ตอนที่ 3...

2619 คำ
“อรุณสวัสดิ์ค่ะคุณเคลย์ตัน” จิรัชยาส่งยิ้มให้เขา ที่กำลังยืนทาครีมกันแดดอยู่ที่ล็อบบี้ “อย่าบอกนะว่าคุณจะไปกับผม” เคลย์ตันเห็นเธออยู่ชุดกางเกงขาสั้น และเสื้อแขนยาว พร้อมกับกระเป๋ากันน้ำ ในมือก็พร้อมไปด้วยกล่องอาหารชุดใหญ่ “ใช่ค่ะ พอดีไกด์ของบริษัททัวร์เค้าติดงานกันหมด แต่ไม่ต้องห่วงนะคะ เจนให้ข้อมูลต่างๆ ได้ครบถ้วน และที่สำคัญ เจนไม่ได้ขับเรือค่ะ” เธอบอกเขาอย่างอารมณ์ดี “ฮ่าๆ ถ้าคุณขับเอง ผมขอนอนอาบแดดที่ชายหาดใกล้ๆ นี่แล้วกัน” เคลย์ตันหัวเราะชอบใจไปกับมุกตลกที่เธอเล่น และวันนี้เขารู้สึกว่าเธอสดใสกว่าวันก่อนๆ ที่เคยเจอ “ไปกันดีกว่าค่ะ รถมารับไปท่าเรือแล้ว” เธอผายมือเชิญให้เขาเดินไปที่รถ แต่เคลย์ตันก็หันมาช่วยเธอถือของต่างๆ และเดินไปพร้อมกัน “ขอบคุณค่ะ” เธอยิ้มให้เขา แต่เมื่อเขาส่งยิ้มกลับมา เธอก็รีบมองไปทางอื่นอย่างแนบเนียน เขาทำให้เธอรู้สึกว่าเขา... หล่อ... อีกแล้ว บรรยากาศการเดินทางจากท่าเรือไปเกาะรอกเป็นเวลาสองชั่วโมงนั้น ไม่มีวิวทิวทัศน์อะไรนอกจากภูเขาและผืนน้ำสีน้ำเงินเข้มที่กว้างไกลสุดลูกหูลูกตา จิรัชยาบริการอาหารเช้าให้เขา และแบ่งปันให้กับกัปตันและผู้ช่วยกัปตันได้ทานด้วย แม้ว่าจะเธอไม่รู้ว่าตรงนี้คือที่ไหน ฝั่งทางซ้ายหรือขวา เป็นทะเลที่ติดกับจังหวัดอะไร แต่เธอก็คอยถามกัปตัน จนสามารถพูดคุยกับเคลย์ตันได้อย่างไม่ติดขัด ทั้งสองพูดคุยกับไปเรื่อยๆ เสียงลมและเครื่องยนต์ ทำให้บางครั้งทั้งคู่ต้องขยับกันมาใกล้กัน เพื่อให้สื่อสารกันชัดเจนขึ้น เคลย์ตันไม่รู้สึกเบื่อที่จะพูดคุยกับเธอเลยแม้แต่นิดเดียว ทั้งๆ ที่นิสัยของเขานั้น ไม่ใช่คนพูดมาก หรืออยากสร้างมิตรภาพใหม่ๆ แต่การได้แลกเปลี่ยนเรื่องราวต่างๆ ก็ทำให้เขาได้รู้ว่าเธอเป็นผู้หญิงที่อายุน้อยกว่าเขาเพียงสามปี เรียนจบสาขาวรรณกรรมอังกฤษ และด้วยเหตุผลนี้เอง ที่ทำให้เธอสามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้เป็นอย่างดี เธอเคยทำงานเป็นบรรณารักษ์ห้องสมุด แต่ต้องลาออกมาดูแลโรงแรมแทนแม่ของเธอที่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุ และเขาก็ได้รู้ว่าเธอทุ่มเทกับการสานต่อความฝันของแม่มากเพียงใด ดวงตาของเธอเป็นประกายเมื่อพูดถึงผู้หญิงที่เธอรักที่สุดแต่ไม่ได้อยู่บนโลกนี้แล้ว เธอเป็นผู้หญิงที่พยายามมองโลกให้สวยงามอยู่เสมอ เธออยู่กับปัจจุบัน และทำทุกวันให้ดีที่สุด เพราะเธอไม่รู้ว่าวันพรุ่งนี้ เธอจะได้ใช้ชีวิตต่อไปหรือเปล่า เธอเล่าถึงน้องชายตัวแสบ ว่าจริงๆ แล้วจิรกิตติ์ไม่ใช่คนหัวร้อนแบบที่เขาเคยเจอ แต่เป็นเพราะแอลกอฮอล์ที่เปลี่ยนนิสัยคนได้ในชั่วพริบตา เมื่อเธอเล่าถึงตรงนี้ เคลย์ตันก็รู้สึกผิดขึ้นมาอีกครั้งที่เคยต่อว่าและทำร้ายร่างกายน้องชายของเธอ “ผมขอโทษด้วยนะครับ วันนั้นผมก็ควบคุมสติไม่ดีด้วย” “ไม่เป็นไรค่ะ ไม่เป็นไรเลย เจนไม่ได้เล่าเพื่อให้คุณขอโทษนะคะ เจนก็พูดไปเรื่อยเปื่อยค่ะ” จิรัชยาเพิ่งจะรู้ตัวตอนนี้เองว่า เธอพูดเรื่องของตัวเองให้คนแปลกหน้าฟังมากเกินไปแล้ว “ใกล้ถึงแล้วนะครับน้องเจน เกาะรอกอยู่ตรงโน้น” เสียงผู้ช่วยกัปตันดังขึ้นมา พร้อมกับชี้มือไปที่เกาะรอก แค่มองจากไกลๆ ก็เห็นความสวยของหาดทรายสีขาวละเอียดแล้ว “ไปดูยืนดูข้างหน้ากันไหมคะ” เธอชักชวนเขาเดินไปดูที่หัวเรือ เธอเคยมาที่นี่แล้วหลายครั้ง แต่ก็ไม่เคยเบื่อที่จะได้เห็นความสวยงามของมันเลย “สวยจริงๆ ครับ” เคลย์ตันเองก็รู้สึกไม่ต่างกับเธอ นี่คงเป็นสวรรค์ที่อยู่บนดิน “เรือเข้าไปส่งที่ชายหาดไม่ได้นะคะ เราต้องลงเรือและเดินบนโป๊ะไปที่ชายหาด ตอนเดินคุณต้องระวังด้วยนะคะ มันโคลงเคลงตามกระแสคลื่น” จิรัชยาบอกเมื่อเรือลดความเร็วเพื่อเทียบท่า “รับทราบครับ” เขาตอบและมองรอยยิ้มของเธอ จะว่าไปเวลาสองชั่วโมงที่ผ่านมา เขาแทบไม่ได้หยุดมองหน้าเธอเลยสักวินาทีเดียว “ถ้าคุณเดินถึงชายหาดแล้ว รบกวนคุณรอเจนที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ตรงนั้นแป๊บนึงนะคะ เดี๋ยวเจนจะถือของตามไปค่ะ” “คุณจะถือไหวเหรอ ไหนบอกว่าโป๊ะมันโคลงเคลงไง” “ไหวค่ะ เดี๋ยวพี่ผู้ช่วยกัปตันจะช่วยถือไปส่ง” “ผมช่วยถือก็ได้ พี่เค้าจะได้ไม่ต้องเดินไปเดินมา” “ถ้าคุณอยากช่วย เจนก็ยินดีค่ะ” จิรัชยาส่งตะกร้าผลไม้ให้เขา ส่วนตัวเองก็ถือตะกร้าที่มีน้ำดื่มและอาหารเที่ยง รวมถึงกล่องยาสำหรับปฐมพยาบาล เมื่อทั้งคู่เดินผ่านโป๊ะเรือมาถึงชายหาด โดยที่ไม่มีใครตกลงไปในน้ำ เธอก็นัดแนะว่าเธอจะนั่งรอเขาอยู่ตรงไหน หากเขาต้องการความช่วยเหลือ จะได้ติดต่อเธอถูก “โอเคครับ บ่ายโมงผมจะมากินข้าว” เคลย์ตันเข้าใจที่เธอบอกทุกอย่าง เขาเดินไปอีกฟากของชายหาด เพื่อนอนอาบแดดและอ่านหนังสือ ส่วนจิรัชยา เมื่อเห็นเขานอนอาบแดดก็ถือโอกาสตักตวงความสุขตรงหน้าด้วยการลงไปเล่นน้ำใกล้ๆ กับจุดนัดหมาย โชคดีที่วันนี้นักท่องเที่ยวไม่เยอะ ชายหาดจึงค่อนข้างเงียบสงบ เธอถอดเสื้อแขนยาววางไว้ เหลือเพียงกางเกงขาสั้นและเสื้อว่ายน้ำแขนยาว เธอว่ายน้ำไปมา แม้จะไม่มีคลื่นสูงให้ท้าทาย แต่มันก็ทำให้เธอมีความสุข และกว่าจะรู้ตัวอีกที เธอก็โดนน้ำสาดเข้าที่หน้าเต็มๆ “อุ้ย!” เธอตกใจ คิดว่าจะชนกับนักท่องเที่ยวคนอื่น แต่ยังไม่ทันได้กล่าวคำขอโทษ ก็โดนน้ำอีกชุดสาดเข้าที่หน้าอีกครั้ง “คุณ! มันเข้าปากฉันนะ” “ก็คิดว่ากินน้ำปลาสิคุณ” เคลย์ตันกวักน้ำใส่เธออีกรอบ “นี่แหน่ะ! คุณกินบ้างไหมล่ะ” เธอแกล้งเขาคืนบ้าง “ทำไมมาเล่นน้ำแบบนี้ ถ้าผมเกิดเหยียบเปลือกหอยจนเลือดสาด ผมเดินไปหาคุณไม่เจอ ผมจะทำยังไง” เขาแกล้งตำหนิเธอ “คือ... ฉันเห็นว่าคุณนอนอาบแดดอยู่ ก็คงไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง แล้วน้ำมันก็ใสมาก...” “ก็เลยหนีงานมาเล่นน้ำว่างั้น” “ก็ประมาณนั้นค่ะ” เธอยิ้มแหยๆ เพราะรู้ว่าตัวเองบกพร่องในหน้าที่ “งั้นไปตรงนู้นกันไหม ผมได้ยินเค้าพูดว่ามีปลาการ์ตูน” เคลย์ตันชี้ไปที่กลุ่มคนจำนวนหนึ่ง ซึ่งห่างออกไปไม่ไกล “เชิญคุณตามสบายเลยค่ะ ฉันไม่อยากรบกวน” “เอาน่า... ผมไม่บอกใครหรอกว่าคุณอู้งาน” เขาพูดจบก็จับข้อมือเธอให้เดินตามไป แม้จิรัชยาจะตกใจที่เขาถึงเนื้อถึงตัว แต่เธอก็ปล่อยให้เขาเดินนำไป เพราะเป็นอีกครั้งที่เธอรู้สึกว่าหัวใจเธอมันกระชุ่มกระชวยดีเหลือเกิน “โอ้โห! เต็มเลยคุณ ดูสิ” เคลย์ตันดูท่าทางจะตื่นเต้นกว่าใครๆ เขาเหมือนเด็ก ที่เพิ่งเคยเห็นปลาครั้งแรก ทั้งสองเพลิดเพลินกับปลาน้อยน่ารักอยู่สักพัก ก่อนจะเดินขึ้นมานั่งทานข้าวด้วยกัน เธอดูแลเขาอย่างดีตามหน้าที่ และด้วยความเหนื่อยล้าจากการเดินทางและเล่นน้ำ หรือว่าคนตรงหน้าที่เจริญหูเจริญตาก็ไม่รู้ ที่ทำให้อาหารมื้อนี้สำหรับเธอนั้นมันอร่อยเป็นพิเศษ “ผมจะไปนอนอ่านหนังสือ คุณไปด้วยกันไหม” “ไม่ค่ะ เจนรบกวนคุณมากแล้ว” “งั้นตอนบ่ายสามโมง มาตามผมด้วยนะ” “ค่ะ” เธอตอบรับคำสั่งและเก็บข้าวของตรงหน้าไปทิ้ง เพื่อไม่ให้เกิดความสกปรกขึ้นกับชายหาด เวลาที่เหลือ เธอก็นั่งย่อยอาหารไปพร้อมกับการมองเขานอนอ่านหนังสือ ผู้ชาย... กล้ามท้อง... ทะเล... หนังสือ... รอยยิ้ม... เธอได้คำตอบกับตัวเองแล้วว่า เธอหลงเสน่ห์เคลย์ตันเข้าเต็มๆ “คุณเคลย์ตันคะ ได้เวลากลับแล้วค่ะ” เมื่อถึงเวลา เธอก็เดินมาเรียกเคลย์ตันเบาๆ เพราะผู้ชายที่นอนอ่านหนังสืออยู่เมื่อครู่ นอนหลับกลางแดดไปสักพักแล้ว “บ่ายสามแล้วเหรอ” “ค่ะ น้ำกับของว่างค่ะ ทานระหว่างรอเรือเทียบท่านะคะ” “ผมหลับไปตั้งแต่ตอนไหนเนี่ย” เคลย์ตันถามหลังจากดื่มน้ำไปอึกใหญ่ “ไม่รู้สิคะ” จิรัชยาโกหกตัวเองว่าเธอไม่รู้ความเป็นไปของเขา “ที่นี่สวยจริงๆ ผมยังไม่อยากกลับเลย” เขามองไปรอบๆ เพื่อเก็บบรรยากาศเป็นครั้งสุดท้าย “มาอีกสิคะ แต่ไม่ฟรีแล้วนะ” เธอบอกเขาตามตรง “เป็นความคิดที่ดีครับ ผมก็กำลังคิดเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน ถ้าผมอยากอยู่ต่อได้หรือเปล่า” เขาหันไปถามจิรัชยา และมองตาเธออย่างรอคำตอบ “ก็ขึ้นอยู่กับคุณค่ะ” “ผมรู้สึกว่า... ผมชักจะชอบที่นี่แล้วสิ” เคลย์ตันยิ้มให้เธอ และไม่ละสายตาจากเธอเลยแม้แต่วินาทีเดียว จนเมื่อเขาเห็นว่าเธอหน้าแดง ก็หันกลับไปมองที่น้ำทะเลใสๆ ตรงหน้า “นั่นเรือเราใช่ไหม” “ใช่ค่ะ เชิญคุณเดินก่อนเลยค่ะ” “ผมเดินไปพร้อมคุณก็ได้นะ” “ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวฉันเดินไปหยิบของแล้วจะตามไป” เธอลุกตามเขาไปติดๆ และเป็นอีกครั้งที่คำพูดของเขาทำให้เธอหัวใจเต้นแรง การเดินทางขากลับ ไม่มีการพูดคุยอะไรมาก เพราะจิรัชยารู้สึกมึนหัว เธอค้นในกล่องปฐมพยายาล เพื่อหายาแก้เมาเรือแต่ก็ไม่พบ เม็ดสุดท้าย เธอคงให้เคลย์ตันทานก่อนขึ้นเรือ เพื่อป้องกันอาการเวียนหัว เพราะกัปตันแจ้งว่ามีคลื่นลมแรง เธอนั่งหายใจเข้าลึกๆ และทอดสายตามองท้องฟ้า แต่ก็เหมือนจะไม่ดีขึ้น เคลย์ตันสังเกตเห็นว่าเธออาการไม่ดีจึงเข้าไปสอบถาม และเขาก็ไม่รู้จะช่วยอะไร นอกจากนั่งอยู่ข้างๆ เผื่อว่าเธอต้องการความช่วยเหลืออะไร เธอหน้าซีด ปากแห้ง เขาไปถามหายาจากกัปตันก็ไม่มี เขาจึงคิดว่าการให้เธอนอนจึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด เพราะกว่าจะถึงท่าเรือก็อีกหนึ่งชั่วโมง เขาถอดเสื้อยืดของตัวเองม้วนทำเป็นหมอนให้เธอ แต่เมื่อเธอหลับไปไม่นาน มันก็ตกลงพื้น เขาจึงตัดสินใจให้เธอนอนหนุนตัก ในใจก็นึกขำที่ตัวเองกลับต้องเป็นคนดูแลไกด์นำเที่ยวของตัวเองซะงั้น “เจน...” เมื่อมาถึงท่าเรือ วุฒิชัยที่ยืนรออยู่ก็รีบลงไปในเรืออย่างรวดเร็ว ภาพที่เขาเห็นคือเคลย์ตัน กำลังปลุกจิรัชยาที่นอนหนุนตัก “ถึงแล้วเหรอคะ” เธองัวเงียตอนขึ้นมา เพราะอาการมึนหัวยังไม่หายไปเลย “ถึงแล้วครับ ดีขึ้นไหม” เคลย์ตันถามด้วยความเป็นห่วง แต่จิรัชยาก็ไม่ตอบคำถามอะไร เธอวิ่งไปที่ท้ายเรือ และอาเจียนออกมาในทันที “ผมจัดการเอง” วุฒิชัยบอกเคลย์ตันที่กำลังจะเข้ามาลูบหลังให้เธอ “คุณขึ้นไปรอที่ท่าเรือได้เลย จะมีเจ้าหน้าที่คอยดูแล” เคลย์ตันรู้ตัวว่าตัวเองโดนไล่ เขายอมเดินออกไปตามที่วุฒิชัยต้องการ เพราะยังไงแล้ว เขาก็ยังมีเวลาได้สอบถามอาการเธออีกเยอะ “ขอน้ำหน่อย!” วุฒิชัยตะโกนของบอกคนของเขาอย่างร้อนใจ หน้าตาของจิรัชยาดูหมดเรี่ยวแรงเหลือเกิน “เดี๋ยวพี่ไปส่งนะเจน” “เจนกลับพร้อมลูกค้าก็ได้ค่ะ” “ก็นั่นแหละ พี่จะไปส่งทั้งเจน ทั้งลูกค้าของเจนนั่นแหละ” วุฒิชัยพยายามจะไม่หงุดหงิด แต่ก็อดไม่ได้จริงๆ ตัวเองก็แทบจะเดินไม่ไหว ยังจะห่วงดูแลลูกค้าอีก “ค่ะ” จิรัชยาตกใจไม่น้อยที่เห็นท่าทางหงุดหงิดของเขา แม้ร่างกายจะทำงานได้ไม่เต็มที่ แต่สมองของเธอยังทำงานครบถ้วน “ค่อยๆ เดินนะ” เมื่อเห็นสายตาที่มองมาของเธอ เขาก็รู้ว่าตัวเองได้ทำผิดพลาดไปแล้ว ตลอดทางไปส่งจิรัชยา เคลย์ตันนั่งที่ด้านหลังสุดของรถตู้ เขามองวุฒิชัยที่พยายามเอาอกเอาใจเธอจนเกินเหตุด้วยความหมั่นไส้ “ขอบคุณที่มาส่งนะคะ” เธอบอกเขาด้วยเสียงแผ่วเบา และไม่มีรอยยิ้มใดๆ ออกมา เธอเหนื่อยเกินกว่าจะทำอะไรทั้งสิ้น “เจมส์... สั่งแม่ครัวให้ทำข้าวต้ม แล้วค่อยให้เจนกินยา ถ้ามีอะไรด่วนก็รีบโทรหาพี่ ดึกแค่ไหนก็โทรมา ไม่ต้องเกรงใจ เข้าใจไหม” วุฒิชัยกำชับจิรกิตติ์ที่ออกมารอรับพี่สาว “ครับพี่วุฒิ” “พี่ไปก่อนนะเจน เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็หายแล้วนะ” “ค่ะ” เมื่อรถวุฒิชัยกลับไป จิรัชยาอยากจะขอบคุณเคลย์ตัน ที่ช่วยดูแลเธอระหว่างเดินทางกลับ แต่เขาก็เดินไปที่ห้องพักเสียก่อน “แน่ใจนะว่าไม่ให้เจมส์อยู่เป็นเพื่อน” เมื่อจัดการหาข้าวและยาให้พี่สาวจนเสร็จเรียบร้อย จิรกิตติ์ก็ถามเพื่อความแน่ใจ ว่าเธอไม่ต้องการให้เขาอยู่ดูแลในคืนนี้ “พี่อยู่ได้... อาบน้ำเสร็จก็จะนอนแล้ว แล้วก็ไม่ต้องไปรายงานพี่ชายของแกนะหมดทุกเรื่องนะ บอกแค่พี่กินยาแล้วก็พอ” จิรัชยารู้นิสัยน้องชายดี ถ้าเธอไม่เจ็บป่วยร้ายแรง น้องชายเธอไม่มีวันเป็นห่วงเธอขนาดนี้หรอก “เจมส์จะรายงานพี่วุฒิทุกอย่างเลย แล้วก็ฟ้องพี่วุฒิด้วยว่าพี่เจนเป็นห่วงไอ้ฝรั่งนั่น” “พูดอะไร... เพ้อเจ้อ” “ขอให้เป็นเรื่องเพ้อเจ้อจริงๆ แล้วกัน” แค่เขาเห็นพี่สาวมองหาเคลย์ตันทันทีที่วุฒิชัยกลับไป เขาก็รู้ว่าเธอต้องสนใจผู้ชายคนนั้นเป็นพิเศษแน่ “ขอบใจมาก... ไปพักผ่อนเถอะ” ด้านวุฒิชัยเมื่อกลับมาถึงบริษัทของตัวเอง เขาก็รีบสอบถามกัปตันและผู้ช่วยกัปตันว่าระหว่างที่ทั้งสองอยู่ที่เกาะ ทั้งคู่มีความใกล้ชิดกันมากเพียงใด มันก็เป็นอย่างที่เขาคิด ไอ้ฝรั่งคนนั้นมันทำตัวสนิทสนมกับเธอเกินเหตุ อย่างที่เขาคาดการณ์ไว้จริงๆ และยิ่งได้รู้ว่าตลอดทาง มันดูแลจิรัชยาเป็นอย่างดี เขาก็ยิ่งทุกข์ใจเข้าไปใหญ่ คนหวงเนื้อหวงตัวอย่างจิรัชยา นอนหนุนตักคนที่เพิ่งรู้จักกันได้ไม่นาน เขากลัวเหลือเกินว่าเธอจะหลงเสน่ห์มันเข้าให้ เพราะถ้าพูดกันตามตรง ไอ้ผู้ชายคนนั้นมันก็หล่อเหลาพอสมควร...
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม