Chapter 3 《 Part 1 》

1435 คำ
ห้อง 807 ฉันผลักประตูเข้ามาสุดแรง นี่ถ้าไม่เกรงใจกล้องวงจรปิดตรงระเบียงทางเดินคงยกเท้าถีบไปแล้ว คนที่อยู่ในห้องหันมามองเป็นตาเดียว ฉันก้าวดุ่มๆ ไปที่เตียงโดยไม่สนใจใครหน้าไหนทั้งนั้น “ทำบ้าอะไรของนาย!” ฉันกระชากคอเสื้อคนเจ็บขึ้นมาจากเตียง “คะคุณ...” พยาบาลกำลังวัดความดันที่แขนของฮาน ผงะถอยหลังอย่างตกใจหันมามองหน้าตาตื่น “เพนนี” เสียงเรซ เรซคือคนที่อยู่ในห้องกับฮาน แล้วก็มีผู้หญิงรูปร่างเซ็กซี่นมเป็นนมตูดเป็นตูดอีกคนที่ยืนเกาะแขนเรซอยู่ข้างๆ เธอมองมาที่ฉันด้วยแววตาตกตลึงไม่แพ้กัน “คุณคะ คุณทำอะไร ปล่อยคนไข้ก่อนค่ะ” ฉันไม่สนเสียงเตือนของพยาบาล กำคอเสื้อฮานแน่น จ้องลึกเข้าไปในดวงตาคมเข้มอย่างจะกินเลือดกินเนื้อ ถ้าจับหักคอได้คงหักไปแล้ว “....” ขณะที่ทุกคนแตกตื่นฮานกลับมองฉันด้วยสายตาเรียบนิ่ง “ฉันถามว่านายทำบ้าอะไร มายุ่งกับลูกฉันทำไม ไอ้คนสารเลว” ฉันตะโกนอย่างเหลืออด ง้างมือขึ้นจะฟาดใส่คนตรงหน้าเพื่อระบายความแค้นที่สุมอยู่ในอก แต่ข้อมือฉันกลับถูกเรซคว้าเอาไว้ซะก่อน เขาดึงฉันออกห่างจากฮาน “พอได้แล้วเพนนี” “นี่ปล่อยนะ” ฉันสะบัดมือเรซออกแต่ทำยังไงก็ไม่หลุด หันไปมองเรซนัยน์ตาขวาง “ไม่ใช่เรื่องของตัวเองอย่ายุ่ง!” “ฉันปล่อยเธอทำร้ายเพื่อนฉันไม่ได้” เรซยังคงพูดจาเย็นชากับฉันไม่ต่างจากในอดีต เมื่อก่อนเป็นยังไง ตอนนี้ในสายตาของเขาก็ยังมองฉันเป็นแค่ตัวน่ารำคาญเหมือนเดิม ฉันที่ยังดึงดันฮึดฮัดใส่ฮานหันไปมองหน้าเขาทันที มองใบหน้าไร้ความเห็นใจของเรซ รู้สึกเกลียดเข้ากระดูกดำ หมอนี่เป็นผู้ชายในแก๊งเรดซันคนสุดท้ายที่ฉันอยากเผชิญหน้าด้วย “นายมันก็ชั่วพอๆ กับเพื่อนนายนั่นแหละ คนชั่วยังไงก็ชอบปกป้องกันอยู่แล้ว” “ยัยเด็กแสบ” “โอ๊ย!” ไอ้บ้าเรซมันบีบข้อมือฉันแรงขึ้น “เรซ...” ผู้หญิงที่อยู่ข้างเรซก่อนหน้านี้เอ่ยขึ้นด้วยท่าทางไม่สบายใจ ฉันเพิ่งจะมีโอกาสมองหน้าเธอชัดๆ แล้วก็นึกออก... พี่เทียนเพื่อนคะนิ้งนี่เอง “ปล่อยเพนนี” เสียงเย็นยะเยือกของฮานดังขึ้นทำให้เรซยอมปล่อยมือจากฉันอย่างเสียไม่ได้ แต่ยังจับตามองฉันทุกฝีก้าว เรียกได้ว่าถ้าฉันคิดจะทำอะไรแผลงๆ กับฮานอีก หมอนี่ได้ล็อกตัวฉันทันที ฮานหยัดตัวขึ้นนั่งอย่างยากลำบาก พยาบาลรีบปรี่เข้ามาช่วยพยุงอย่างออกนอกหน้า ถ้าไม่ติดว่าทำตามหน้าที่ฉันคงคิดไปแล้วว่าเธอจงใจหาเศษหาเลยกับคนไข้ ฮานยกมือขึ้นเป็นสัญญาณให้พยาบาลถอยออกไปหลังลุกขึ้นนั่งได้สำเร็จ ทำให้เราสองคนเผชิญหน้ากันตรงๆ “เธอจะฆ่าฉันหรือไง” นั่นเป็นประโยคแรกที่เขาพูดกับฉัน “ถ้าฆ่าได้ ฆ่าไปแล้ว” “ในเมื่อรู้ว่าฆ่าไม่ได้ ก็อย่าพยายาม” ฉันกัดฟันกรอด จ้องใบหน้าเรียบสนิทของคนพูดเขม็ง โกรธที่ฉันไม่สามารถสร้างบาดแผลให้เขาได้ ไม่ว่าจะเป็นร่างกายหรือจิตใจ แต่ก่อนที่จะถูกแรงกดดันจากฮานครอบงำจนไม่เหลือเหตุผลควบคุมสติ ฉันพูดสิ่งที่อยู่ในใจออกมา “พวงกุญแจรถคันนั้นไปอยู่ในมือตาหนูได้ยังไง” “เมื่อเช้าแวะไป” “อะไรนะ” “เธอหลับ” ตอบมาแบบหน้าตาเฉย เหมือนไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร ฉันเดือดพล่าน สั่นไปหมดทั้งตัว ใบหน้าชาวาบไปด้วยความโกรธ พูดอะไรไม่ออกเมื่อรู้ว่าฮานอยู่ที่นั่นตอนฉันหลับ “ทำแบบนี้ทำไม ต้องการอะไร ที่ผ่านมายังเห็นฉันทรมานไม่พอหรือไง” “….” ฮานไม่ตอบ เขามองหยาดน้ำตาที่ไหลผ่านรวงแก้มฉันด้วยสายตาเรียบนิ่ง “ถ้ายังพอมีหัวใจอยู่บ้าง ขอร้องปล่อยฉันกับลูกไปเถอะ อย่ามายุ่งกับเราสองคนอีกเลย” ฉันกลั้นสะอื้นต่อไม่ไหว น้ำตาไหลพราก ยกมือขึ้นปิดปาก พยายามกดความอ่อนแอในใจลงไป แต่ยิ่งกลั้นมันก็ยิ่งทะลักออกมา สายตาฉันพร่ามัวเพราะคลื่นน้ำตา มองแทบไม่เห็นสีหน้าของฮาน ชั่วขณะที่ฉันเปิดเผยความรู้สึกที่อัดอั้นอยู่ข้างใน เสียงฮานก็ดังขึ้น “ถ้าเธอไม่พอใจก็เอาลูกมาให้ฉัน แล้วฉันจะไม่ยุ่งกับเธออีก” เส้นอารมณ์ฉันขาดสะบั้นลงทันที กรีดร้องอย่างเดือดดาล พุ่งเข้าไปทำร้ายฮานแต่ข่วนได้แค่แขนที่เขายกขึ้นมาป้องกันใบหน้าตามสัญชาตญาณ ก่อนที่ฉันจะถูกเรซล็อกตัวแล้วจับโยนออกจากห้องแบบไม่ทันตั้งตัว “เรซ! ไอ้บ้าเปิดประตูเดี๋ยวนี้นะ ฉันบอกให้เปิดไง สารเลวเอ๊ย! พูดออกมาได้ยังไง ไอ้บ้า บอกให้เปิดไงวะ” ฉันปราดเข้าไปทุบประตูพลั่กๆ เขย่าลูกบิดอย่างบ้าคลั่ง แต่ประตูถูกล็อกจากด้านใน กระชากจนฝ่ามือแดงเถือกก็ไม่ยอมเปิด “ฉันไม่มีทางยกลูกให้นายได้ยินไหมฮาน ไม่มีวัน!” พลั่กๆ “เปิด! ออกมาคุยให้รู้เรื่อง ไอ้สารเลว ขี้ขลาด ไอ้คนไร้ยางอาย คิดจะเอาลูกไปจากฉันเหรอ ข้ามศพฉันไปก่อนเถอะ โว้ยย!” “พะเพนนี… เพนนีใจเย็นก่อนนะ ที่นี่โรงพยาบาลอย่าลืมสิ” ใครสักคนเอ่ยเตือนอย่างกล้าๆ กลัวๆ จับแขนฉันรั้งออกห่างประตู ฉันหันขวับไปมองตาขวางพร้อมกับสะบัดแขนออกอย่างฉุนเฉียว “....” พี่เทียนทำหน้าเกร็งๆ ผงะไปด้านหลังเล็กน้อย กำลังมองฉันด้วยสายตาปรามๆ ฉันยอมรับว่าแอบตกใจที่เห็นเธอ และก็ประหลาดใจที่ก่อนหน้านี้ฉันไม่ทันสังเกตว่าเธอออกมาด้วย มัวแต่โกรธจนไม่ได้สนใจสิ่งต่างๆ รอบตัว พอสงบใจลงก็เห็นห้องข้างๆ เปิดประตูออกมาดู คนที่เดินผ่านไปมาตรงทางเดินก็กำลังมองด้วยสายตาแปลกๆ ฉันเม้มริมฝีปากเป็นเส้นตรงแบบเดียวกับที่ตาหนูทำเวลารู้สึกขัดใจ “ใจเย็นๆ” พี่เทียนลูบแขนฉันแล้วพูดคำเดิมซ้ำๆ เหมือนไม่รู้ว่าจะปลอบยังไงดี ฉันมองแขนที่ถูกคนตรงหน้าลูบ พยายามข่มความรู้สึกที่อยากจะปัดมือเธอทิ้งเอาไว้ คิดว่าฉันจะยิ้มแล้วบอกว่า ‘ได้ค่ะพี่ หนูจะใจเย็น ขอบคุณนะคะที่ช่วยเตือนสติ’ อย่างงั้นเหรอ!? มีแต่นางเอกในละครเท่านั้นล่ะที่จะตัดใจง่ายขนาดนั้น พี่เทียนเป็นฝ่ายเอามือออกไปเอง หลังมั่นใจแล้วว่าฉันจะไม่บุ่มบ่ามอาละวาดอีก ตอนนั้นประตูก็เปิดพรวดออกมาพร้อมสีหน้ากังวลของเรซที่เหมือนทำของสำคัญหาย “เทียน!” “เรซ...” “ออกมาตั้งแต่เมื่อไหร่” หมอนั่นจ้องพี่เทียนอย่างไม่สบายใจ ท่าทางอยากกระชากเธอกลับเข้าไปข้างในใจจะขาดแต่เพราะอะไรไม่รู้ทำให้เรซไม่กล้าใช้กำลังกับพี่เทียน “ก็ตั้งแต่ที่เรซอุ้มน้องออกมานั่นแหละ” “แล้วเทียนออกมาทำไม กลับเข้ามาเดี๋ยวนี้” เรซมีสีหน้าเหนื่อยใจ เขายื่นมือออกมาโดยยังใช้ร่างบังช่องประตูเอาไว้ กันไม่ให้ฉันหรืออะไรก็ตามที่เขาไม่อนุญาตให้ผ่านเข้าไปได้ “ไม่ล่ะ” พี่เทียนมองฉันก่อนหันไปปฏิเสธเรซอย่างไม่ลังเล เรซขมวดคิ้ว แต่ไม่ได้บีบบังคับ หมอนั่นมองเราสองคนด้วยสายตาครุ่นคิดชั่วแวบหนึ่งก่อนพยักหน้ายอมปล่อยให้พี่เทียนทำตามใจชอบ ฉันเคยได้ยินคะนิ้งพูดว่าเรซหลงพี่เทียนมาก แต่ก็นึกภาพไม่ค่อยออก เพราะภาพจำของเรซในหัวฉันคือผู้ชายที่ไม่เคยแคร์อะไรมากไปกว่าผลประโยชน์และความต้องการของตัวเอง ยากมากที่เขาจะยอมให้ผู้หญิงสักคนทำตามอำเภอใจแบบนี้ “ถ้าจะกลับก็โทรมา” เรซบอกพี่เทียนแค่นั้นก็ปิดประตูกลับเข้าไปข้างใน “เฮ้ย! เดี๋ยวสิ...” ฉันร้องเรียก พุ่งเข้าไปหาประตูที่ปิดลงอย่างฉุนๆ ใจอยากเข้าไปเคลียร์กับฮานให้จบๆ พอนึกถึงคำพูดที่หมอนั่นพูดขึ้นมาทีไร อารมณ์ฉันก็พุ่งปรี๊ดจนแทบจะพ่นไฟได้ บ้าเอ๊ย! พลั่ก! ฉันถีบประตูไปทีหนึ่งด้วยความหงุดหงิด
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม