“วงเจพีเคคือวงดนตรีจากประเทศเกาหลีใต้ มีสมาชิกเจ็ดคน เป็นสมาชิกสัญชาติเกาหลีใต้ 5 คน ไทย 1 คน และจีน 1 คน วงเจพีเคมีผลงานครั้งแรกเมื่อห้าปีที่แล้ว ปัจจุบันได้รับความนิยมอย่างมากในประเทศไทย โดยชื่อวงเจพีเคมาจากอักษรตัวแรกของชื่อจริงจากสมาชิกทั้งเจ็ดคนที่มีชื่อว่า แจยอน จุนโฮ จีมิน จิน คังมิน และพีท” แพรดาวไม่สนใจเจตริน พยายามไม่สบตาเพราะมีแต่จะบั่นทอนความตั้งใจเปล่า ๆ แต่จนแล้วจนรอด กลุ่มศิลปินดังจากประเทศเกาหลีก็ไม่สามารถดึงดูดความสนใจจากใครได้... แม้กระทั่งกันตพล
ทุกคนเห็นชอบตรงกันว่าสำหรับบริษัทที่เพิ่งเข้าสู่อุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มได้ไม่กี่ปี การทุ่มงบประมาณจ้างคนดังระดับนี้เป็นสิ่งเกินตัว และอาจจะส่งผลต่อการเงินของบริษัทในอนาคต
“ผม...” หลังจากตั้งใจฟังอยู่หลายนาที ผู้บริหารก็อยากพูดอะไรบางอย่าง ทว่าก็เงียบไปเพื่อไตร่ตรองให้ดีก่อนออกความเห็น
แพรดาวดูออกว่ากันตพลกำลังจะปฏิเสธข้อเสนอ แต่กำลังหาคำพูดมาถนอมน้ำใจเลยพูดต่อโดยไม่รีรอ
“แพรเข้าใจนะคะว่าทุกคนในที่นี่อาจจะมีอคติกับคำว่านักร้องเกาหลี แต่ถ้ามองในแง่ของธุรกิจ พวกเขาสามารถทำเงินให้กับสินค้าได้มหาศาล และทุกคนคงเคยเห็นแล้วว่าบริษัทที่กล้าลงทุนจ้างนักร้องเกาหลีมาเป็นพรีเซนเตอร์ ไม่ว่าสินค้าจะราคาแพงมากแค่ไหน ยังไงยอดขายทะลุเป้าหมายที่วางไว้ เพราะกลุ่มแฟนคลับพร้อมสนับสนุนศิลปินที่พวกเขาชื่นชอบเสมอค่ะ ยกตัวอย่างเช่นเครื่องสำอางยี่ห้อนี้นะคะ ทางแบรนด์จัดกิจกรรมให้ลูกค้าที่มียอดซื้อสูงสุดสิบคนแรกได้วิดีโอคอลพูดคุยกับศิลปิน และนี่คือจำนวนเงินที่ลูกค้าทั้งสิบคนจ่ายเพื่อแลกกับสิทธิ์นั้น ซึ่งเป็นแผนการตลาดแบบเดียวกับทีมของคุณเจตค่ะ”
หน้าจอใหญ่กลางห้องประชุมแสดงชื่อและลำดับหนึ่งถึงสิบ ซึ่งลูกค้าที่มียอดซื้ออันดับหนึ่ง ซื้อสินค้าไปในหลักล้านบาท อันดับสองเป็นจำนวนเงินต่างกันไม่ถึงสองแสนบาท และอันดับที่สิบมียอดซื้ออยู่ที่หกแสนบาท นับรวมทุกอันดับก็เป็นเม็ดเงินเกือบสิบล้านบาทเลยทีเดียว
“ส่วนนี่เป็นตัวอย่างของอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ค่ะ จะเห็นว่าราคาของสินค้าตัวนี้จับต้องได้กว่าสินค้าตัวแรก ราคาไม่เกินสองร้อยบาท แม้จะไม่มีกิจกรรมสำหรับผู้ที่ซื้อเยอะที่สุด แต่เพิ่มยอดขายด้วยการมีของแถมเป็นรูปภาพของศิลปินให้เก็บสะสม แฟนคลับเลยยอมซื้อมากกว่าหนึ่งชิ้นเพื่อสะสมรูปให้ครบค่ะ”
“ผมพอเข้าใจมากขึ้นแล้วนะครับ แล้วกิจกรรมสำหรับสินค้าเราที่ทีมคุณแพรวางไว้คืออะไรครับ”
“เราจะจัดกิจกรรมสนับสนุนการขาย ด้วยการให้ลูกค้าส่งใบเสร็จร่วมลุ้นเป็นผู้โชคดีมาร่วมงานแถลงข่าวเปิดตัว ใช้วิธีนี้แฟนคลับจะชื่นชมแบรนด์ของเรามาก เพราะไม่ใช่แฟนคลับทุกคนที่มีกำลังซื้อ พูดง่าย ๆ ก็คือใช้วิธีซื้อเยอะ มีสิทธิ์ลุ้นเยอะ ซื้อน้อยก็มีสิทธิ์ได้เจอศิลปินที่ตัวเองชอบเหมือนกัน แบบนี้จะได้ใจแฟนคลับทุกกลุ่มค่ะ”
“แล้วทำไมถึงต้องเป็นเจพีเค วงอื่นไม่ได้เหรอครับ”
“วงที่มีชื่อเสียงในประเทศไทย ทำสัญญากับสินค้าอื่นแล้วค่ะ”
“เหรอครับ... แต่เราใช้วิธีการนี้กับพรีเซนเตอร์ที่คุณเจตวางไว้ก็ได้นี่ครับ” กันตพลมองเห็นจุดกึ่งกลาง พรีเซนเตอร์ที่เจตรินเลือก บริษัทจ่ายค่าตัวได้สบาย แต่แผนการตลาดของแพรดาวนั้นน่าสนใจกว่า
“นำมาปรับใช้ด้วยกันได้อยู่แล้วค่ะคุณกันต์” แพรดาวบอกอย่างใจเย็น แม้จะเกิดเหตุการณ์ต้องทำงานร่วมกับเจตรินอยู่บ้าง แต่ครั้งนี้เธอไม่อยากให้เกิดขึ้น จึงรีบบอกเหตุผลที่ทำให้เขาล้มเลิกความคิดนี้ไปซะ
“กระแสนักแสดงจากซีรีส์วายในประเทศไทยนั้นแรงมาก ซีรีส์มีหลายเรื่อง และพวกเขาก็เป็นพรีเซนเตอร์ให้สินค้าอื่นเต็มไปหมด ดูในหน้าจอได้เลยค่ะ”
อีกครั้งที่เธอเตรียมข้อมูลมาหักล้างข้อสงสัยได้เป็นอย่างดี คราวนี้ใบหน้าของนักแสดงชายหลายคนก็ปรากฏบนหน้าจอ พวกเขาจับคู่ยืนเคียงข้างและถือสินค้าต่าง ๆ ไว้ในมือ ทำให้กันตพลรู้สึกว่าสินค้าของตัวเองจะดูซ้ำซาก
“แฟนคลับเขาจำได้ครับว่าคนที่เขาชอบหน้าตาแบบไหน พวกเขาไม่ได้หน้าตาเหมือนกันนะครับ” เจตรินรีบป้อนข้อมูลใส่หัวเจ้านาย เพราะรูปบนหน้าจอทำให้นักแสดงเหล่านั้นดูหน้าตาคล้ายกันไปหมด
“ถูกอย่างที่คุณเจตพูดค่ะ แพรเห็นด้วยมาก ๆ แต่อย่าลืมนะคะว่าแฟนคลับไม่ได้ชอบคนคนเดียว พวกเขาชอบใครได้อีกหลายคน และนี่คือแบบสำรวจที่ช่วยยืนยันเรื่องนั้นค่ะ” เธอเปิดข้อสรุปจากแบบสำรวจจากสี่พันคน และผลออกมาว่า 97% ชื่นชอบศิลปินและนักแสดงไทย และชอบศิลปินกับนักแสดงเกาหลีด้วย มีแค่ 3% เท่านั้นที่ไม่ชื่นชอบความบันเทิงจากประเทศเกาหลี และจาก 97% ก็มีคนชื่นชอบวงเจพีเคอยู่ถึง 41%
“และที่แพรเลือกเจพีเค เพราะในวงมีสมาชิกเป็นคนไทยค่ะ”
“แล้วดีกว่าวงที่มีแต่คนเกาหลียังไงครับ”
“ก็... คนบ้านเดียวกันไงคะ หรือเหตุผลจริง ๆ คือพีทเป็นคนไทยที่มีผู้ติดตามในโซเชียลมีเดียต่าง ๆ มากที่สุดในประเทศเลยค่ะ มีคนกดไลก์รูปที่เขาโพสต์ไม่ต่ำกว่ารูปละหนึ่งล้านคน นั่นคือปริมาณคนที่จะเห็นผลิตภัณฑ์ของเราจากรูปเพียงรูปเดียวค่ะ”
“แล้วเราจ้างคุณพีทคนเดียวไม่ได้เหรอครับ”
“ไม่ได้ค่ะ เป็นความตั้งใจของคนในวงว่าจะทำงานด้วยกันเจ็ดคนเท่านั้นค่ะ”
“แบบนี้นี่เอง” กันตพลพูดพร้อมอ่านอะไรบางอย่างในรายงาน เขาเคาะปากกาลงไปบนนั้นอย่างใช้ความคิด ก่อนจะเอ่ยคำถามที่ให้เจตรินเก็บเสียงหัวเราะไม่ไหว
“แต่คุณแพร... ลืมไปหรือเปล่าครับว่าบริษัทมีงบการตลาดให้งานนี้ยี่สิบล้านบาท”
“ไม่ลืมค่ะ แต่ด้วยเหตุผลทั้งหมดที่อธิบายไป แพรกับทีมเลยตัดสินใจนำเสนอแผนงานนี้ค่ะ ถึงเสนอไม่ผ่านก็ไม่เป็นไร เพราะเชื่อว่าแผนงานของทีมคุณเจตดีมากพอจะหยิบไปใช้อยู่แล้ว แค่ต้องการเสนอความแปลกใหม่และท้า... ค่ะ” แพรดาวตัดจบดื้อ ๆ แต่มีหรือที่กันตพลจะปล่อยผ่าน
“เมื่อกี้จะพูดอะไรนะครับ?”
“เปล่าค่ะ”
“คุณพูดคำว่า ท้า ท้า... อะไรครับ”
“คือ... ก่อนทำโปรเจกต์นี้แพรได้เห็นสัมภาษณ์ของคุณกันต์ในรายการโทรศัพท์ คุณกันต์บอกว่าจะทำให้บริษัทกลายเป็นสามอันดับแรกในวงการอาหารและเครื่องดื่มภายในห้าปี แต่ผ่านมาสี่ปีแล้วยังอยู่ที่หกอยู่เลย แพรเลยคิดว่าในเวลาหนึ่งปีที่เหลือ ถ้าจะทำอะไรแบบเดิมยังไงก็ปลอดภัยกับธุรกิจ แต่... สามอันดับแรกคงเป็นไปไม่ได้ค่ะ” เธอก้มหน้าก้มตาพูด มองเท้าตัวเอง ไม่กล้าสบตาใครโดยเฉพาะกันตพล
“เงยหน้ามาคุยกันต่อสิครับ ผมยังไม่ได้ว่าอะไรเลย”
“...ค่ะ” แพรดาวทำตามที่เขาบอก ทว่าก็ไม่เก่งกล้าเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว
“ผมสนใจแผนงานของคุณจริง ๆ นะครับ แต่ผมสงสัยว่าคุณทำให้เจพีเคร่วมงานกับเราได้เหรอครับ ในเมื่อพวกเขามีชื่อเสียงขนาดนั้น แล้วบริษัทของเราก็ไม่ได้เป็นเบอร์ต้น ๆ ในวงการ”
“แพรทำได้ค่ะ ขอแค่คุณกันต์ยอมเพิ่มงบการตลาด”
ภายใต้ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความจริงจัง ไม่มีใครรู้ว่ากันตพลกำลังคิดอะไร สิ่งเดียวที่ทุกคนรู้และเห็นพ้องต้องกัน นั่นคือนี่เป็นครั้งแรกที่ผู้บริหารแสดงความเครียดออกมาโดยไม่ปิดบัง
“คุณแพร... เชิญนั่งครับ”
“ขอบ... ขอบคุณค่ะ” แพรดาวยังอยากถกเถียงกับเขาต่อ แต่เมื่อเจ้านายออกปากให้นั่งก็ต้องนั่ง และการประชุมครั้งนี้ก็ได้ข้อสรุปหลายเรื่อง ยกเว้นเรื่องแผนการตลาดที่เขาขอเรียกประชุมอีกครั้ง
“อย่าคิดว่าผมไม่รู้นะครับว่าคุณทำแบบนี้เพราะเป็นแฟนคลับเจพีเค ใช้หน้าที่การงานตอบสนองความต้องการตัวเอง มันไม่เกินไปหน่อยเหรอครับ”
“คุณเจตก็อย่าคิดว่าแพรไม่รู้นะคะ ว่าคุณกับผู้จัดการของน้องสองคนนั้นเป็นเพื่อนสนิทกัน งานนี้วางแผนจะกินเปอร์เซ็นต์ค่าตัวเท่าไหร่ล่ะคะ?”
กันตพลหยุดมองหัวหน้าฝ่ายการตลาดทั้งสองทีมยืนคุยกันอยู่หน้าลิฟต์ แม้จะไม่รู้ว่าทั้งสองคุยอะไรกัน แต่ที่แน่ ๆ ต้องเป็นการปะทะฝีปาก ไม่เช่นนั้นเรื่องคงไม่จบลงด้วยการมองตาขวางและไม่ใช้ลิฟต์ตัวเดียวกัน
“คุณมีปัญหากับคุณเจตเหรอครับ” กันตพลเอ่ยถาม หลังจากเห็นว่ารอบ ๆ ไม่มีใครอยู่ใกล้เลยรีบก้าวยาว ๆ ตามเธอที่กำลังเดินลงบันได
“แพรมีปัญหากับเขาตลอดแหละค่ะ งานเราต้องแข่งกันนี่คะ แล้วแพรก็เป็นคนชอบเอาชนะด้วย” เธอบอกเขาตามตรง ไม่อยากปิดบังเพราะคนทั้งออฟฟิศก็รู้เรื่องนี้อยู่แล้ว
“แต่ผมไม่อยากให้ทะเลาะกันนะครับ”
“ถ้าไม่อยากให้ทะเลาะกัน คุณกันต์ก็ไม่ควรแบ่งทีมการตลาดออกเป็นสองทีมตั้งแต่แรกค่ะ ในวงการการตลาด คนลงสนามต้องการเป็นที่หนึ่งเสมอค่ะ”
“ผมเข้าใจครับ แต่ถ้าผมไม่ทำแบบนี้ จะเป็นการผูกขาดแนวคิดและวิธีการแบบเดิม แล้วผมก็ไม่อยากให้คุณกับคุณเจตมีปัญหากัน”
“เราไม่ได้มีปัญหากันจริง ๆ หรอกค่ะ คุณกันต์ไม่ต้องห่วงนะคะ ถึงจะไม่สนิทกันเท่าไหร่ แต่เราสองคนแยกแยะได้ค่ะ”
“ดีใจที่ได้ยินแบบนี้นะครับ”
“แล้ว... คุณกันต์เป็นยังไงบ้างคะ”
“เรื่องอะไรครับ” เขาทำหน้าสงสัย แต่เมื่อเธอชี้ไปที่ท้องก็ร้องอ๋อในใจ “ดีขึ้นมากแล้วครับ กินยาแล้วครับ”
“ท้องเสียเหรอคะ”
“ครับ”
“หายไว ๆ นะคะ”
“ครับ” เขายิ้มน้อย ๆ เนียน ๆ ไป เธอจะได้ไม่ระแคะระคายว่าไม่ได้ป่วยจริง
“คุณกันต์คะ”
“ครับ...” เขาหันไปมอง พร้อมกับขาที่หยุดไว้หลังจากเดินมาถึงบันไดขั้นสุดท้ายพร้อมกัน และตอนนี้เองที่ได้เห็นว่าแพรดาวคนเดิมกลับมาแล้ว คนที่ปราศจากความเศร้าและสายตาเต็มไปด้วยความมั่นใจอย่างที่เห็นมาตลอด
“แพร!”
แพรดาวกับกันตพลหันไปตามเสียงเรียก และเจ้าของเสียงก็ไม่ใช่ใครอื่น คนรักของแพรดาวนั่นเอง
“อ้าว... สวัสดีครับ” อัศวินทักทายกันตพล ป้ายพนักงานที่ห้อยคอไว้บ่งบอกว่าเขาเองก็ทำงานที่นี่เหมือนกัน แต่ทำในส่วนของโรงงานผลิตที่ตั้งอยู่ชานเมือง นี่จึงตอบข้อสงสัยว่าทำไมเมื่อเช้าเขาถึงอยู่ในลานจอดรถชั้นใต้ดินได้ ทั้ง ๆ ที่ไม่เคยเห็นหน้าในออฟฟิศมาก่อน
“สวัสดีครับ”
“ผมกับแพรขอตัวก่อนนะครับ” เขาไม่ยืดเยื้อให้เสียเวลา คว้ามือแพรดาวมาจับทันทีที่กันตพลหันหลังไป
“เย็นนี้กินอะไรกันดีที่รัก”
“วินอยากกินอะไรล่ะ”
“ชาบูไหม?”
“ได้”
“ไปกัน เดี๋ยวเราขับเอง แพรนั่งสบาย ๆ เลย” อัศวินหยิบกุญแจรถที่แพรดาวถือไว้ พาเธอส่งถึงที่นั่งอย่างทะนุถนอมและเอาใจ เธอเองก็ปล่อยให้เขาทำอะไรที่อยากทำ
และคนที่แอบมองอย่างกันตพลก็ได้แต่นึกสงสัย เมื่อเช้าแพรดาวเห็นเต็มสองตาว่าอัศวินนอกใจ แต่ตกเย็นมาทำเหมือนไม่มีอะไร ไหนล่ะคนที่เมื่อครู่บอกว่าเป็นคนชอบเอาชนะ แล้วเธอมีเหตุผลอะไรถึงยอมให้อัศวินหลอกแบบนี้
ความรักงั้นเหรอ... คนอย่างเธอคงไม่ใจดีแบบนั้นมั้ง