7
“ในเมื่อคุณพ่ออยากให้ปิ่นตายปิ่นก็จะตายค่ะ แต่ปิ่นขอพี่น้ำหวานอย่างหนึ่งได้หรือเปล่าคะ อย่าฆ่าพี่เรียว อย่าฆ่าพี่เรียว ปิ่นขอร้องก่อนตายนะคะ” สุชาลินีพูดทั้งน้ำตา ขอร้องเว้าวอนทั้งน้ำเสียงและสีหน้า สุชาลินีไม่แน่ใจว่าบิดาสั่งให้ปลิดชีวิตใครอื่นอีกหรือไม่ แต่ถ้าหนึ่งในจำนวนนั้นคือเรียว เธอก็อยากจะขอชีวิตเขาไว้สักคนหนึ่ง คนที่ได้ยินหลับตานิ่งด้วยความร้าวรานหัวใจ
“ไม่ต้องห่วง พี่ได้รับคำสั่งให้มาฆ่าคุณมายุมิกับปิ่นเท่านั้น คนอื่นไม่ใช่” ทรรศิกาตอบเสียงหนักออกจะติดสั่นๆ เล็กน้อย ย้ำให้ผู้เป็นน้องสาวได้รับรู้ สุชาลินีหันมาเผชิญหน้ากับพี่สาวตรงๆ ดวงตาของคนที่กำลังจะตายมองดวงตาของนักฆ่าสาวนิ่ง แม้ว่าทั้งสองไม่ได้สนิทสนมอะไรกันมากมาย เพราะถูกเลี้ยงคนละที่ คนละแบบ จะพบเจอกันปีละไม่กี่ครั้งเท่านั้น หากแต่ความรักที่เธอมีให้พี่สาวมากล้น ในเมื่อผู้เป็นบิดาอยากให้ตัวเธอนั้นตาย สุชาลินีก็จะรับความตายนั้นไว้จากผู้ให้กำเนิด คิดอีกแง่ที่ทำให้คนที่กำลังถูกฆ่าสบายใจและไม่ติดใจกับการสั่งสังหารในครั้งนี้ คิดเพียงว่าทาคุยะคนที่ทำให้เธอเกิดมากำลังเรียกชีวิตของเธอคืนกลับไป
“พี่น้ำหวานดูแลแม่ให้ปิ่นด้วยนะ แม่ไม่ค่อยสบาย” เป็นอีกข้อที่คนเป็นน้องขอร้องพี่สาว
“ได้ พี่สัญญา” ทรรศิการับปาก ซึ่งมันเป็นเรื่องที่นักฆ่าสาวคิดเอาไว้อยู่แล้ว
“ปิ่นพร้อมแล้วค่ะ ปิ่นพร้อมที่จะตายแล้ว ฝากบอกคุณพ่อด้วยว่าปิ่นรักคุณพ่อและไม่โกรธที่คุณพ่อสั่งแบบนี้” เธอพร้อมสำหรับความตายที่บิดาเป็นผู้สั่ง พี่สาวเป็นผู้กระทำ
“พี่ขอโทษ พี่จำเป็นจริงๆ พี่ไม่อยากให้ปิ่นจากโลกนี้ไปเพราะไม่เข้าใจเหตุผลของพี่ พี่ทำเพื่อแม่ของพี่นะปิ่น พี่ทำเพื่อแม่ของพี่ มันจะเจ็บไม่นานหลังจากนั้นปิ่นก็จะสบายไม่มีความเจ็บปวดอะไรอีก คนที่จะเจ็บปวดและทุกข์ทรมานก็คือพี่ พี่สาวคนนี้ที่ฆ่าน้องสาวเองกับมือ”
น้ำตาของผู้พูดหลั่งรินลงมาเคลียแก้ม ปากของเธอสั่นยามที่พูด หัวใจเหมือนมีเข็มมาเสียดแทงให้ได้รับความเจ็บปวด ทรรศิกาไม่ใช่ว่าจะเป็นนักฆ่าที่ไม่มีหัวใจ เธอมี...เพราะทุกวันนี้ก็ทำเพราะหัวใจของคนที่เป็นแม่ นักฆ่าสาวทำเพื่อแม่ทั้งสิ้นไม่มีเหตุผลอื่นใดเลย ถ้าไม่ทำมารดาก็ต้องตาย แล้วทรรศิกาจะเลือกใครระหว่างความตายของมารดากับความตายของเป้าหมายที่จะสังหาร
“ปิ่นเข้าใจพี่น้ำหวานค่ะ ปิ่นเข้าใจ” สุชาลินีพูดเสมือนตัวเธอนั้นเข้าใจความรู้สึกและความจำเป็นของผู้เป็นพี่ เป็นเธอ เธอก็คงเลือกแบบนี้เช่นกัน
“พี่ขอโทษ พี่ขอโทษ อภัยให้พี่ด้วย” ทรรศิกาพูดขณะเลื่อนปืนเก็บเสียงมาที่บริเวณหัวใจของอีกฝ่าย สองพี่น้องมองหน้ากันนิ่ง ก่อนที่เป้าหมายของการฆ่าจะส่งยิ้มบางๆ พยักหน้าให้นักฆ่าสาว เหมือนจะบอกพี่สาวว่าเธอพร้อมแล้วสำหรับความตาย
“ฉึก” นักฆ่าสาวหลับตา ก่อนจะใช้นิ้วชี้เหนี่ยวไกให้กระสุนออกจากรังเพลิงผ่านปลายกระบอกปืนที่เก็บเสียง ทะลุไปบนผิวเนื้อนุ่มของสุชาลินี กระสุนปืนวิ่งทะลวงไปยังอวัยวะสำคัญในร่างกาย เจ้าของร่างที่ถูกยิงเซไปทางด้านหลังเล็กน้อย มองมาที่ดวงหน้าของพี่สาวทั้งน้ำตา ภาพคืนวันเก่าๆ
ตั้งแต่เล็ก ภาพของสองพี่น้องที่วิ่งเล่นกันอยู่บนกองหิมะ ต่างฝ่ายต่างโยนหิมะที่ปั้นเป็นก้อนโยนใส่อีกฝ่าย ตามด้วยเสียงหัวเราะแห่งความสุขที่ดังประสานกัน ภาพความอบอุ่นของผู้เป็นพ่อที่โอบกอด หอมแก้มให้ความอบอุ่นเสมือนพ่อคนหนึ่งจะให้ลูกได้ ภาพของมารดาที่ตระกองกอดตอนที่เธอเป็นเด็ก ปัดเป่าบาดแผลที่ได้มาจากความซุกซน อ้อมกอดที่เต็มไปด้วยความรัก ความผูกพัน ภาพสุดท้ายที่เวียนเข้ามาในสมองที่เริ่มจะรับรู้ได้น้อยลงคือ ภาพของทาจิบานะ เรียว ชายหนุ่มที่เธอรักและวาดหวังไว้ว่าจะได้ครองชีวิตคู่อยู่ร่วมกัน เริ่มแรกพบสบตาครั้งแรก ก่อนจะสานสัมพันธ์เขยิบมาเป็นคู่รัก ภาพความสุขครั้งแรกในชีวิตสาวผุดขึ้นมา วันนั้นเธอมีความสุขมาก ไม่ต่างกับเขาที่มีความสุขอย่างล้นปรี่ สุชาลินีคิดถึงความอบอุ่น ปลอดภัยยามที่เธอได้ซุกอยู่แนบอกของเขา ต่อไปนี้มันจะไม่มีอีกแล้ว ต่อไปนี้เธอจะไม่ได้รับรู้ความรู้สึกทั้งสุขและทุกข์ในฐานะของมนุษย์อีกแล้ว เพราะหญิงสาวกำลังจะตาย น้ำตาจึงหลั่งไหลออกมาเป็นน้ำตาครั้งสุดท้ายของเธอ
ทรรศิกายืนมองภาพของน้องสาวที่รูดลงไปนอนอยู่ที่พื้นทั้งน้ำตา การตัดสินใจครั้งนี้เธอรู้ว่ามันเป็นสิ่งที่ผิด หากแต่ความจำเป็นมันบีบคั้นให้หญิงสาวต้องทำ ไม่มีพี่คนไหนอยากจะปลิดชีวิตน้องของตัวเอง แล้วไม่มีลูกคนไหนที่อยากจะเห็นมารดาของตนต้องตายเช่นกัน ความถูกต้องกับความจำเป็นมันจึงสวนทางกันเสมอ
“พี่ขอโทษ พี่ขอโทษนะปิ่น ฮือ” ทรรศิกาคุกเข่าตรงหน้าร่างของ สุชาลินีที่นอนแน่นิ่งไป ก่อนที่เธอจะพนมมือไหว้ก้มลงกราบที่พื้น เสมือนขออโหสิกรรมให้กับศพที่พึ่งถูกหญิงสาวกระชากลมหายใจ กระชากวิญญาณไป เมื่อหน้าที่อันแสนเจ็บปวดได้เสร็จสิ้นลง เธอลุกขึ้นยืนหยิบทิชชูที่ทางโรงแรมเตรียมไว้ให้มาเช็ดใบหน้าและหยาดน้ำตา ปรับสีหน้าที่หมองเศร้าให้เป็นปกติ เดินออกไปจากห้องน้ำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทุกอย่างจบลงตามแผน ไม่ต้องต่อสู้กับคนของเรียว ไม่ต้องมีลูกน้องของใครเสียชีวิต มีเพียงเป้าหมายในการสังหารคนเดียวเท่านั้น
ลูกน้องของเรียวที่ยืนอยู่ใกล้กับห้องน้ำหญิงรู้สึกถึงความผิดปกติบางอย่าง ร่วมสิบห้านาทีแล้วที่สุชาลินีเข้าไปทำธุระในห้องน้ำ แต่ยังไม่มีวี่แววจะออกมา มีเพียงหญิงสาวชุดราตรีสีแดงเพลิงที่ออกมาเมื่อประมาณห้านาทีก่อนเท่านั้น ทั้งสองชั่งใจอยู่ว่าจะเข้าไปดีหรือไม่ ก่อนที่ทั้งคู่จะตัดสินใจว่าจะทำอย่างไร หญิงสาวกลุ่มหนึ่งได้เดินเข้าไปในห้องน้ำเสียก่อน ลูกน้องของเรียวจึงหยุดความคิดที่จะเข้าไปในห้องน้ำหญิงทันที
“กรี๊ด...” เสียงกรีดร้องดังออกมาจากห้องน้ำหญิง ทำให้ลูกน้องของเรียววิ่งเข้าไปในห้องน้ำหญิงทันที ภาพที่ทั้งคู่มองเห็นนั้นเรียกความตกใจให้กับเขาทั้งสองยิ่งนัก
“นางิ มึงไปตามคุณเรียวมาที่นี่เร็วๆ” นัทซึเมะเอ่ยบอกเพื่อน ก่อนที่ตัวเองจะอุ้มร่างโชกเลือดของสุชาลินีออกจากห้องน้ำ ไม่นานเกินรอร่างของเรียวพร้อมกับลูกน้องคนอื่นๆ วิ่งออกมาจากห้องจัดเลี้ยง ใบหน้าและท่าทางเต็มไปด้วยความตื่นตกใจ ร้อนอกร้อนใจสาวเท้าวิ่งไปที่ห้องน้ำอย่างรวดเร็ว
“ปิ่น ปิ่น” เรียวตะโกนดังลั่นเมื่อเห็นนัทซึเมะวางร่างที่อาบไปด้วยเลือดของสุชาลินีที่พื้นพรม ก่อนที่เขาจะโอบร่างหญิงสาวคนรักเอาไว้ในอ้อมแขน มองดูเลือดที่ไหลออกมาจากหน้าอกบริเวณที่ถูกยิง มันเกิดอะไรขึ้น มันเกิดอะไรขึ้น
“กูบอกให้พวกมึงดูแลเมียกูดีๆ แล้วมันเกิดขึ้นได้ยังไง มันเกิดขึ้นได้ยังไง?” เรียวระเบิดเสียงดังสุดเสียง หน้าตาแดงก่ำด้วยความโกรธ ลูกน้องทั้งคู่ตอบคำถามไม่ได้ได้แต่ยืนก้มหน้าอย่างเดียว เพราะเขาทั้งสองเองก็ไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น มารู้อีกทีเมื่อได้ยินเสียงกรีดร้อง เรียวพยายามรวบรวมสติ จับชีพจรที่ข้อมือของคนรักสาว เมื่อรู้ว่าชีพจรของเธอนั้นยังเต้นอยู่ ทว่ามันเบาแสนเบา เบาจนหัวใจเขาแทบขาด