“ใหญ่ติดอันดับต้นๆ ของโคราชเลยแหละ”
“อายเพิ่งรู้ธุรกิจของบ้านฟ้าใสก็วันนี้ค่ะ ฟ้าใสชอบทำตัวติดดินก็เลยไม่รู้ว่าที่จริงแล้วรวยขนาดนี้” อย่างนี้แหละนะ ถึงว่าไม่ควรมองคนอื่นจากภายนอก ไม่อวดไม่ใช่ว่าไม่รวย ในความคิดหล่อนบางทีคนไม่อวดอาจจะมีมากกว่าคนอวดด้วยซ้ำไป ยอมความเข้มแข็งของฟ้าใสจริงๆ ถ้าเพื่อนสาวกลุ่มเก่าของหล่อนรู้เรื่องนี้เข้าจะทำหน้าแบบไหนกันนะ
“ฟ้าใสบอกว่าพ่อแม่ต่างหากล่ะที่รวย ไม่ใช่ตัวเองก็เลยไม่ทำอะไรฟุ้งเฟ้อเกินตัว” เขาเห็นฟ้าใสมาตั้งแต่ยังเด็ก มาห่างช่วงพ่อแม่แยกทางกันต้องไปอยู่กับพ่อที่กรุงเทพช่วยพ่อดูแลงานโรงแรม นานทีปีหนถึงจะว่างหลับมาเยี่ยมแม่ที่โคราช นี่เขาก็ไม่ได้กลับมาเกือบสองปีแล้วมั้ง
“ดีจังเลย...” อารยาทอดสายตามองออกไปนอกตัวรถ อยากถ่ายรูปเก็บบรรยากาศเอาไว้ แต่ก็นึกขึ้นได้ว่าโทรศัพท์ของตัวเองรุ่นเก่ามากใช้ตั้งแต่สมัยเข้าเรียนปริญญาตรีใหม่ๆ ใช้เป็นเครื่องสำรอง ส่วนไอโฟนรุ่นใหม่ล่าสุดขายทิ้งไปเพื่อนำมาสมทบจ่ายเงินเดือนคนใช้ในบ้าน ตั้งแต่พ่อประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต ชีวิตหล่อนก็พลิกผันเกินตั้งตัวได้ จากเคยอาศัยในบ้านใหญ่ก็ต้องระเห็จออกมาอยู่หอพัก ถูกเจ้าหนี้บิดาตามทวงไม่เว้นวัน
กลัว... แต่ในความโชคร้ายนั้นก็มีภีมพลเข้ามาช่วยเหลือใช้หนี้แทนทั้งหมด โอนย้ายให้มาเป็นติดหนี้เขาแทน หลายล้านอยู่นะ
ธรรมชาติจากสองข้างทางกระตุ้นความสนใจของอารยาให้กลับมาอีกครั้ง หล่อนลดกระจกลงสูดดมกลิ่นลมกลิ่นดินกลิ่นหญ้าให้ฉ่ำปอด เพิ่งเคยมาเที่ยวจังหวัดโคราชกับภีมพลครั้งแรกทริปนี้ต้องสนุกมากแน่ๆ “อาภีมขา ทางซ้ายมือข้างหน้ามีไร่องุ่นด้วยค่ะป้ายใหญ่มากเลย”
“อยากเข้าไปเที่ยวไหมล่ะ” ใจดีถาม เอาใจสาวด้วยการเปิดไฟเลี้ยวเข้าไปในถนนเส้นนั้น ชะลอรถเล็กน้อยเครื่องกั้นก็ยกขึ้นอัตโนมัติ สาวสวยตื่นเต้นมากต่อให้เป็นนักท่องเที่ยวก็ไม่ได้มาใกล้ชิดธรรมชาติขนาดนี้หรอก นัยน์ตาคู่หวานทอดมองชื่นชมธรรมชาติอย่างมีความสุข
“ว้าว กว้างจังเลยค่ะ อย่าบอกนะว่าที่นี่เป็นไร่ของคุณแม่อาภีม” หญิงสาวตั้งขอสันนิษฐานซึ่งเขาก็พยักหน้ารับในทันที เคยเจอแม่เขาหลายครั้งที่กรุงเทพตอนท่านมาเยี่ยมภีมพลแต่ไม่เคยมาบ้านท่าน
“ใช่ ข้างในกว้างกว่านี้อีกนะ ไว้จะให้นายภูมิพาเที่ยวแล้วกัน” บอกปัดไม่แคร์ความรู้สึกคนฟัง อารยาเงียบซึมจนถึงบ้านแม่เขา
บ้านคุณดุจตะวันเป็นบ้านไม้หลังใหญ่ขนาดสองชั้นรอบบ้าน มีต้นไม้ร่มรื่นจัดเป็นสวนขนาดย่อมสำหรับพักผ่อนหย่อนใจ เหมือนจะอาศัยกันแค่สามคนคือคุณยายบุหลันคุณดุจตะวันแล้วก็คุณภาคภูมิ
“หน้าตาน่ารักน่าเอ็นดูเหมือนที่แม่ดุจเคยเล่าให้ฟังจริงด้วย มาให้ยายกอดหน่อยนะลูก” คุณยายบุหลันแก่แล้วทว่ายังแข็งแรงเดินเหินเองได้สบายมาก สวมกอดสาวน่ารักจากเมืองกรุง หลังหอมแก้มหลานชายคนโตจนเกือบช้ำภีมพลจึงขออนุญาตปลีกตัวเอาของขึ้นไปเก็บบนบ้าน
“ถ้าหนูน่ารักจริง ขอฝากคุณยายเอ็นดูหนูด้วยนะคะ”
อารยาขี้อ้อนกอดหญิงชรากลับบ้างถูกอกถูกใจคนแก่นัก อยากได้มาเป็นหลานสะใภ้ แว่วๆ แม่ดุจเล่าให้ฟังว่าอาจมีลุ้นกับภีมพล แต่สายตาคนแก่มองยังไงก็มองไม่เห็นว่าภีมพลจะคิดเกินเลยกับแม่หนูน้อยคนนี้ ไม่ได้การล่ะ ตาภาคภูมิยังว่างอยู่เห็นทีต้องหาโอกาสลองหยั่งเชิงถามฝ่ายนั้นดูก่อน
“น่ารักจริงเลยแม่คุณทูนหัวของยาย ว่าแต่หนูอายหิวข้าวหรือยังลูก แม่ดุจเข้าครัวเองเลยนะทำอาหารไว้เต็มโต๊ะรอต้อนรับหนูกับตาภีม” คุณยายบุหลันยิ้มจนตาหยี เห็นริ้วรอยบริเวณหางตาเอ็นดูแม่หนูน้อย
“หนูกินขนมรองท้องตอนอยู่บนรถค่ะ ตอนนี้ยังไม่หิวมากเท่าไหร่” เหมือนภีมพลจะซื้อขนมมาประชดหล่อนกับฟ้าใสซื้อมาซะถุงใหญ่เชียว ก็ดี ของฟรีพวกหล่อนพร้อมใจกินไปด้วยคุยไปด้วยเกือบตลอดทาง
“พอดีเลย หนูอายช่วยหิ้วท้องรอหน่อยนะจ๊ะ อีกเดี๋ยวตาภูมิลูกชายคนเล็กของป้าก็คงกลับบ้านจะได้ทำความรู้จักกันสนิทกันไว้” เสริมต่อความต้องการของมารดาปูทางไว้ให้อารยาได้มาเป็นคนในครอบครัว
ในห้องรับแขกทั้งสามคนคุยกันสัพเพเหระไปเรื่อย ผู้ใหญ่ทั้งสองถูกใจกิริยามารยาทของอารยาสุดๆ ไม่รังเกียจถือสาเรื่องหล่อนติดหนี้ภีมพลหลายล้าน เงินแค่นั้นสำหรับภีมพลถือว่าน้อยนิดเท่าปลายก้อย
สักพักภีมพลก็เดินลงมาจากบนบ้าน “คุณยาย คุณแม่ เมื่อไหร่นายภูมิจะกลับมาครับผมหิวข้าวแล้วนะมันจะบ้างานอะไรขนาดนั้น”
“เมียออกลูกทั้งทีก็ต้องติดลูกติดเมียเป็นธรรมดาสิจ๊ะ”
“เมียสี่ขาชัวร์ๆ”
ภีมพลหัวเราะเสียงดัง คุณแม่ชูนิ้วโป้งให้เป็นรางวัลของการทายถูก ภาคภูมิชอบม้ามากวันๆ ขลุกอยู่กับงานไม่ก็ม้าไม่สนใจผู้หญิงมีเข้ามาอ่อยถึงในไร่ก็เย็นชาใส่ไม่รู้จะครองตัวโสดทำไม
อาจจะโสดเพราะรอใครบ้างคน เช่น... คนสวยข้างไร่?
คุณดุจตะวันส่ายหน้าไปมา ริมฝีปากมีรอยยิ้มอ่อนหวานรู้ว่าลูกชายคนเล็กแอบชอบลูกสาวเจ้าของรีสอร์ทข้างๆ แต่ฟอร์มจัดชอบปากเสียใส่เขาพอเขาย้ายไปเรียนต่อในกรุงเทพฯ ก็เก็บตัวเงียบ งานนี้สนุกแน่ หนูฟ้าใสใกล้เรียนจบกลับมาเที่ยวบ้านลูกชายคนเล็กคงมีลุ้นได้ตามจีบจริงๆ จังๆ สักที ส่วนลูกชายคนโตก็ปากแข็งพอกันถนอมอารยาไม่ให้ใครเข้าใกล้มากี่ปีแล้วแต่ไม่ยอมบอกรักสักที ท่านมีลูกชายอยู่สองคนก็ปากหนักปากแข็งพอกัน เดี๋ยวเถอะ ไว้จะนัดสองสาวมาวางแผนลับซื้อค้อนเหล็กใหญ่มากะเทาะปากหนุ่มๆ ให้อ่อนลง!