CHAPTER 5

2323 คำ
รถยนต์คันหรูสัญชาติยุโรปจอดสนิทอยู่ที่หน้าคณะนิเทศศาสตร์ สาขาการแสดง ก่อนที่ร่างบอบบางของเจนนี่จะเอื้อมมือไปดับไฟหน้ารถเอาไว้ให้ตอนนี้มีเพียงความมืดสงบเพราะมันยังคงเช้ามาก ๆ และคงจะไม่มีใครมาเรียนในวันเสาร์ยกเว้นเจ้าเบบี๋ของเธอที่กำลังจะเดินทางไปต่างจังหวัด “ขอบคุณนะคะมี้” เขาว่าอย่างนั้นก่อนจะหันหน้ามายกยิ้มให้กับเธอด้วยดวงหน้าสดใส ตอนนี้เขาอยู่ในชุดไปรเวทสบาย ๆ ผิดกับเธอที่สวมใส่ชุดนอนและเสื้อคลุมที่ด้านนอกด้วยความไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าเธอจะมาส่งเขาทำไม ทั้ง ๆ ที่ติณณ์ก็บอกไปแล้วว่าสามารถเดินทางมาเองได้ แต่เธอก็ยังยืนกรานจะมาส่งและยังส่งค้อนให้เจ้าคนดื้ออีกที่ตอนแรกมีทีท่าว่าจะไม่ยอมให้เธอมาส่งท่าเดียว “รีบกลับล่ะ” เธอพูดออกไปแบบนั้นโดยไม่หันหน้าไปสบมองเขาเลยว่ากำลังแสดงสีหน้าท่าทางเช่นไร “ถ้าฉันต้องการตอนเธอไม่อยู่ฉันอาจจะเรียกคนอื่นมาทำแทน” เธอตอบอย่างสบาย ๆ เพราะเธอไม่ได้ตั้งกฎให้ตัวเองเสียหน่อย และทุกครั้งที่เบบี๋คนก่อน ๆ ของเธอไม่ว่างแน่นอนว่าเรื่องแบบนี้มันรอกันไม่ได้ ถ้าเธอต้องการเธอก็แค่ต้องได้ และเขาไม่มีสิทธิ์ใด ๆ มาห้ามเธอด้วยเพราะกฎข้อนั้นมันเป็นเพียงเขาคนเดียวที่ต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด “ค่ะ” เขาตอบรับกลับมาด้วยใบหน้าที่ยังยิ้มสดใสจนเธอรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาโดยที่ไม่ทราบสาเหตุ “มี้คะ...” “ว่าไง?” เธอขานตอบโดยที่ตายังจับจ้องไปที่เด็ก ๆ ข้างนอกที่กำลังทยอยเดินกันเข้าไปในตัวอาคารของคณะ “มี้...” แต่เขาก็ยังเรียกเธอโดยที่ไม่ยอมพูดอะไรออกมาเสียทีจนเจนนี่เริ่มจะหงุดหงิดก่อนที่จะหันไปสบมองหน้าเขาว่าต้องการจะกวนประสาทเธอหรือเปล่า “อะไรของ...!!!” แต่แล้วติณณ์ก็ขยับใบหน้าเข้ามาก่อนจะกดจูบลงไปที่ริมฝีปากให้เธอที่กำลังจะต่อว่าเพราะความหงุดหงิดกลับเปลี่ยนไปเป็นสงบปากสงบคำในทันที ลิ้นอุ่น ๆ ของเขาค่อย ๆ สอดแทรกเข้ามาในโพรงปากให้เธอเผยอปากรับลิ้นอุ่นของเขาอย่างเต็มใจ สัมผัสที่แสนคุ้นเคยและรสอ่อน ๆ ของยาสีฟันช่วยบรรเทาความหงุดหงิดให้เธอผ่อนคลายและหลับตาพริ้มเพื่อซึมซับสัมผัสจากริมฝีปากของคนตรงหน้า “ว่างแล้วติณณ์จะรีบโทรหานะคะมี้...” และเขาก็พูดออกมาเสียงแผ่วให้เธอที่กำลังเคลิบเคลิ้มกับสัมผัสของเขาถึงกับหอบหายใจถี่ เพราะหากเป็นสัมผัสของเขาทีไร...เธอปฏิเสธไม่ได้เลยทุกทีว่าความต้องการของเธอมันประทุขึ้นมาอีกแล้วอย่างง่ายดาย ร่างสูงเปิดประตูลงไปจากรถก่อนที่เขาจะเปิดประตูที่ด้านหลังเพื่อหยิบเอาข้าวของสัมภาระของตนเองที่อยู่ทางเบาะหลังนั่นก็คือกระเป๋าเป้เพียงหนึ่งใบของตัวเอง ก่อนที่ติณณ์จะเดินจากออกไปเขากลับมาเคาะกระจกอีกครั้งให้เธอที่พยายามจะระงับอารมณ์หวามไหวของตัวเองต้องกดลดกระจกลงมาอีกครั้งเพื่อฟังว่าเขาต้องการจะบอกอะไรกับเธออีก “มี้รอติณณ์นะคะ เดี๋ยวคืนนี้ติณณ์จะรีบโทรหา” และเขาก็เดินจากออกไป เข้าไปในตัวอาคารจนตอนนี้ที่แห่งนี้มีเพียงแค่เธอเท่านั้นที่อยู่กับอารมณ์หวามไหวที่มันไม่ได้ลดน้อยลงไปเลย “ไอเด็กบ้า! เธอมีอิทธิพลต่อความใคร่ของฉันมากเกินไปแล้วนะ...” ตลอดการเดินทางก็มีแต่สิ่งบันเทิงเริงใจ รวมไปถึงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เช่นกันที่มีคนลักลอบซื้อเข้ามาโดยไม่ให้อาจารย์ได้รู้ แน่นอนว่าพวกเราอยู่ปี 3 แล้ว อาจารย์ที่เซ็นรับรองว่าจะมากับพวกเราแท้จริงแล้วพวกเขาก็ไม่ได้มาหรอก เพียงแค่เซ็นไปอย่างนั้นเพื่อให้ทางมหาลัยฯ ตกลงยอมให้มาก็เพียงเท่านั้น แต่ถ้าเกิดมีอะไรร้ายแรงฉุกเฉินขึ้นมา แน่นอนว่าคนที่ซวยคือคนที่จัดทริปและอาจารย์ที่เซ็นรับรองพวกนั้นแหละ จริง ๆ แล้วเธอค่อนข้างที่จะง่วงนอนเลยเพราะเมื่อคืนกว่าจะได้นอนก็เลยเข้าวันใหม่ไปแล้ว หลังจากที่เราจบศึกรักกันที่ห้องลองเสื้อผ้าในห้าง มัมมี้ของเธอก็ไม่เดินซื้อของต่ออีกเลย และตั้งท่าที่จะกลับคอนโดท่าเดียวซึ่งเธอก็ไม่ได้ปฏิเสธ จะว่าไปแล้วมัมมี้ก็เป็นคนที่มีความต้องการสูงอยู่พอสมควรเลยทีเดียว เธอแตะตัวนิด ๆ หน่อย ๆ เจ้าหล่อนก็พร้อมรับศึกหนักแล้วและมันทำให้เธอค่อนข้างที่จะทึ่งนิดหน่อย มัมมี้คนก่อน ๆ ของเธอก็อายุรุ่นราวคราวนี้ บางคนเด็กกว่าด้วยซ้ำแต่ไม่มีใครอึดถึกทนเท่ากับเจนนี่เลย และมันก็ถือว่าเป็นโชคดีของเธอด้วยที่ได้มัมมี้ทั้งสวยแล้วก็รวย เธอเจอมาหมดแล้วแหละไม่ว่าจะหน้าตาหรือรูปแบบไหน ทั้งผอมทั้งอ้วนแต่เธอก็ปฏิบัติกับทุกคนอย่างเท่าเทียมจนวินาทีสุดท้ายของการเป็นมัมมี้และเบบี๋อย่างไม่นึกรังเกียจรังงอนใด ๆ และที่เธอกล้าบอกเรื่องนี้กับเพื่อนสนิทเพียงหนึ่งเดียวอย่างไอรีนก็เพราะว่าเธอต้องการให้เจ้าหล่อนรู้ว่าเธอนั้นเป็นอย่างไร ดีที่ไอรีนรับได้และไม่เคยรังเกียจในอาชีพรูปแบบนี้ เพราะเจ้าหล่อนบอกกับเธอเองว่าไม่ว่าอาชีพไหนก็น่านับถือและมีเกียรติทั้งนั้น คนที่ไม่ทำอะไรเลยแล้วไปเป็นขโมยขโจรนี่สิน่ารังเกียจกว่าเป็นไหน ๆ ไม่นานรถก็เดินทางมาถึงที่หมายโดยที่เธอยังไม่ได้หลับพักผ่อนเลยสักงีบเพราะพวกเขาเล่นร้องเพลงกันตลอดทั้งเส้นทาง ต่างคนก็ต่างลงรถและเดินไปจับกลุ่มกันเอาไว้กับเพื่อน ๆ ไม่นานก็ถูกเรียกไปรวมโดยหัวหน้าของปี 3 ซึ่งเขาเป็นคนรับผิดชอบพวกเราทั้งหมด ณ ที่แห่งนี้แทนอาจารย์ “เอาล่ะเดี๋ยวเราแบ่งกลุ่มกันนอนนะ ผู้หญิงไปนอนโรงนอนฝั่งขวาและผู้ชายไปนอนโรงนอนฝั่งซ้าย ดึก ๆ ห้ามแอบออกมากินกันนะเว้ย!” เป็นเพราะว่ามีแต่พวกเราเด็ก ๆ ทั้งนั้นเขาเลยกล้าพูดออกมาโดยไม่อายและไม่ต้องระวังอะไรมาก ซึ่งเธอก็มองว่ามันดีกว่ามานั่งเหนียมอายเพราะถ้าเกิดมันมีเรื่องอะไรแบบนั้นจริง ๆ แล้วมีคนผ่านมาเห็นมันคงจะไม่ใช่เรื่องที่ดีต่อมหาลัยฯ แน่ “แยกย้ายกันเก็บของก่อน เดี๋ยวคุยเรื่องการแสดงกับหานักแสดงกันนะ อีกครึ่งชั่วโมงออกมาเจอกัน” “ปะติณณ์” เธอถูกไอรีนพาเดินออกไปและเธอก็เดินตามไปอย่างว่าง่าย ที่ ๆ เรานอนเหมือนกับค่ายของเด็ก ๆ ประถมเพราะด้วยงบที่จำกัดและเช่าโถงนอนแบบนี้มันถูกกว่าไปเช่าพักโรมแรมแล้วนอนกันแค่ห้องละ 2-3 คน ติณณ์ที่เดินไปถึงห้องโถงนอนกับไอรีนก่อนคนอื่น ๆ เธอก็ไม่ลังเลเลยที่จะนอนติดกับผนังเพราะคนอื่น ๆ มัวแต่ไปเดินเล่นกันก่อนเข้ามาในห้องพักทั้งนั้น ก็อย่างที่เธอได้บอกไปในตอนแรกว่าพวกเขาตั้งใจจะมาเที่ยวนั้นเธอไม่ได้คิดอะไรผิดเลย แค่จะคุยเรื่องบทกับหานักแสดงไม่จำเป็นต้องมาไกลขนาดนี้ก็ได้ไหม ห้องโถงที่มอก็มีก็เรียกประชุมกันไปเสียสิ เสียเวลาเธออ้อนมัมมี้หมด... “ไป ๆ ไอจีนเรียกรวมแล้ว” เธอหันไปมองคนที่จับกลุ่มคุยกันซึ่งเธอก็เดินตามออกไปอย่างว่าง่ายเพราะมันจะได้จบลงไปเสียที คนต่างทยอยเดินมาที่ ๆ เรารวมกับเมื่อครึ่งชั่วโมงก่อน ก่อนจะปรากฏร่างของคนที่ชื่อว่าจีนซึ่งเขาเป็นหัวหน้าของชั้นปี 3 และได้รับมอบหมายให้จัดการงานทั้งหมดเหมือนเขาเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง “ไม่ต้องเกี่ยงกันเรื่องการแสดงนะ ปีนี้จะต้องแสดงกันหมดทุกคน” เขามองไปรอบ ๆ ก่อนที่เธอจะสังเกตเห็นว่าอยู่ ๆ เขาก็หยุดและจับจ้องมองมาที่เธอ เธอไม่ได้เป็นตัวโดดเด่นอะไรเลย และไม่ได้เป็นที่กลั่นแกล้งของผู้คน เธอราวกับคนไร้ตัวตนในมหาลัยฯ เพราะนอกจากไอรีนแล้วเรียกได้ว่าไม่มีใครรู้จักเธอเลยด้วยซ้ำ ผิดแต่กับไอรีนที่มักจะมีผู้คนเข้าหาเพราะว่าเจ้าหล่อนหน้าตาน่ารักแถมยังเรียนเก่งอีก “ฉันมีการแสดงในใจเอาไว้สามเรื่อง และคิดว่าจะมาให้ทุกคนโหวตกันวันนี้ว่าอยากจะแสดงแนวไหน” เขาหันหลังไปและหยิบโปสการ์ดอันที่หนึ่งขึ้นมา “อันแรกจะเป็นแนวรักโรแมนติกทั่วไป นักแสดงนำเป็นหญิงและชาย เหมือน ๆ ละครเวทีตามที่ต่าง ๆ” เธอไม่ค่อยได้สนใจอะไรเท่าไหร่กับเรื่องแบบนี้ ถ้าหากมันจำเป็นที่จะต้องแสดงจริง ๆ เธอคงถูกเลือกให้ไปเป็นตัวประกอบไม่อย่างนั้นก็อาจจะเป็นตัวร้ายเข้าไปแทงนางเอกอย่างนั้นก็อาจจะเป็นได้ “แนวที่สองเป็นยาโอย หรือที่เรารู้จักกันในนามซีรี่ย์ชายรักชาย ตัวละครหลักจะเป็นผู้ชายทั้งสองคน เป็นแนวปั้ปปี้เลิฟ ปิ๊งรักกันแบบเดินชนกันอะไรแบบนั้น” เสียงหัวเราะของคนที่กำลังฟังอยู่ดังออกมาพร้อม ๆ กันเพราะคนพูดเขาทำหน้าเพ้อฝันออกมาราวกับหยอกล้ออย่างไรอย่างนั้น “ส่วนแนวที่สามเป็นยูริ หรือว่าเลสเบี้ยน ตัวละครหลักเป็นผู้หญิงสองคนทั้งคู่ เนื่องจากว่าเรื่องแบบนี้ยังไม่ค่อยแพร่หลายในประเทศของเราเท่าไหร่ผมเลยคิดแนว ๆ หนึ่งออกมา ซึ่งผมว่ามันน่าจะสนุก” เขาหันหลังกลับไปวางโปสการ์ดที่อยู่ในมือทั้งสามใบ ก่อนจะหยิบโปสเตอร์อันใหญ่ขึ้นมากางให้พวกเราทั้งหมดได้มองดู “เรื่องแนวนี้จะเป็นแนวแด๊ดดี้ มีใครรู้จักชูการ์แด๊ดดี้บ้างไหม?” ทุกคนที่ฟังต่างก็หันไปมองหน้ากันตาปริบ ๆ เพราะคงไม่ค่อยจะมีใครรู้จักมากเท่าไหร่ “เอาล่ะผมจะอธิบายให้ฟังเป็นข้อ ๆ ไป แต่สำหรับผม ผมยกให้แนวนี้เป็นผลโหวตของผมนะ” เขาพูดจบก็หันมามองหน้าเธออีกแล้ว เหมือนเขามีเรื่องอะไรกับเธออันนี้ติณณ์เองก็ไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่ เพราะตัวเองก็ค่อนข้างมั่นใจเลยว่าไม่เคยไปมีเรื่องกับใครโดยเฉพาะกับจีน “แด๊ดดี้ที่ไม่ได้แปลว่าพ่อ...พวกคุณคุ้น ๆ กันบ้างยัง?” “อ๋อ ๆ เราเคยได้ยิน แล้วว่าแต่มันจะเป็นเลสเบี้ยนยังไง?” “นั่นสิ...” เกิดเป็นเสียงฮือฮาขึ้นมาเมื่อทุกคนยังคงไม่เข้าใจ และมันทำให้จีนที่อยู่บนเวทีถึงกับหัวเราะออกมาอย่างขบขัน “โลกของเรายังไม่ได้มีแค่เพศชายและเพศหญิงเลย ทำไมแด๊ดดี้ถึงจะเป็นผู้หญิงไม่ได้ล่ะ” “อ๋อ...” และทุกคนก็พยักหน้ารับ เป็นอันว่าเข้าใจแล้วว่าเขาต้องการจะหมายถึงอะไรกันแน่ “พวกเราลองมองไปรอบ ๆ ตัวสิ ว่ามีผู้หญิงคนไหนบ้างที่เหมาะสมกับจะเล่นบทนี้ บทที่ดูเป็นคนเข้าถึงยาก บทที่ดูเป็นคนขรึม ๆ ไม่ค่อยสุงสิงกับใคร บทที่พอจะเอามาปั้นแต่งเป็นคนรวย ๆ ได้น่ะ” ทีนี้ทุกคนต่างก็หันกันจ้าละหวั่นเพื่อมองหาคน ๆ นั้นเหมือนกับที่จีนได้ยกตัวอย่างออกมา ผิดก็แต่กับติณณ์ที่ยังยืนนิ่ง ๆ ไม่ได้สนใจอะไรและเธออยากจะไปจากตรงนี้แล้วเต็มทน “ติณณ์ เราว่าแกเหมาะกับบทนี้นะ” ไอรีนพูดออกมาข้าง ๆ เธอด้วยความสดใส และมันทำให้เธอต้องหันไปมองอย่างไม่พอใจในทันทีเพราะเธอไม่ต้องการเป็นที่สนใจไม่ว่าจะของใครทั้งนั้น “ไม่เอา! ติณณ์ไม่ชอบให้คนมอง...รีนก็รู้!” เธอเอ็ดไปบางเบาให้รอยยิ้มของไอรีนหุบลงไปในทันทีทั้งยังหันกลับไปก้มมองพื้นจนเธอเผลอรู้สึกผิดที่ดันไปตะคอกเสียงใส่ “แต่รู้ไหมว่าผมอยู่ตรงนี้ผมเห็นแล้วนะ...ว่าใครที่เหมาะกับจะเล่นบทนี้” เสียงฮือฮาดังขึ้นมาอีกครั้งและทุกคนก็หันกลับไปสนใจจีนที่กำลังยิ้มร่าอย่างมีความสุขอยู่ “ออกมาตรงนี้หน่อยสิ มาโชว์ตัวพระเอกหน่อย...ติณณ์”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม