู่ได้
"อาจารย์มุกก็อย่าไปทำใจดีกับเด็กพวกนี้มากล่ะ เดี๋ยวจะเหลิงกันหมด"
"ค่ะ อาจารย์" มุกรินตอบกลับเพียงเท่านั้นก่อนจะหันมองพิลาลศพร้อมส่งยิ้มน้อยๆ ให้ หล่อนคงจะรู้สึกขำกับท่าทีที่สาวน้อยตรงหน้าแสดงออก
และแน่นอนว่าหลังจากนั้น พิลาลศก็กลายเป็นนักศึกษาดีเด่น เข้าห้องเรียนก่อนใครๆ และไม่เคยมาสายหรือขาดเรียนสักครั้ง
ภาพเก่าๆ ระหว่างพิลาลศและมุกรินย้อนเข้ามาในสมอง ทันทีที่เธอมาหยุดยืนอยู่หน้าตึกบริหาร ภายในมหาวิทยาลัย
นอกเหนือจากที่มุกรินจะเป็นพี่สะใภ้แล้ว หล่อนยังพ่วงตำแหน่งอาจารย์อีก
และวันนี้ในฐานะที่เป็นศิษย์เก่าที่จบการศึกษาไปเกือบเจ็ดปี มุกรินเชิญพิลาลศมาเป็นวิทยากร บรรยายเรื่องการบริหารให้กับเหล่ารุ่นน้อง
"ตอนนั้น น้องลศเป็นเด็กดีตั้งใจเรียน" มุกรินพูดกับพิลาลศขณะที่เข้ามาอยู่ในลิฟท์ด้วยกัน
"เหรอคะ ไม่รู้ตัวเลย"
"พี่เป็นผู้สอนนี่คะ ก็ต้องดูลูกศิษย์ออกสิ"
พิลาลศเผลอยิ้มออกมากับคำพูดของคนข้างๆ เพราะนั่นไม่จริง เธอไม่ใช่เด็กดีเลยสักนิด หรือถ้าจะให้เข้าใจคือ เธอตั้งใจเรียนจนออกนอกหน้าเฉพาะวิชาที่มุกรินสอน
แต่ไม่ทันที่พวกเราจะพูดคุยกันต่อ
'ตึ้ง'
เกิดเสียงดังขึ้น แถมภายในลิฟท์โดยสารยังมีไฟกระพริบ และตามด้วยการกระแทก รู้สึกถึงได้การกระชากเพราะมันทำให้มุกรินและพิลาลศเซกันไปคนละทิศละทาง
พิลาลศที่รู้สึกตัวและมีสติ รีบตรงไปที่ปุ่มกดชั้นลิฟท์
"ช่วยด้วยค่ะ พวกเราอยู่ในลิฟท์" เธอกดปุ่มฉุกเฉินและร้องขอความช่วยเหลือ
แต่ทำอยู่ได้ครู่ใหญ่ก็ไม่ได้ยินเสียงตอบรับ จนต้องควักโทรศัพท์ตัวเองขึ้นมา
"นี่ก็ไม่มีสัญญาณ" เธอพึมพำกับตัวเอง ก่อนจะหันไปหามุกริน
"ไฟคงตก อีกสักพักคงจะกลับมาใช้งานได้ปกติ" พูดกับมุกรินด้วยความมั่นใจ เพราะเคยใช้ลิฟท์ตัวนี้บ่อยในตอนที่ยังเป็นนักศึกษา และก็คุ้นเคยกับสถานการณ์นี้
แต่ที่แปลกจนพิลาลศรู้สึกได้คือท่าทางของมุกรินที่ต่างไปจากเดิม หล่อนดูหวาดๆ จนเธอต้องเดินเข้าไปใกล้
"กลัวเหรอคะ"
มุกรินไม่ตอบ หล่อนพยักหน้าให้โดยที่ไม่มองหน้าคนถาม
"ไม่เป็นไรนะคะ เดี๋ยวก็กลับมาใช้ได้เป็นปกติ"
"แล้วถ้ามันใช้ไม่ได้ ไม่มีคนมาช่วย เราจะทำยังไง"
เป็นครั้งแรกที่พิลาลศเห็นมุกรินสติแตก และทั้งที่ภายในลิฟท์ยังอากาศปกติ แต่สังเกตที่ไรผมของคนขี้กลัวเริ่มมีเหงื่อซึมออกมา
"พี่กลัวที่แคบค่ะ" และหล่อนก็สารภาพตามตรง
"งั้น นั่งก่อนะคะ" เธอบอกพร้อมกระชับไหล่มุกรินไปด้วย เพราะไม่ได้แสดงท่าทางว่ากลัวอย่างเดียว หล่อนยังเหมือนกับจะล้ม ขาคงจะไม่ทำงานเหมือนปกติ
ซึ่งการนั่งกับพื้นคงจะทำให้มุกรินอาการดีขึ้น
"จะมีคนมาช่วยเราจริงๆ ใช่มั้ย"
"ค่ะ" พิลาลศพูดพร้อมตั้งใจจะลุกขึ้นเพื่อจะกดปุ่มขอความช่วยเหลืออีกครั้ง แต่มุกรินดันส่งมือมาจับแขนเธอไว้เสียแน่น
"นั่ง นั่งอยู่กับพี่ก่อนได้มั้ย พี่กลัว"
แล้วแบบนั้น เธอจะปล่อยไปได้อย่างไร
พิลาลศนั่งลงตรงหน้ามุกริน พร้อมกับจับมือหล่อนไปด้วย และเพราะรู้สึกได้ถึงมือเย็นๆ จึงช่วยลูบหลังมือให้อีกแรงเพื่อให้คลายกังวล
"ปกติแล้ว พี่ไม่ใช้ลิฟท์ค่ะ หรือทุกครั้งที่ใช้จะมีคุณเทวาอยู่ด้วย"
เพียงได้ยินชื่อสามีที่ล่วงลับของมุกริน พิลาลศก็รู้สึกตึงๆ ขึ้นมา
"แล้วทำไมครั้งนี้ถึงกล้าล่ะคะ"
"เพราะ ไม่มีเค้าแล้วนี่คะ พี่ก็ต้องลองเผชิญกับความกลัวด้วยตัวเอง"
พิลาลศนิ่งคิดเพียงครู่
"ตลกนะคะ เมื่อก่อนที่พี่กับคุณเทวาทำตัวติดกัน เขาจะคอยรออยู่หน้าลิฟท์ตลอด คอยรับ และส่งพี่เข้าลิฟท์"
"เขาทำให้พี่อุ่นใจ"
"ยังคิดถึงพี่เทวาอยู่ตลอดเหรอคะ"
"พยายามจะไม่คิดถึงค่ะ"
"งั้นก็... หาแฟนใหม่มั้ยคะ จะได้ไม่ต้องคิดถึง" พิลาลศพูดเพื่อให้มุกรินได้ลืมเทวา สักเสี้ยวนาทีก็ยังดี
"ทำแบบนั้นได้ด้วยเหรอคะ คุณเทวาเสียยังไม่ถึงเดือนเลยนะ"
"ลศแค่อยากให้คุณมุกได้เริ่มต้นใหม่ บางทีอาจจะมีคนที่ดีกว่ารออยู่ก็ได้นะคะ"
"ตอนนี้พี่ยังไม่คิดเรื่องนั้นหรอกค่ะ ถึงคิด ก็คงไม่อยากมีใครได้แม่หม้ายลูกติดหรอกค่ะ"
"มีสิคะ" พิลาลศเผลอโพล่งออกไปแบบลืมตัว
นั่นทำให้เธอได้เห็นสีหน้าฉงนของมุกริน
"เอ่อ... ลศแค่ แค่คิดว่าคุณมุกไม่ควรปิดกั้นตัวเอง บางทีคนที่ใช่อาจจะมาหลังจากการสูญเสียก็ได้ค่ะ"
"ค่ะ ไว้พี่จะลองคิดดู" มุกรินพูดพร้อมส่งยิ้มน้อยๆ ให้
เวลาผ่านไปเกือบยี่สิบนาที ไร้วี่แววว่าลิฟท์จะกลับมาใช้ได้ แถมไฟด้านในจากที่แค่กะพริบดันดับสนิท
มุกรินเริ่มกลับมากระวนกระวายอีกครั้ง รวมถึงพิลาลศตอนนี้ด้วยที่นั่งไม่ติด
"มีคนอยู่มั้ยคะ ช่วยด้วยค่ะ เราติดอยู่ในลิฟท์" เป็นอีกครั้งที่พิลาลศร้องขอความช่วยเหลือจากปุ่มฉุกเฉิน
และเหมือนกับคราวนี้จะได้ผล
"พวกเรากำลังช่วยเหลืออยู่ครับ ตอนนี้รออุปกรณ์ถ่างลิฟท์ ช่วยรอสักครู่ครับ" เสียงจากด้านนอกโต้ตอบกลับมา
"ค่ะ เร็วๆ นะคะ พอดีด้านในมีคนเป็นลม" พิลาลศจำต้องพูดเพื่อให้คนด้านนอกเร่งรีบ
"ครับๆ จะรีบแจ้งทีมพยาบาลให้มารอทำการช่วยเหลือ"
แบบนั้นก็อุ่นใจ เธอรีบเดินกลับไปนั่งข้างมุกริน พร้อมกับใช้โทรศัพท์ในโหมดไฟฉายส่องไปทั่วลิฟท์เพราะต้องการแสงสว่าง เพื่อไม่ให้มุกรินรู้สึกกลัวกว่านี้
แต่การได้ยินเสียงตอบรับจากด้านนอกก็ทำให้พวกเราใจชื้นขึ้นมาบ้าง
"ว้าย" จู่ๆ มุกรินก็ร้องกรี้ดออกมา
"อะไรก็ไม่รู้ค่ะกำลังเดินอยู่บนแขนพี่" หล่อนหลับหูหลับตาเอ่ยออกมาอย่างกลัวๆ
ได้ยินแบบนั้น พิลาลศจึงหันมาสำรวจที่แขนของมุกรินทันที และก็พบตัวต้นเหตุ
พิลาลศใช้นิ้วดีดเจ้าแมงมุมจนกระเด็นไปไกล
"มันไปแล้วค่ะ แมงมุมน่ะ"
"โชคดีที่เป็นแค่แมงมุมตัวจิ๋วค่ะ" เพราะเห็นคนข้างๆ ยังคงทำหน้าตกใจ เธอจึงต้องเอ่ยปลอบ
และอาการมุกรินก็ดีขึ้น เพราะเห็นหล่อนถอนหายใจออกมา
"อยากฟังเรื่องเล่ามั้ยคะ"
มุกรินหันมองหน้าเธออย่างหวาดๆ คงจะเพราะระแวง
"รับรองค่ะ ว่าไม่ใช่เรื่องผี" และพิลาลศจำเป็นต้องพูดดักคอไว้ ก่อนจะรวบมือมุกรินมาจับ ก็เธอเก่งในที่มืด ก็ขอฉวยโอกาสเสียตอนนี้
"เคยได้ยินเรื่องแมงมุมตัวผู้ยอมให้แมงมุมตัวเมียกินหลังจากผสมพันธุ์มั้ยคะ"
เงียบ มุกรินเงียบเพื่อตั้งใจรับฟัง
"นักวิจัยตั้งสมมติฐานกับเรื่องนี้ไว้สองสาเหตุค่ะ"
"หนึ่ง เพื่อจะได้ผสมพันธุ์กับตัวเมียจึงยอมสละชีวิต แมงมุมตัวผู้บางตัวถูกกินตั้งแต่ตอนผสมพันธุ์ด้วยซ้ำ แต่ก็ยอมเสี่ยงค่ะ"
"ส่วนสาเหตุที่สอง ก็เพื่อปรนเปรอตัวเมีย จึงยอมสละชีวิตตัวเองเพื่อให้ตัวเมียกินจะได้มีอาหารขณะที่ตั้งท้อง"
"พี่ว่าเรื่องที่น้องลศเล่า โหดกว่าเรื่องผีอีกค่ะ"
"ลศจะบอกว่า ถ้าเราออกไปไม่ได้และต้องติดอยู่ในนี้ไปตลอด คุณมุกกินลศได้เลยนะคะ"
ภายในลิฟท์ที่แสงไฟส่องสว่างจากโทรศัพท์ เธอได้เห็นใบหน้าเหวอๆ ของพี่สะใภ้ เพราะคำพูดเรื่องแมงมุม
และไม่นานพวกเธอทั้งคู่ก็ต้องแยกห่างจากกัน เพราะลิฟท์กำลังจะถูกเปิดออก พร้อมกับเสียงจากเจ้าหน้าที่ข้างนอกที่ทำการช่วยเหลือคนด้านใน
พิลาลศชักจะคาดเดาไม่ถูกที่มุกรินทำหน้าตกใจเพราะเรื่องแมงมุมหรือเพราะการที่เธออนุญาตให้หล่อนกิน
แต่ที่แน่ๆ คือ เธอตั้งใจจะพูดประโยคล่อแหลมนั่น