กอหวายพาธูปหอมมารับประทานอาหารเช้า ณ ร้านอาหารชั้นล่าง แต่เมื่อเห็นใบพลูกับสู่ขวัญทำเอารอยยิ้มจางลงทันที แต่ถึงอย่างไรพี่สาว ทั้งสองต้องรู้เรื่องเข้าสักวัน รอยยิ้มแปลกๆ ของทั้งสองไม่ได้ทำให้ธูปหอมแปลกใจเป็นเพราะด้วยวัยที่ผ่านเรื่องราวต่างๆ มามากมายทำให้รู้ว่าทั้งสองคนน่าจะรู้เรื่องระหว่างตัวเองกับกอหวายอยู่บ้าง
“สวัสดีค่ะ พี่ธูป” ใบพลูกล่าวทักทายด้วยการพนมมือไหว้ สู่ขวัญยิ้มและพนมมือไหว้ธูปหอมเช่นกัน
“อยู่ที่นี่กันหรือคะ” ธูปหอมถาม
“หวายไม่ได้บอกหรือ” สู่ขวัญทำเสียงเข้ม กอหวายยิ้มเจื่อนๆ เฉไฉหันไปสนใจรายการอาหารและชี้รายการให้ธูปหอมที่พยัก
หน้าแทนคำตอบ
ใบพลูยิ้มๆ หันไปมองสบตากับสู่ขวัญ นั่นทำให้ธูปหอมสบายใจขึ้น มาบ้าง เพราะสู่ขวัญกับกอหวายทำอาชีพเดียวกัน ส่วนใบ
พลูนั้นอยู่ในวงการช่างภาพ ซึ่งเป็นงานในแวดวงนางแบบด้วยเช่นกัน สองสาวที่ยิ้มให้
สนิทสนมกับกอหวายอยู่พอสมควร สังเกตได้จากวันที่ไปทำงานด้วยกันที่ห้องสมุด
“มีอะไรอยากถาม หรือเปล่า” ธูปหอมถามสองสาวที่ยิ้มให้อยู่
“จะไม่เกิดปัญหาที่ทำให้หวายเสียใจทีหลัง ใช่ไหมคะ” สู่ขวัญสนิทกับกอหวายจึงเป็นฝ่ายเอ่ยถาม เพราะเป็นห่วงเรื่องหนุ่มนัก
ลงทุนรูปหล่อ ที่อยู่กับธูปหอม
“ไม่มีใครอยากทำให้คนที่เรารู้สึกดีด้วยเสียใจหรอก พลูกับขวัญคิดแบบนั้นเหมือนกันใช่หรือไม่” ธูปหอมถามกลับ
“ก็จริงค่ะ เพราะตอนพลูก็วุ่นวายพอดู กว่าจะเข้าใจกัน” ใบพลูหันไปยิ้มให้สู่ขวัญ”
“ขวัญกับพลูเป็นพี่เลยห่วงน้องน่ะค่ะ เชื่อว่า พี่ธูปดูแลหวายได้แน่ แต่บางทีเรื่องที่เรารู้มาทำให้อดเป็นห่วงน้องไม่ได้ค่ะ” ใบพลู
พูดขึ้น
“หวายโชคดีที่มีพี่สาวคอยเป็นห่วง พี่อยากดูแลให้หวายมีความสุขไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมทั้งๆ ที่เด็กกว่ามาก แม่คนนั้นช่างตื้อ
มาก” ธูปหอมยิ้มๆ มองดูคนที่เพิ่งเดินกลับมานั่งข้างๆ
“คุยอะไรกันคะ พอหวายกลับมาหยุดคุยเลย กำลังนินทาอยู่ล่ะสิ” กอหวายพูดขึ้นและยิ้มๆ เพราะท่าทางธูปหอมคงโดนซักฟอก
“พูดถึงเฉยๆ ใครจะกล้านินทา พี่ธูปได้เอ็ดเอาสิ” สู่ขวัญยิ้ม
“มันดูแปลกๆ ใช่ไหมคะ ในความคิดของพี่ขวัญกับพี่พลู”
“ไม่นะ ถ้าหวายโอเค พี่ธูปโอเค เราสองคนดีใจมากที่ได้เห็นหวาย มีความสุข พี่ธูปรับปากจะดูแลหวายอย่างดี” ใบพลูบอก
กับกอหวาย
“จริงเหรอคะ” กอหวายหันไปถามธูปหอม
“โกหกมั้งคะ” ธูปหอมหัวเราะ อีกสองสาวเลยหัวเราะตาม กอหวายเวลาทำงานดูเป็นผู้ใหญ่ตั้งใจเป็นอย่างมาก แต่ยามที่ได้พูดคุยโดยเฉพาะเมื่อได้เห็นเวลาอยู่กับธูปหอม กลับเป็นเด็กสาววัยรุ่นที่ออก
จะช่างอ้อนเสียด้วยซ้ำ ใบพลูคิดขณะมองดูกอหวายกับธูปหอมพูดคุยและหยอกเย้ากัน
“เห็นว่ารับงานน้อยลง รวยแล้วสิเราน่ะ” สู่ขวัญชวนพูดคุยเรื่องงาน
“ลดลงนิดหนึ่งค่ะ แต่ชุดว่ายน้ำคงเลิกเลย ถ่ายเล่มสุดท้ายเมื่อไม่นานมานี้ ถ้าถ่ายอีกโดนดุแน่” กอหวายพูดยิ้มๆ ใบพลูกับสู่ขวัญเลยมองสบตากับธูปหอมที่ยิ้มน้อยๆ ให้
“แม่ห้ามไม่เคยฟัง” สู่ขวัญหัวเราะ การสนทนาเป็นไปอย่างสนุก สนาน แม้ใบพลูกับสู่ขวัญยังเป็นห่วงเรื่องความสัมพันธ์ที่อาจ
จะกลายเป็น รักสามเส้า แต่ในเมื่อทั้งสองคนแสดงให้เห็นว่า อยากสานต่อทำให้ใบพลูกับสู่ขวัญเลือกที่จะคอยดูอยู่ห่างๆ เหมือนที่ภัท
ราเคยพูดเอาไว้ ในฐานะที่เป็นมิตรกันควรดูแลกันทั้งยามทุกข์ยามสุข แล้วแต่เหตุการณ์เหมือนครั้งก่อนที่ได้พูดคุยกับกอหวายไป
“ฟังอยู่ค่ะ แต่อยากถ่ายไว้เป็นประสบการณ์ อีกหน่อยคงไม่มีใครจ้างแล้วล่ะ เลยวัย” กอหวายหัวเราะเล็กๆ
“พลูไม่ห้ามขวัญหรือ” ธูปหอมถาม
“ไม่ห้ามเลยค่ะ บอกเลยว่าไม่ให้รับ” สองสาวหัวเราะเสียงดังลั่น
ธูปหอมยิ้มหันมามองสบตากับกอหวาย เพราะเชื่อว่าคนที่ยิ้มให้คงสบายใจขึ้นบ้าง เมื่อเห็นใบพลูกับสู่ขวัญให้ความเป็นกันเองกับธูปหอม
“พี่ภัทเป็นห่วงทั้งสองคนเลยค่ะ” ใบพลูพูดขึ้น
“วันก่อนได้คุยกัน ภัทโทรฯ มา” ธูปหอมบอก
“คุยเรื่องเราหรือคะ” กอหวายถาม
“แหม เรื่องเรา ฟังแล้วหมั่นไส้มาก” สู่ขวัญยิ้มๆ ให้กอหวาย
“พี่ขวัญ ชอบแซวน้อง”
“ไม่มีอะไร ภัทคงเป็นห่วงเหมือนที่พลูกับขวัญเป็นห่วงนั่นแหละ เราน่ะคนรักและเป็นห่วงเยอะมาก เพราะฉะนั้นตั้งใจทำงานได้
ดีด้วยล่ะ” ธูปหอมวกกลับมาพูดคล้ายสอนกอหวายที่ทำหน้าจ๋อย
“ตั้งใจทำมากเลยค่ะ เรื่องงานน่ะ” กอหวายบอก ใบพลูกับสู่ขวัญยืนยันว่า เรื่องงานกอหวายจัดการและตั้งใจทำงานเป็นอย่างดี
กอหวายมาที่ห้องสมุดพร้อมธูปหอม ซึ่งขอไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเพราะยังคงสวมชุดเดียวกับเมื่อวาน กอหวายตามขึ้นไปเพื่อเตรียมกาแฟให้
“สวัสดีค่ะ” กอหวายพนมมือไหว้ เมื่อเห็นธามนั่งดื่มกาแฟอยู่
“สวัสดีค่ะ” ธามพนมมือรับไหว้ แต่ใบหน้าเรียบนิ่งต่างจากก่อนหน้าที่เคยได้พบกัน
“นอนนี่หรือ เมื่อคืน” ธูปหอมถามธาม
“อือ ขอคุยด้วยหน่อยสิ” ธามพูดเสียงเรียบแล้วลุกเดินเข้าไปในห้อง
“ให้หวายลงไปรอข้างล่างดีกว่าไหม” กอหวายถามธูปหอม ธามได้ยินเข้าจึงหันมามอง
“อยากดื่มกาแฟไม่ใช่หรือ รอที่นี่แหละ เดี๋ยวน้ามา” ธูปหอมบอก
“ค่ะ” กอหวายบอก
เสียงเอะอะดังมาจากห้องๆ หนึ่งที่ธูปหอมหายเข้าไปกับธาม เสียงที่ได้ยินเป็นเสียงของผู้ชายที่พูดคล้ายขึ้นเสียงและไม่พอใจ
กอหวายเดินไปเดินมาด้วยความเป็นห่วง เพราะคิดว่าธามคงไม่พอใจที่เมื่อคืนธูปหอมบอกไปว่าอยู่กับกอหวาย
“เธอก็นะ เตือนไม่รู้จักฟัง” ธามเดินออกจากห้องบอกกับกอหวายที่ยังไม่ทันได้เอื้อนเอ่ยอะไร หนุ่มใหญ่ก็หยิบของและเดิน
ออกไปเสียก่อน
กอหวายไม่กล้าเข้าไปในห้องที่ธูปหอมยังไม่ออกมา จึงรอที่เก้าอี้รับแขกรอจนเจ้าของห้องออกมา เพราะเกรงว่าถ้าธามกลับมา
แล้วเห็นเข้าอาจไม่พอใจมากยิ่งขึ้น
“ไม่ดื่มกาแฟหรือ” ธูปหอมถาม
“ทำไมเสียงดังจังคะ” กอหวายถาม
“ธามเขาเป็นห่วง ผู้ชายขี้โวยวายแบบนี้แหละ หวายกลัวหรือ”
“เป็นห่วงมากกว่า คือว่า หวาย” กอหวายหยุดคิดว่าควรจะบอกเรื่องที่ตัวเองไปเจอธามโดยธูปหอมไม่รู้หรือไม่
“ธามเป็นห่วงเราทั้งสองคนนั่นแหละ” ธูปหอมสวมกอดปลอบโยนกอหวายที่ดูเป็นกังวล
“ยังไงกันคะ เสียงดังเอ็ดน้าธูปอยู่เมื่อกี้”
“ธามมีความรักที่ดีให้กับน้า รวมถึงหวายด้วย แต่บางทีเรื่องของ ธามที่เป็นเรื่องส่วนตัว เราไม่มีสิทธิ์เข้าไปก้าวก่าย น้ารู้ว่าหวายไม่เข้าใจ แต่อยากให้หวายมั่นใจกับความรู้สึกของตัวเอง ถึงแม้น้าอยากให้มั่นใจในตัวน้าด้วย แต่กลัวว่าจะไปเพิ่มความไม่สบาย
ใจให้หวายมากขึ้น ธามห่วงเราเหมือนขวัญกับพลูนั่นแหละ” ธูปหอมกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นอีก
“หวายไม่ได้อยากสร้างปัญหาให้น้าธูปเลยนะคะ” กอหวายกระชับอ้อมกอดที่กอดรัดธูปหอมเอาไว้แน่นสุดแรง เพราะเกรงว่า
ปัญหาที่กำลังค่อยๆ คืบคลานเข้ามาอาจทำให้ต้องห่างเหินกันสักวัน
“น้าไม่มีปัญหาอะไร ส่วนเรื่องธามเดี๋ยวเขาคงบอกกับหวายเอง” กอหวายยังปิดปากเงียบเรื่องที่ธามเคยถามว่า มั่นใจหรือว่าสามารถทำให้ธูปหอมมีความสุขได้มากกว่าที่เป็นอยู่
“แน่ใจนะคะ” กอหวายถาม ก่อนจะขอตัวกลับบ้าน
“น้าไม่มีวันโกหกหวายหรอก” ธูปหอมบอกกับกอหวายที่น้ำตาเอ่อ แต่พยายามไม่ให้ไหลรินออกมา
“เนี่ย ก่อนหน้าถึงได้กล้าๆ กลัวๆ” กอหวายบอก
“อย่ากลัวเลย อะไรที่ต้องเจอก็ปล่อยให้เข้ามา มีปัญหาก็ค่อยๆ แก้ไข ตกลงไหม” ธูปหอมจุมพิตเบาๆ ไปที่หน้าผากของกอ
หวาย
“จำไว้ด้วยล่ะ ไม่ว่าเจออะไร อยากให้น้าธูปรู้ไว้ว่า หวายรักน้าธูป” กอหวายยิ้มทั้งน้ำตา
“เราก็เหมือนกันจำไว้ล่ะว่า น้ารักหลาน” ธูปหอมบอกกับกอหวายที่หัวเราะ เมื่อได้ยินการบอกรักที่ฟังดูเหมือนผู้ใหญ่ที่เอ็นดู
เด็ก ไม่ใช่บอกรักกันฉันท์คนรัก
“กลับบ้านดีกว่า” กอหวายพูดขึ้น
“เดี๋ยวขับไปส่ง” ธูปหอมบอก
“ไม่เอาล่ะ นั่งรถไฟใต้ดินกลับดีกว่าจะ 10 โมง แล้วนะคะ ไปทำงานได้แล้ว เดี๋ยวถึงบ้านแล้วจะโทรฯ บอก” กอหวายบอกธูปหอม แต่เมื่อเห็นรอยยิ้มที่ยิ้มอยู่เมื่อสักครู่หายไป จึงหันไปมองตามสายตาของธูปหอม
“หมอ” กอหวายมองดูดอกทิวลิปสีชมพูช่อใหญ่ที่นาราถืออยู่และเทียนเทพที่โบกไม้โบกมือทักทายออกอาการดีใจที่ได้เจอกอ
หวายด้วย
“จะได้ไม่ต้องเป็นปริศนาอีกต่อไป ว่าใครเป็นเจ้าของ” คำพูดที่นาราพูดคล้ายบอกอะไรกับกอหวาย ธูปหอมจึงหันไปมองสบตา
ด้วย
“มีธุระอะไรหรือเปล่า” ธูปหอมถาม
“มี แต่ไปคุยที่ห้องทำงานดีกว่า” นาราบอก ธูปหอมหันมายิ้มให้กอหวายและเอามือทาบทับที่ศีรษะ
“หวายไปนะคะ” กอหวายพนมมือไหว้ทั้งธูปหอมและนารา
“เอารถมาหรือเปล่าครับ” เทียนเทพถาม
“เปล่าค่ะ แต่จะเดินไปขึ้นรถไฟใต้ดิน”
“ผมไปส่งให้ดีกว่าครับ” เทียนเทพขันอาสา
“ดีเหมือนกันนะคะ ธูปจะได้ไม่ต้องเป็นห่วง กอหวายให้นายเทียนไปส่งน่าจะดีกว่า” นาราพูดขึ้น ธูปหอมถอนใจ
“ได้ค่ะ จะได้สบายใจด้วยกันทุกฝ่าย” กอหวายถอนใจ ขณะเดินนำหน้าโดยมีเทียนเทพเดินตามไปติดๆ
“จะมีลูกสะใภ้เป็นนางแบบเสียก็ไม่รู้เรา” นารารำพึงก่อนจะยื่นช่อดอกไม้ให้กับธูปหอมที่รับเอาไว้ ก่อนจะเดินไปส่งให้เจ้า
หน้าที่ห้องสมุดจัดใส่แจกันเหมือนก่อนหน้าที่เคยได้รับมา
นารามองดูดอกเข็มที่เหี่ยวเฉา ซึ่งอยู่ในแจกันบนโต๊ะทำงานของธูปหอม จึงเดินกลับลงไปข้างล่าง เพื่อไปเอาดอกทิวลิปสี
ชมพูดอกหนึ่งเดินกลับขึ้นมาใส่แจกันให้ธูปหอม โดยทำท่าจะหยิบดอกเข็มขาวออก แต่โดนเจ้าของห้องห้ามเอาไว้
“ของๆ เรา เธอไม่ควรหยิบเอาไปนะ” ธูปหอมพูดด้วยน้ำเสียงดุ
“ได้ งั้นเอาของใหม่เสียบไว้ด้วย” นาราพูดยิ้มๆ เพราะเดาเอาว่าดอกไม้เหี่ยวเฉานั้นคงเป็นของคนที่เพิ่งไปกับลูกชายของตัวเอง
ธูปหอมมองสบตากับนาราที่มีรอยยิ้มแปลกๆ ซึ่งเดาได้ไม่ยากนักกับการมาพร้อมช่อดอกไม้ที่เคยส่งมากก่อนหน้านี้ โดยไม่
บอกว่า เป็นใคร ซึ่งธูปหอมพอจะเดาออก แต่ไม่อยากรับรู้อะไร จึงไม่ได้บอกขอบคุณ เพราะตัวเองไม่สามารถติดต่อนาราได้อยู่แล้ว เพราะเจ้าตัวเปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์ไปตั้งแต่ตอนแต่งงาน ส่วนข่าวคราวต่างๆ ธูปหอมเห็นจากการสัมภาษณ์ตามนิตยสารและรายการโทรทัศน์
“ได้นั่งดูเธอทำงาน เราทำไมถึงมีความสุขไม่รู้” นาราพูดขึ้น
“แต่เราไม่สะดวกเลยนะ” ธูปหอมบอก การพูดคุยที่ยังแทนตัวกันและกันเหมือนเดิมเกิดจากความเคยชิน ธูปหอมไม่อยาก
เปลี่ยนเพราะไม่อยากให้อีกฝ่ายคิดว่าโกรธเคืองอะไร
“ค้างด้วยน่าจะสะดวก” นาราพูดขึ้น ธูปหอมละสายตาจากหน้าจอ คอมพิวเตอร์ เพราะรู้สึกแปลกใจกับสิ่งที่ได้ยิน
“ยี่สิบกว่าปีเพิ่งจะมาพูดเรื่องความสะดวก อะไรที่เธอทิ้งแล้วอย่าเก็บไปอีก เราคือคนที่เธอทิ้งจนไร้ค่าตั้งแต่วันนั้นและตลอดไป
สำหรับเธอ”
“เด็กน่ะ เขามีไว้หลงชั่วครั้งชั่วคราว ผู้ใหญ่ด้วยกันไม่คุยกันรู้เรื่องกว่าหรือ แต่ได้ข่าวว่าอยู่กับผู้ชายรวย เธอคงไม่ได้ต่างอะไรกับเรา ว่าไหม”
“ไม่ว่า แต่เราไม่อยากเหมือนเธอหรอก มีอะไรอีกไหม เราคงต้องทำงานแล้วล่ะ ถ้าจะอ่านหนังสือเชิญข้างล่างค่ะ หรือถ้าจะ
บริจาคช่วยเหลือห้องสมุดเชิญที่เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ด้านล่างเช่นกัน” ธูปหอมพูดตัดบท ถ้าไม่อย่างนั้นนาราคงนั่งจ้องมองอยู่อีก
นาน
“ได้วันนี้ว่างไม่มีสอน จะเฝ้าอยู่ทั้งวันเลย เราเชื่อว่า เธอเป็นคนใจอ่อนเหมือนที่เคยเป็น” นาราบอกและทำท่าส่งจูบ โดยเอามือแตะริมฝีปาก
ธูปหอมไม่ได้สนใจอะไรเรื่องของนารา แต่ที่เป็นห่วง คือ กอหวายที่ จู่ๆ ว่าง่ายยอมให้เทียนเทพขับรถไปส่งที่บ้าน ป่านนี้ยังไม่
มีการส่งข่าวเลยว่าถึงบ้านแล้วหรือยัง ธูปหอมมองดูโทรศัพท์ที่วางอยู่ แต่ตัดสินใจไม่ทำตัววุ่นวายด้วยการโทรศัพท์ไปถาม เพราะไม่
อยากสร้างความไม่สบายใจให้ โดยเฉพาะตอนที่อยู่กับครอบครัว เสียงเตือนจากโทรศัพท์ดังขึ้นแจ้งว่ามีการส่งข้อความเข้ามา ธูป
หอมยิ้มเมื่อเห็นชื่อของผู้ส่ง
“ถึงบ้านเรียบร้อยค่ะ แต่หมอเทียนตามมาคุยกับพ่อแม่” กอหวายอยากให้ธูปหอมสบายใจ จึงบอกเรื่องของเทียนเทพด้วย
กอหวายเห็นว่า ธูปหอมอ่านข้อความแล้ว จึงเดินกลับมาพร้อม น้ำดื่ม ขนม และผลไม้ ซึ่งมารดาเป็นคนจัดเตรียมและให้กอ
หวายยกออก มาเพื่อรับรองเทียนเทพที่กำลังพูดคุยเรื่องต้นไม้อย่างถูกคออยู่กับจอมทัพที่เรือนกล้วยไม้
“เป็นหมอตามคุณแม่สิคะ” เกื้อกูลออกมาสมทบเพื่อไม่ให้กอหวายหนีไปไหน เพราะมารดาออกจะพึงพอใจในความอ่อนน้อม
ของแพทย์หนุ่มที่มาส่งลูกสาว
“ครับ แต่ไม่ขยันเท่า” เทียนเทพบอก
“โลกกลมเหมือนกันนะครับ เพราะเพิ่งไปตรวจสุขภาพได้พบกับหมอเทียน แล้วยังได้มาเจอกันถึงที่บ้านอีก” จอมทัพแปลกใจที่
จู่ๆ ลูกสาวพาชายหนุ่มเข้ามาที่บ้านทั้งที่ก่อนหน้ายังพูดคุยกันเรื่องของธูปหอม
“ครับผม” เทียนเทพยิ้มและชำเลืองมองดูกอหวายที่นั่งเงียบมองไปทางด้านหน้าบ้านปล่อยให้บิดามารดาพูดคุยกับเทียนเทพ
“รีบไปไหนหรือเปล่าคะ หมอ อยู่ทานกลางวันด้วยกันนะคะ” เกื้อกูลเอ่ยชวน เทียนเทพรีบพนมมือไหว้ทันที แต่ขอโทรศัพท์ไป
ถามมารดาก่อน เพราะไม่รู้ว่าจะกลับบ้านเวลาใด
กอหวายถอนใจ เมื่อได้ยินเข้า แต่เกื้อกูลกำชับไว้ให้ต้อนรับอย่างดีซึ่งทำเหมือนว่า กอหวายพาชายหนุ่มมาแนะนำให้รู้จักเอา
ไว้ เทียนเทพเพียบพร้อมไปเสียทุกอย่างไม่น่าแปลกใจที่ทำให้ผู้ใหญ่คิดไปอย่างนั้น