14
“ผมเข้าใจดีครับ ผมเองก็ไม่อยากให้ทามะจังไปฆ่าใครอีกแล้ว นักฆ่าที่ดีสามารถฆ่าคนตามใบสั่งได้ แต่ถ้าฆ่าน้องสาวของตัวเองเพียงเพราะคำว่าอิจฉา ผมว่ามันไม่ถูกต้อง ทามะจังพูดกับผมคำหนึ่งว่า ผมเป็นเพียงคนที่ให้กำเนิดเท่านั้น สายใยของความรักที่เขามีให้ผมนั้น ไม่มีเลย ทามะจังไม่เคยนับถือว่าผมเป็นพ่อ เขารักแต่พ่อเลี้ยงของเขา ไม่อย่างนั้นคงไม่ใช้นามสกุลของพ่อเลี้ยงหรอกครับ แต่ผมคิดว่าเขาคือลูกเสมอ แต่ไม่คิดว่าจะฆ่าน้องได้ลงคอ คุณเรียวจะทำอะไรก็เชิญเถอะครับ แต่อย่าบอกผมก็แล้วกันว่าทำอะไรลงไปบ้าง อย่าให้ผมรับรู้อีกเลย แค่นี้ผมก็รับไม่ไหวแล้วครับ ฮือ” น้ำตาของทาคุยะไหลลงราวกับน้ำที่ไหลออกมาจากก๊อก สมจริงยิ่งกว่าดาราตุ๊กตาทองเสียอีก
“ผมมีเรื่องอยากจะให้คุณลุงช่วย แค่ครั้งนี้ครั้งเดียวเท่านั้นครับ แค่ครั้งเดียว แล้วผมจะไม่มายุ่งกับคุณทาคุยะอีกเลย” เรียวคิดว่านักฆ่าอย่างทรรศิกา ต้องมีฝีมือและลูกน้องที่จะร่วมทีมอย่างแน่นอน ถ้าคิดจะจับตัวนักฆ่าสาวคนนี้โดยการประจันหน้าจะต้องเสียเลือดเนื้ออย่างแน่นอน ถ้าหากใช้ทาคุยะเป็นสะพานให้ทรรศิกาเดินมาติดกับ มันง่ายกว่าเยอะ ไม่เสียแรง ไม่เหนื่อย
“อะไรครับ?” เรียวบอกแผนการที่เขาคิดได้แบบทันท่วงทีให้กับทาคุยะได้รับรู้ ซึ่งทาคุยะยินดีที่จะช่วยเหลืออย่างเต็มที่ ทาเคชิหลับตานิ่งระหว่างที่เรียวบอกแผนการให้เจ้าของบ้านได้รับฟัง หัวใจของเขากำลังเต้นระส่ำอย่างบอกไม่ถูก ไม่อยากจะคาดเดาต่อไปเลยว่า หากทรรศิกาเดินมาติดกับจริงๆ เขาจะทำอย่างไร รู้สึกประมาณไหน คงมีเพียงประโยคเดียวเท่านั้น เสียใจ หากแต่เขารู้สึกแปร่งๆ กับการกระทำของทาคุยะยิ่งนัก ส่งลูกสาวให้กับอสูรร้ายเนี่ยนะ คือการกระทำของคนที่เป็นพ่อ มันแย้งจนเขาฉุกใจคิด
“ตกลงตามนี้นะครับ คุณเรียวครับ ผมหวังว่าเรื่องนี้คงจะไม่ส่งผลกระทบกับความสัมพันธ์อันดีระหว่างสองแก๊งนะครับ” เรื่องนี้แหละที่เขาเป็นห่วง ห่วงมากกว่าชีวิตของทรรศิกาเสียอีก
“แน่นอนครับ ความสัมพันธ์ของเรายังคงเหมือนเดิม ผมจะช่วยคุณลุงตัดเนื้อร้ายให้หลุดออกไปจากร่างกายเองครับ” ทาคุยะยิ้มนิดๆ ที่มุมปาก เรื่องที่เขาห่วงถูกตัดออกไปได้เลย ต่อจากนี้ใครจะเป็นจะตายยังไงเขาไม่รับรู้อะไรทั้งสิ้น ขอแค่ตัวเองรอดก็พอ
วรวรรณสตรีวัยห้าสิบสองปีเดินเข้ามาในห้องนอนของลูกสาวในเวลาเกือบสี่ทุ่ม ดวงตาที่มองมายังทรรศิกานั้นมีแต่ความรักและความสงสาร นางไม่อยากให้ลูกสาวแสนสวยของนางเป็นนักฆ่าเลย หากแต่ก็ไม่อาจ จะห้ามปรามหรือว่าขัดขวางเส้นทางที่มีแต่ความมืดดำนี้ได้ นางรู้ว่าทรรศิกาทำลงไปเพราะต้องทำ เพื่อชีวิตของนางเองรวมทั้งคนอื่นๆ อีกหลายชีวิตที่เกี่ยวพัน
“น้ำหวาน ลูก” สุ้มเสียงอ่อนหวานแฝงไว้ซึ่งความอ่อนโยนเรียกลูกสาวที่กำลังนั่งแปรงผมอยู่บนเตียง ทรรศิกาหันมาทางต้นเสียง แย้มยิ้มให้บุพการีอย่างสวยงาม
“คะแม่” เธอขานรับคำเรียกของมารดา ก่อนที่นางจะเข้ามานั่งบนเตียงติดกับร่างของลูกสาว
“เหนื่อยมั้ยลูก เหนื่อยมากมั้ย?” มือเหี่ยวย่นตามวัยทาบวางบนผิวแก้มของทรรศิกา ลูบไปลูบมาอย่างแผ่วเบา ดวงตาของผู้เป็นแม่มองดวงหน้าของลูกสาวนิ่ง ดวงตาของนางปริ่มด้วยหยาดน้ำใสๆ ที่วิ่งมาเอ่อขอบตา
“ไม่เหนื่อยหรอกค่ะ น้ำหวานไม่เคยเหนื่อย” นางรู้ว่าลูกโกหก ทรรศิกานั้นเหนื่อยทั้งกาย เหนื่อยทั้งใจ อ่อนล้าจนบางครั้งไม่มีแรงจะยืน คำสั่งของผู้เป็นพ่อนั่นแหละคือสาเหตุ โดยมีนางเป็นตัวต้นเหตุที่ทำให้ลูกสาวต้องทำเรื่องเช่นนี้
“เหนื่อยก็พักนะลูก อย่าฝืนทำในเรื่องที่ไม่อยากทำอีกต่อไปเลย แม่ไม่อยากเห็นหนูทุกข์ ไม่อยากเห็นหนูร้องไห้ แม่อยากเห็นรอยยิ้มของหนูมากกว่า อยากได้ยินเสียงหัวเราะของหนู ซึ่งนานมากแล้วที่แม่ไม่เคยได้ยิน” ทรรศิกายิ้มให้มารดาก่อนจะโผกอดร่างเล็กของบุพการีที่เธอรักยิ่ง
“แม่ไม่ต้องเป็นห่วงน้ำหวานหรอกค่ะ น้ำหวานทนได้ เพื่อแม่ น้ำหวานมีแม่คนเดียว น้ำหวานทำทุกอย่างเพื่อแม่ได้อยู่แล้วค่ะ คุณพ่อบอกว่าถ้าน้ำหวานทำงานนี้สำเร็จ คุณพ่อจะปล่อยให้น้ำหวานเป็นอิสระ ไม่บังคับให้น้ำหวานต้องทำในสิ่งที่ตัวเองไม่อยากทำ น้ำหวานจะพาแม่กลับเมืองไทย เราจะไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่โน่นด้วยกันนะคะแม่”
ทรรศิกาพูดกับอกที่อบอุ่น อกที่ให้ความรักกับเธออย่างแท้จริง วรวรรณตื้นตันใจยิ่งนักที่ทรรศิกามีความกตัญญูต่อนางอย่างเต็มเปี่ยม อีกทั้งยังรู้สึกสงสารลูกสาวจับใจ จะไม่บังคับ ปล่อยให้เป็นอิสระ ทรรศิกาจะรู้หรือไม่ว่าทั้งสองสิ่งที่เธอต้องการมาตลอดนั้น ลูกสาวของนางจะไม่มีวันได้รับจากผู้เป็นพ่อ นางเองเป็นแม่ที่ไม่เอาไหน อ่อนแอ ไม่สามารถปกป้องลูก ไม่อาจห้ามปรามการกระทำของทาคุยะที่มักจะข่มขู่ทรรศิกาเรื่อยมาได้เลย ได้แต่ยอมก้มหน้าก้มตาทำตามอย่างไม่มีข้อแม้ เมื่อไหร่หนอที่นางจะเข้มแข็งเสียที เป็นเสาที่แข็งแรงคอยให้ทรรศิกาได้เกาะเป็นหลักยึด ไม่ใช่เป็นตัวถ่วงเหมือนทุกวันนี้
“น้ำหวาน เมื่อกี้คุณพ่อโทรมาหาแม่ เขาบอกแม่ว่าพรุ่งนี้ให้ลูกไปหาที่ร้านโอซากะตอนบ่ายสาม” ก่อนหน้าที่นางจะเดินเข้ามาในห้องนอนของลูกสาว ทาคุยะได้โทรศัพท์มาพร้อมกับนัดหมายให้ทรรศิกาไปหาที่ร้านดังกล่าว นางจึงนำความมาบอกลูกสาวเหมือนที่ผ่านมา ทรรศิกาอดที่จะสงสัยไม่ได้ว่าเรื่องอะไร ในเมื่อบิดาบอกเธอเอาไว้ว่า หากเสร็จสิ้นภารกิจนั้นแล้ว จะปล่อยให้เธอเดินไปตามเส้นทางที่ตัวเองต้องการ แล้วนัดให้ไปพบเรื่องอะไร หรือว่าจะบอกอย่างเป็นทางการเรื่องที่จะให้เธอเลิกเป็นนักฆ่า