น้อยใจแต่พูดอะไรไม่ได้..
การที่เห็นสิงหราชสนิทกับหญิงอื่นทำให้ปลายฟ้าแอบน้อยใจ แต่สุดท้ายก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากนั่งรอให้เขามาเรียก
ปลายฟ้าตักข้าวคำเล็กเข้าปากเพราะรู้สึกไม่อยากอาหารจนทำให้ทานอะไรไม่ค่อยลง รอเวลาที่สิงหราชจะคุยธุระกับเธอคนนั้นเสร็จ ขณะเดียวกันสายตาก็เหม่อลอยไม่ได้โฟกัสสิ่งอื่นรอบตัว ในหัวกำลังปะติดปะต่อเรื่องราวความน่าจะเป็นไปด้วย
คิดซ้ำซากจนสมองมันเริ่มต่อต้านด้วยการประท้วงให้ขมับปวดหน่วงขึ้นมา
เธอไม่ควรหมกตัวใกล้สิงหราชเกินไป แต่ควรจับตามองคนรอบข้างเขามากกว่า เพราะครั้งที่แล้วเธอพยายามอยู่กับเขาตลอดเวลา แต่สุดท้ายความตายก็พรากไปได้อยู่ดี
“ต่อให้อยู่กับเขาตลอดเวลา ยังไงเขาก็จะตาย..” ปลายฟ้าเริ่มคิดหนักขึ้นจนคิ้วขมวดเข้าหากันแน่น
หรือเธอควรจะขังตัวเองอยู่กับเขาทั้งวัน ฟังดูเป็นความคิดที่ประหลาดแล้วก็น่าจะตัดทิ้งออกไปได้เลย เพราะหากทำจริงมีหวังสิงหราชได้พาเธอไปตรวจเช็คคลื่นสมองแทนแน่นอน
“ฉันควรหาคนร้ายเพื่อหยุดการตายของเขาสินะ”
ริมฝีปากเรียวเล็กขบกัดอย่างคิดไม่ตก เผลอขยุ้มกลุ่มผมจนมันฟูออก พลางลอบถอนหายใจทิ้งเฮือกใหญ่
“อ่า แล้วใครกันล่ะ ใครกันที่อยากให้เฮียตาย..” หญิงสาวขมวดคิ้วมุ่น สีหน้าเคร่งเครียดจนคิ้วแทบไม่ได้คลายออกจากกัน
“ฉันจะไปส่งลิน เธอเองก็ควรกลับได้แล้ว” เสียงทุ้มต่ำของสิงหราชที่ดังขึ้น ฉุดสติปลายฟ้าที่ลอยปลิวไปไกลให้กลับมา
เธอขยับสายตามองคนตรงหน้า ก่อนเอียงศีรษะเล็กน้อย “คะ”
“ทานข้าวอิ่มหรือยัง”
“อิ่มแล้วค่ะเฮีย”
“ของล่ะ เก็บไปหมดแล้วใช่มั้ย”
ปลายฟ้าเม้มริมฝีปากเข้าหากัน พลางพยักหน้ารับคำแล้วเรียกรั้งสิงหราชไว้ตอนที่เขากำลังจะหมุนตัวกลับ
“เฮีย”
เจ้าของใบหน้าหล่อเหลาเลิกคิ้วขึ้นเชิงให้เธอพูดต่อ
“มัดผมให้หนูหน่อยได้มั้ย” ปลายฟ้าบอกเสียงค่อย ก่อนจะเหลือกตามองผมเผาตัวเองที่ดูยุ่งเหยิงไม่เป็นทรง เพราะดันเผลอขยุ้มมันตอนคิดเรื่องสิงหราชเพลินไปหน่อย
“มือเจ็บหรอ” เขาถามพลางหลุบตามองมือเล็กทั้งสองข้างที่ยังปกติดีทุกอย่างแล้วมุ่นคิ้วสงสัย
“แค่ขอให้เฮียทำ ต้องมือเจ็บด้วยเหรอคะ”
“แค่ถามว่ามือเจ็บหรือเปล่า ไม่ได้บอกว่าจะไม่ทำ”
“ถ้างั้นขอหางม้าแบบมีปอยหวานด้วยนะเฮีย”
“ปอย.. ปอยอะไรนะ”
ไม่ทันจะได้เข้าใจในสิ่งที่ปลายฟ้าพูด คนตัวเล็กก็รีบลุกพรวดพราดวิ่งเข้าไปในห้องนอน ทิ้งให้สิงหราชยืนงุนงงอยู่คนเดียว ก่อนเขาจะเผลอหลุดยิ้มออกมาแล้วรีบกลับไปทำหน้านิ่งทันทีที่รู้ตัว
นิยามผู้ชายปากไม่ตรงกับใจถ้าไม่ใช่สิงหราชแล้วจะเป็นใครไปได้
เจ้าของส่วนสูงราวกับนายแบบเดินตามหลังปลายฟ้าเข้ามาในห้อง เขาใส่เสื้อเชิ้ตสีขาวที่รับกับไหล่กว้าง ทั้งสะโพกแกร่งยังดึงดูดสายตายามเคลื่อนย้ายร่างกายไปมา รวมถึงใบหน้าที่ทำให้สิงหราชดูดีจนเรียกความสนใจจากปลายฟ้าไปจนหมด
“ถ้าไม่ชอบหวีตอนผมยาว ทำไมไม่ตัดสั้น” สิงหราชเอ่ยบอกเสียงเรียบ ขณะใช้หวีสางเส้นผมยาวสลวยอย่างเบามือ
“เฮียชอบสาวผมสั้นเหรอคะ” ปลายฟ้าเบิกตาโตแล้วฉีกยิ้มกว้าง “ชอบประบ่าหรือซอยสั้นเลยคะ”
“ไม่เข้าใจคำถามฉันเหรอปลายฟ้า” คนถามถึงกับส่ายหน้ากับคนที่เผยมุมร้ายเดียงสาออกมาให้เห็น
“หนูไว้ได้ทั้งยาวแล้วก็สั้นเลยค่ะ ถ้าเฮียชอบสาวผมสั้น หนูก็จะตัดให้”
“เหอะ”
“โอ้ย”
นิ้วเรียวบีบแก้มนิ่มจนเจ้าของแก้มร้องเสียงหลง แล้วยู่ริมฝีปากอย่างแง่งอนพลางใช้มือนวดแก้มไปด้วย
ทั้งคู่กลับเข้าสู่โหมดเงียบอีกครั้ง โดยที่ปลายฟ้าเอาแต่นั่งยิ้มกว้างอย่างไม่รู้จักเมื่อยแก้ม ขณะมองสิงหราชผ่านกระจกตรงหน้า เห็นอีกฝ่ายกำลังตั้งอกตั้งใจหวีผมเธอด้วยสีหน้าเคร่งเครียดเหมือนทุกครั้งที่เจ้าตัวได้ทำ
เข้าใจแล้วว่าอยากหยุดเวลาไว้ตรงนี้มันเป็นยังไง..
ดวงตากลมโตเจือรอยความเศร้าเคล้าคลอหยาดน้ำตา หลังจ้องมองทุกการเคลื่อนไหวของสิงหราชไม่สายตาไปไหน กับความรู้สึกมากมายที่เอ่อล้นจนจุกลำคอ
ทนไม่ไหว..
ถ้าหากจะต้องนั่งมองรูปเขาในงานศพอีกครั้ง หัวใจดวงน้อยของปลายฟ้าคงรับมือกับมันไม่ไหวแน่
ตอนนี้ปลายฟ้าไม่ต่างอะไรจากคนที่ถูกปิดตาแล้วพาไปทิ้งกลางป่าเพื่อหาทางออก ในป่าทั้งมืดแล้วก็เหน็บหนาว มีแค่เธอคนเดียวที่ต้องหาทางออกไปจากที่นี่ให้ได้
ทั้งที่กลัวความมืดแทบตายแต่ต้องตะเกียกตะกายหาแสงสว่าง หวังเพียงได้เห็นแสงของอาทิตย์โลมเลียผิวกายอีกครั้ง
ขอให้มันช่วยยุติฝันร้ายในวันวานที
“ปลายฟ้า..”
“.....”
“ปลายฟ้า”
สิงหราชกดเสียงต่ำเรียกคนที่ดูเหม่อลอยให้ได้สติ แต่ยังไม่ทันที่จะได้พูดอะไรไปมากกว่านี้ น้ำตาเม็ดใสก็ร่วงเผาะลงบนใบหน้าขาว โดยที่ปลายฟ้าไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่ากำลังร้องไห้ต่อหน้าสิงราชในเวลานี้
“ร้องไห้ทำไม” สิงหราชเสียงอ่อนลงทันทีที่เห็นว่าเธอกำลังร้องไห้ออกมา นัยน์ตาคมวูบไหวคล้ายว่าหาคำตอบว่าตัวเองทำอะไรผิดไปหรือเปล่า
“คะ” ปลายฟ้ากะพริบตาถี่ๆ ก่อนจะรีบยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาทันทีที่รู้สึกตัว
“เธอร้องไห้” ใบหน้าคมคายขมวดคิ้วเข้าหากัน “หรือฉันดึงผมเธอแรงเหรอ เจ็บใช่มั้ย”
“ไม่.. หนูไม่เจ็บค่ะ”
“แล้วร้องไห้ทำไม”
“ช่วงนี้อารมณ์มันอ่อนไหวง่ายมั้งคะ อยู่ดีๆ ก็อยากร้องไห้เฉยเลย” ปลายฟ้าพูดทั้งที่พยายามกลั้นเสียงสะอื้น จนกลายออกมาเป็นภาพที่น่าเอ็นดูในสายตาสิงหราช
เขากวาดสายตามองซ้ายขวา ก่อนจะหยิบทิชชู่ให้คนที่บอกว่าอารมณ์อ่อนไหวซับน้ำตา
เธอรับไว้พร้อมกับก้มหน้าร้องไห้เงียบๆ แอบชำเลืองสายตาขึ้นมองเพราะกลัวจะถูกสิงหราชดุ ฉับพลันภาพริมฝีปากนุ่มหยุ่นที่ทาบทามลงมาก็แวบเข้ามาในหัว จนปลายฟ้ารีบหันหน้าแดงๆ ของตัวเองหลบสายตาอีกฝ่ายทันที
ตั้งแต่เช้าจนถึงตอนนี้สิงหราชยังทำตัวเป็นปกติ เหมือนไม่ได้จูบเธอเสียด้วยซ้ำ
“ผมหนู..” ทันทีที่ปลายฟ้าเห็นภาพผมเปียตัวเองในกระจก เธอก็เบะริมฝีปากแล้วปล่อยโฮออกมาหนักกว่าเดิม
“นี่..” สิงหราชเริ่มลนลานราวกับตนเองไปรังแกหญิงสาวที่อายุน้อยกว่า เมื่อเธอเริ่มร้องไห้เสียงดังขึ้นจนมิลินที่นั่งรอเขาอยู่ข้างนอกถือวิสาสะวิ่งเข้ามาดู
“ฉันเปล่านะ” สิงหราชรีบยกมือปฏิเสธใส่มิลินที่มองเขาตาขวางราวกับจะจับผิด
“สิงห์แกล้งน้องเขาเหรอ”
“ฉันเปล่า.. นี่ก็..” นี่มันสุดความสามารถของผู้ชายคนนึงแล้ว หมายถึงฝีมือการถักเปียที่พยายามเท่าไหร่ แต่ก็เหมือนจะถูกความพยายามทรยศตลอดเลย
ใช่ สิงหราชอยากตอบกลับไปแบบนั้น แต่เขาเลือกที่จะนั่งยองลงตรงหน้าปลายฟ้า รวบมือทั้งสองข้างของเธอมาวางไว้บนตัก
“ร้องไห้เพราะไม่ชอบเปียที่ฉันถักให้เหรอ”
ปลายฟ้าส่ายหน้า พลางยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาที่อาบแก้มอย่างน่าอาย
“ถ้างั้น..”
“ถ้างั้นลินถักให้น้องดีกว่าค่ะ”
มิลินที่มองหญิงสาวรุ่นน้องแล้วถอนหายใจออกมา ดูแล้วทำให้เธอนึกถึงตอนเด็กที่เติบโตมาพร้อมกับพ่อ ผู้ชายที่ถักเปียได้เละเทะจนไม่เป็นทรง ตอนนั้นเธอเองก็ร้องไห้งอแงไม่ต่างอะไรกับปลายฟ้าในตอนนี้
“แค่แปปเดียว ไม่นานหรอกค่ะ”
บนรถหรูของสิงหราชมีหญิงสาวกำลังนั่งทานมาการองอย่างอารมณ์ดี ปลายฟ้าระบายยิ้มจนดวงตาเป็นรูปเสี้ยวพระจันทร์ หลังได้ทั้งเปียใหม่โดยฝีมือมิลิน แล้วก็ได้มาการองเป็นค่าปลอบใจจากสิงหราชที่ทำเธอร้องไห้
ตอนนี้ปลายฟ้าได้รู้จักกับมิลินแล้ว เธอเป็นเพื่อนอีกคนของสิงหราชที่น่าจะมาขอความช่วยเหลืออะไรเขาสักอย่างเกี่ยวกับเรื่องลูก
แต่พอว่าที่คุณหมอในอนาคตจะหาเบาะแสจากประโยคสนทนาของพวกเขา ทั้งคู่ก็ดันพูดคุยแต่เรื่องงานที่ทำด้วยกัน จนคนที่อยู่ในรั้วมหาวิทยาลัยได้แต่นั่งหน้าหงอยอยู่ข้างหลังคนเดียว
“ขอบคุณนะสิงห์ที่มาส่ง ไว้เจอกันนะ” มิลินย่อตัวเล็กน้อยเพื่อคุยกับสิงหราชที่ลดกระจกลง
“อืม” สิงหราชขานรับในลำคอ ก่อนจะเหลือบสายตาไปที่กระจกมองหลัง เห็นปลายฟ้ายกมือไหว้แล้วค้อมศีรษะลาคนอายุมากกว่าอย่างนอบน้อม
“บายจ้ะ” มิลินยิ้มให้ปลายฟ้า ก่อนจะเดินกลับเข้าคอนโดของเธอไป
ใบหน้าคมคายส่ายหัวเล็กน้อย จังหวะที่ปลายฟ้าขยับสายตามองเขาแล้วยิ้มกว้างจนดวงตาหยีลงเป็นสระอิ คงอารมณ์ดีเพราะได้กินของอร่อย ถ้าไม่ล่อเธอด้วยของกิน สิงหราชก็คิดไม่ออกแล้วเหมือนกันว่าอะไรจะทำให้หญิงสาวที่กำลังร้องไห้ยิ้มได้
ของหวานกับปลายฟ้าเป็นเหมือนของคู่กัน
“เลอะ”
“คะ”
“บอกว่าเลอะ”
ปลายฟ้ารีบใช้หลังมือเช็ดมุมปากของตัวเองยกใหญ่ จนมั่นใจว่าน่าจะไม่มีเศษขนมติดมุมปาก แต่ทว่าสิงหราชที่เอี่ยวตัวหันกลับมามองกลับกระตุกยิ้มร้าย ก่อนจะขยับตัวเล็กน้อยเพื่อเช็ดบางอย่างบนแก้มนิ่ม
“มันยังเลอะอยู่เหรอคะเฮีย”
“อืม เลอะ”
คนที่กำลังถูกสิงหราชจับแก้มดูสับสน เพราะคำตอบของมันก็คือไม่มีอะไรติดบนใบหน้าเธอ สิงหราชก็แค่เอ็นดูแก้มขาวที่พองออกเพราะกักเก็บอาหารไว้ข้างกระพุ้งแก้ม แต่ไม่รู้จะหาข้ออ้างไหนจะได้จับเท่านั้นเอง
ปลายฟ้าหน้าเห่อแดงหลังดวงตาคู่คมเปรยขึ้นมอง ก่อนจะเผลอกัดริมฝีปากแล้วกะพริบตาสองสามที เพื่อขับไล่ความคิดที่ไม่เข้าท่าในหัวออกไป
“เฮียยิ้มอะไรคะ หน้าหนูดูตลกเหรอไง”
“ฉันไม่ได้ยิ้ม”
“ผู้ใหญ่โกหกไม่น่ารักเลยนะคะ”
“แล้วคิดว่าผู้ใหญ่แบบฉันจะโกหกว่ามีอะไรติดแก้มเธอรึไง”
ปลายฟ้าส่ายหน้าแทนคำตอบ ก่อนยู่ริมฝีปากแล้วยื่นหน้าให้เขาเช็ดได้ตามใจ จนอีกคนถึงกับไปไม่เป็นรีบดันหน้าผากเธอให้ผละออก
“หมดแล้ว” สิงหราชยกยิ้มมุมปาก ก่อนจะถอยตัวกลับไปนั่งที่เบาะตามเดิม สายตาจดจ่อกับพวงมาลัยรถที่ยังไม่เคลื่อนตัวออกไป พลันรอยยิ้มบนใบหน้าเมื่อครู่ก็เลือนรางหายไปทันทีที่มีความคิดบางอย่างแทรกเข้ามาในหัว
ความคิดที่เขาไม่เหมาะสมกับความรัก..
รถยนต์ของสิงหราชขับเข้ามาจอดในรั้วบ้านราพณา ทันทีที่ปลายฟ้าเดินเข้าบ้าน เธอก็พบเข้ากับเธียรที่กำลังเดินออกมาพอดี
“ว่าไงตัวแสบ” เธียรที่เหมือนจะเอ็นดูปลายฟ้ากว่าใครกวักมืออีกฝ่ายให้เข้ามาหา
ใบหน้าหวานระบายยิ้มกว้าง ก่อนจะถูกเธียรก้าวเท้าปราดตรงเข้ามาดึงเธอไปกอดจนแทบจมอกเขา
“พี่เธียรหนูหายใจไม่ออก” ปลายฟ้าเงยหน้าขึ้นมองคนตัวสูงกว่า ก่อนยกมือขึ้นตีแขนอีกฝ่ายที่มักจะหยอกล้อแบบนี้เป็นประจำ
“เมื่อวานหายไปไหนมา มีหนุ่มเหรอ” เธียรก้มหน้าถามเธอ แต่ยังไม่ยอมปล่อยเจ้าตัวออกจากอ้อมแขน
“หนุ่มที่ไหน หนูไปนอนห้องเพื่อนมาค่ะ” ปลายฟ้ายิ้มแฉ่งกลบเกลื่อนพิรุธในแววตา ทีแรกเธียรทำหน้าเหมือนจะไม่เชื่อ แต่ก็ไม่ได้ซักไซ้อะไรต่อ
เธอเป็นคนบอกสิงหราชเองว่าจะไม่บอกเรื่องที่ไปค้างคอนโดของเขากับใคร จะทำทุกอย่างให้เป็นปกติเพื่อสังเกตพฤติกรรมบุคคลรอบข้างสิงหราชทั้งหมด
คำว่ากระดาษมันคมคือไม่ควรวางใจใครเลย..
“เธียร” เสียงเข้มของสิงหราชดังขึ้น เมื่อปลายฟ้าเหลือบหางตามองก็พบว่าสิงหราชเดินเข้ามาประชิดตัวเธอแล้ว
“แล้วทำไมสองคนนี้ถึงมาด้วยกันได้ครับ เฮียไปรับเธอมาเหรอ” เธียรยิงคำถามแล้วยิ้มหวานใส่ เป็นเสน่ห์ประจำตัวที่ทำสาวรักสาวหลงมานับไม่ถ้วน
“ยังไงเฮีย มาด้วยเหรอครับ”
“พี่เธียร”
แม้ว่าสิงหราชจะไม่ชอบการโกหก แต่บางอย่างเขาก็ไม่ควรพูดออกไปหากทำให้อีกคนไม่สบายใจ
แน่นอนว่าสิงหราชเลือกที่จะไม่ตอบแล้วใช้ความเงียบในแบบที่เขาถนัดตอบพูดแทน ก่อนเสตามองปลายฟ้าที่ถูกกอดด้วยสายตาเชิงไม่สบอารมณ์ แต่แทบจะมองไม่ออกเลยว่าสิงหราชกำลังไม่พอใจอยู่
“พี่เธียรรู้ยังว่าสกินเมจตัวใหม่กำลังจะเข้าแล้วนะคะ” ปลายฟ้าโพล่งขึ้นเพื่อฉุดความสนใจเธียรที่คาดคั้นสิงหราชอยู่
“รู้แล้วดิ เอาหรือเปล่าล่ะ” เธียรละความสนใจจากสิงหราช แล้วหันมาสนใจคนตัวเล็กแทน
“เปย์เหรอ”
“แล้วจะได้อะไร”
“คะ”
“ของตอบแทนไง”
“อะไร..” ใบหน้าขาวมีเลือดฝาดบนแก้มนิ่มเอียงศีรษะด้วยความสงสัย ก่อนที่สิงหราชจะคว้าแขนเธอให้หลุดออกจากพันธนาการของเธียร แล้วมายืนอยู่ข้างเขาแทน
เธียรแสยะยิ้มมุมปาก นัยน์ตาฉายแววความคิดบางอย่างที่คล้ายว่าไม่สบอารมณ์เช่นกัน
“อะไรของเฮียเนี่ย ปลายฟ้าก็เหมือนน้องสาวผมเหมือนกัน กอดได้คนเดียวเหรอไงครับ” เธียรพูดพลางยิ้มกว้าง กลบเกลื่อนสีหน้าและแววตาของเขาเมื่อครู่
“ฉันไม่คิดว่าความคิดเราเหมือนกันที่บอกว่าเหมือนน้องสาว”
“แล้วเฮียรู้เหรอว่าผมคิดอะไรอยู่”
“เหอะ”
ชายหนุ่มที่อายุต่างกันหลายปีฟาดฟันกันผ่านสายตาอย่างไม่มีใครยอมใคร สิงหราชรู้ดีว่าเบื้องหลังของเธียรเป็นผู้ชายแบบไหน การใช้คำพูดสองแง่สองง่ามกับเธอ รวมถึงสายตากะลิ้มกะเหลี่ยปลายฟ้าทำให้สิงหราชกลัวเจตนาหวังดีแต่ประสงค์ของเจ้าตัว
ผีที่มันเห็นผีด้วยกันแค่มองปราดเดียวก็รู้ว่าคิดอะไรอยู่
“สิงห์”
“เฮียธีร์..”
เสียงเรียกชื่อดังขึ้นจากบุคคลที่สาม ก่อนหมัดหนักของธีระจะชกเข้าที่ใบหน้าสิงหราชจนเลือดกลบมุมปาก
“เฮียสิงห์” ปลายฟ้าร้องเสียงหลงหลังธีระเข้าไปกระชากคอเสื้อสิงหราชด้วยสายตาเคียดแค้น ลมหายใจร้อนผ่าวราวกับโทสะที่ผ่อนปรนออกมา
“เห้ย เฮียต่อยกันทำไมวะ” เธียรรีบเข้าไปช่วยห้าม แต่ก็โดนผลักออกมาจนขมวดคิ้วมุ่นด้วยความไม่เข้าใจ
“มึงประจบพ่อกูยังไงวะ พ่อกูถึงอยากจะยกบริษัทให้มึงขนาดนี้” ธีระว่าอย่างเหลืออด เขาไม่เหมือนคนเดิมที่ปลายฟ้าเคยเห็น
มีแค่เหตุการณ์บนโต๊ะอาหารที่ปลายฟ้าเห็นธีระแสดงอารมณ์โกรธ ทว่าบุคคลที่เป็นพี่ใหญ่ของบ้านไม่เคยสาดอารมณ์แบบนี้ให้เห็นมาก่อน
“พี่พูดถึงเรื่องอะไร” สิงหราชขมวดคิ้วมุ่น ไม่โต้ตอบธีระที่กระชากคอเสื้อเขา
“มึงไม่ใช่คนของราพณาด้วยซ้ำ มึงไม่ใช่คนในครอบครัวกูด้วยซ้ำ.. มึงก็แค่.. หมาที่เก็บมาเลี้ยง”
สิงหราชชะงักงันไปชั่วขณะกับประโยคที่บอกว่าเขาไม่ใช่คนในครอบครัวนี้ ก่อนจะเหลือบมองทั้งปลายฟ้าและเธียรด้วยสายตาคาดเดาได้ยากว่าคิดอะไรอยู่
“พี่ใจเย็นก่อนได้มั้ย มีอะไรไปคุยที่ห้องทำงาน อย่าทะเลาะต่อหน้าเด็กมัน”
“คิดว่ากูสนเหรอวะ”
“แต่ผมสนไง”
“เฮียธีร์อย่าค่ะ” ปลายฟ้าที่ยืนมองเหตุการณ์ตรงหน้าคล้ายคนจะร้องไห้อยู่รอมร่อเบิกตาโต ก่อนจะเข้าไปห้ามธีระที่ง้างหมัดทำท่าจะซัดใส่สิงหราชอีกรอบ แต่แล้วก็ถูกแรงเหวี่ยงจากธีระจนร่างล้มลงกระแทกกับพื้น ถึงทำให้ธีระที่อารมณ์ร้อนรีบหันกลับไปมองเธอด้วยสายตารู้สึกผิด
“ปลายฟ้า” ธีระคลายมือที่กระชากคอเสื้อสิงหราชออก ก่อนจะถูกอีกฝ่ายปัดมือเขาทิ้ง
“ปลายฟ้า..” สิงหราชรีบเข้าไปประคองปลายฟ้า แล้วตวัดสายตามองธีระอย่างคาดโทษ
“ผมว่าเฮียใจร้อนเกินไปแล้วนะ” เธียรบอกก่อนจะหลุบตามองคนตัวเล็กที่นั่งก้มหน้า พลันน้ำตาก็หยดแหมะลงมา ยิ่งทำให้ทั้งสามคนตื่นตระหนกเข้าไปใหญ่
โดยเฉพาะสิงหราช..
“เฮียธีร์เป็นอะไรไปคะ ทำไมเป็นแบบนี้..” ปลายฟ้าเงยหน้ามองธีระทั้งน้ำตา ต่อให้ดูเย็นชาแค่ไหน แต่ธีระก็เป็นเหมือนพี่ชายที่อ่อนโยนต่อเธอมาโดยตลอด
แต่ทำไมวันนี้เขากลับเปลี่ยนไป..
“ฉันขอโทษ.. ฉันแค่..”
ใบหน้าของธีระเต็มไปด้วยความตระหนก คล้ายอาการของคนที่สะสมความเครียดเอาไว้จนระเบิดออกมาอย่างเก็บไม่อยู่
คนที่อารมณ์นำเหตุผลมักจะรู้สึกผิดหลังกระทำผิดพลาดลงไป นั่นเป็นข้อเสียที่ธีระรู้ตัวแต่มันก็แก้ไม่หายสักที ถ้าหากเขายังถูกกดดันอยู่แบบนี้
เขาเองก็ทำงานอย่างหนักเหมือนกัน เขาเองก็พยายามไม่ต่างกัน แต่ทำไมคนที่ไม่ใช่แม้กระทั่งสายเลือดของราพณากลับได้ครอบครองทุกอย่างไป
ทำไมกัน..
“เธอจะไปไหน” สิงหราชขมวดคิ้วแน่น หลังปลายฟ้าลุกขึ้นทำท่าจะเดินตามธีระไป
“เฮียธีร์รอหนูด้วยค่ะ” คนตัวเล็กวิ่งตามหลังธีระออกมายังหน้าบ้าน ก่อนจะเดินไปขวางไม่ให้อีกฝ่ายขึ้นรถ
“ตามฉันมาทำไม” คิ้วเข้มงุ้มงอเข้าหากัน ในแววตาดูอ่อนลงกว่าตอนที่สาดอารมณ์เมื่อครู่
“เฮียสิงห์ไม่รู้เรื่องนี้มาก่อนนะคะ คุณลุงต่างหากที่อยากให้เฮียสิงห์ขึ้นบริหาร เพราะมันเป็นคำสั่งเฮียสิงห์ถึงปฏิเสธไม่ได้ค่ะ แต่ถ้าเปลี่ยนใจคุณลุงได้..” ปลายฟ้าอธิบายยาวเหยียดพลางหอบหายใจเหนื่อย
การเปลี่ยนเส้นทางของโครงสร้างอันบิดเบี้ยวส่งผลให้เกิดเรื่องเลวร้ายกว่าเดิม
จำได้ว่าตอนที่ธีระรู้ว่าท่านเกษมจะให้สิงหราชขึ้นดูแลบริษัทชั่วคราวเพราะจะพักรักษาตัว ธีระทำได้แค่แสดงอารมณ์ไม่พอใจ แต่สุดท้ายก็ไม่มีเหตุให้ต้องวิวาทกัน
แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ปลายฟ้าเห็นพี่น้องทะเลาะกัน หนักถึงขึ้นลงไม้ลงมือ
“เธอรู้เรื่องนี้ได้ยังไง รู้ได้ยังไงว่าพ่อฉันให้สิงหราชขึ้นดูแลราพณาชั่วคราว” ธีระขึ้นเสียงใส่ ก่อนจะจับแขนเธอแล้วเผลอออกแรงบีบอย่างลืมตัว
“คะ”
“ตอบฉันมา”
“เฮีย.. เฮียธีร์”
“หรือเธอเองก็รวมหัวกับมันด้วยอีกคน”
“เปล่านะคะ หนูจะทำแบบนั้นทำไม” ปลายฟ้าส่ายหน้าสายตาดูหวาดกลัวกลับอีกมุมของธีระ เป็นจังหวะเดียวกันกับที่สิงหราชและเธียรเดินออกมาจากบ้านพอดี
ธีระที่เห็นอีกสองคนแสยะยิ้มมุมปาก ก่อนจะโน้มใบหน้าเข้าหาปลายฟ้า วางริมฝีปากไว้ข้างใบหูคนตัวเล็กที่สั่นเทาด้วยความกลัว
“รู้มั้ยคนประเภทไหนน่ากลัวที่สุด”
“.....”
“ประเภทเดียวกันกับคนอย่างมัน พวกที่จนตรอก.. จนทำได้ทุกอย่าง”
สิงหราชชะงักฝีเท้าเล็กน้อยตอนที่เห็นปลายฟ้าผลักธีระออก ก่อนจะมองทั้งคู่ด้วยสายตาพิจารณาว่าทำไมปลายฟ้าถึงได้ทำตัวแปลกตั้งแต่วันแรกที่เขากลับมาจากอเมริกา
เธอคิดจะทำอะไรกันแน่
“ไม่แรงไปหน่อยเหรอคะ เฮียสิงห์ไม่ได้ทำอะไรผิดด้วยซ้ำ ทำไมเฮียธีร์ต้องทำแบบนี้ด้วย”
“มันผิดสิ”
“.....”
“ผิดตั้งแต่ก้าวขาเข้ามาในราพณาแล้ว”
เรียวคิ้วสวยคลายออกพลันดวงตาก็เบิกโพลง หลังได้ยินประโยคนี้ออกจากปากบุคคลที่ไม่คาดคิดว่าจะพูดออกมา
“ผิด.. ที่มันไม่ตามครอบครัวตัวเองไป” ธีระกัดฟันกรอด ก่อนแสยะยิ้มหลังพูดจบ
“ใจร้ายเกินไปแล้วนะเฮียธีร์ พูดแบบนั้นออกมาได้ยังไง”
คนที่ประสบเหตุการณ์เดียวกันกับสิงหราชเดือดดาล สายตาฉายแววไม่พอใจอย่างปิดเอาไว้ไม่มิด
“เพราะงั้นเฮียธีร์ก็เลยอยากให้เขาตายใช่มั้ยคะ ถ้าไม่มีเฮียสิงห์.. เฮียธีร์ก็จะได้ทุกอย่าง”
“ใช่ ถ้าไม่มีมันสักคน ฉันก็คงไม่ต้องเหนื่อยขนาดนี้”
สิ้นประโยคนั้นปลายฟ้าก็ถึงกับกำหมัดแน่น เพราะอีกฝ่ายดันตอบกลับโดยไม่ฉุกคิดแต่อย่างใด สายตามีแต่ความมุ่งร้ายจนปลายฟ้าเริ่มหวั่นใจว่าหลังจากนี้อาจจะเกิดอะไรที่ไม่คาดคิดก็ได้
บางอย่างที่คาดไม่ถึง..
ดวงตาคู่สวยที่เปื้อนไปด้วยน้ำตาถูกเช็ดออก ก่อนแววตาจะแปรเปลี่ยนเป็นจริงจังฉาบความเศร้าที่รู้สึกผิดหวังในตัวคนตรงหน้า
“ถ้าเฮียสิงห์เป็นอะไรไป.. คนแรกที่หนูจะสงสัยก็คือเฮียธีร์”
ธีระยืนนิ่งแต่แววตาสั่นไหวไปมา
“ต่อให้เฮียฆ่าเขาซ้ำๆ หนูก็จะกลับไปช่วยเขาให้ได้ ถึงวันนั้นหนูจะทำให้คนที่ทำร้ายเขา.. ชดใช้อย่างสาสม”