“ฉันต้องการอุปการะเด็กคนนี้”
หน้าตาของเนื้อนวลตื่นตระหนก และปฏิเสธทันควัน
“ฝันไปเถอะ ฉันไม่มีทางยอม หลีกทางไป ฉันจะกลับ!”
หัวใจสาวสั่นสะท้าน เมื่อได้ยินความต้องการจากปากของผู้ชายตรงหน้า นี่เขายังไม่เลิกล้มความคิดนี้อีกหรือ เขายังคิดจะแย่งเอวาไปจากหล่อนอีกหรือ หล่อนไม่ยอม ไม่มีทางยอมเด็ดขาด หล่อนจะไม่มีทางยอมให้หลานสาวของตัวเองต้องไปอยู่ในความเลี้ยงดูของใคร โดยเฉพาะจอมมารร้ายอย่างคิริล อิสไมนอฟ มาร์คิเดฟ
“และจำเอาไว้ด้วยนะคะ ฉันไม่มีทางยกเอวาให้กับคุณ”
หญิงสาวเค้นเสียงลอดไรฟันออกมา กอดร่างตุ้ยนุ้ยของหลานสาวแน่น
“เธอไม่มีทางต่อกรกับฉันได้หรอก ฉันชนะใสใสอยู่แล้ว”
“ต่อให้ต้องแลกด้วยชีวิต ฉันก็จะปกป้องเอวา จากคนใจร้ายอย่างคุณ”
แล้วเนื้อนวลก็รีบก้าวยาวๆ ผ่านร่างสูงใหญ่ของคิริลจากมาอย่างรวดเร็ว หล่อนไม่ได้หันหลังกลับมามองอีกเลย ตอนนี้ในหัวของหล่อนก็คือไปที่ไหนก็ได้ ให้ไกลจากจอมมารร้ายที่จ้องจะแย่งเอวาไปจากหล่อนในทุกๆ ลมหายใจคนนี้
ฝันไปเถอะว่าหล่อนจะยอม หล่อนจะขอสู้ตาย จะสู้ให้ถึงที่สุด แม้หล่อนจะยากจนข้นแค้น แต่หล่อนก็รักเอวา หล่อนยินดีจะเหนื่อยเพื่อหลาน ยินดีจะทำทุกอย่างเพื่อเอวา หล่อนจะปกป้องเอวาด้วยชีวิตที่เหลือของหล่อน
“ผู้หญิงอย่างเธอน่ะหรือจะดูแลเด็กคนนี้ได้”
คิริลที่มองตามร่างแน่งน้อยของเนื้อนวลไปแค่นยิ้มเหยียดหยาม เขาจะทำทุกวิถีทางเช่นกันเพื่อช่วยเหลือลูกสาวของไมเคิลให้รอดพ้นจากแม่นิสัยแย่ๆ และเชื่อเถอะว่าผู้ชายที่ไม่เคยแพ้มาตลอดชีวิตอย่างเขาต้องทำมันได้อย่างแน่นอน
เนื้อนวลมาถึงบ้านก็รีบปิดประตูลงกลอนอย่างแน่นหนาด้วยความหวาดกลัว กลัวว่าคิริลจะตามมายื้อแย่งเอวาไปจากหล่อน เพราะถ้าเป็นอย่างนั้นหล่อนคงต้องขาดใจตายแน่นอน หญิงสาวน้ำตารื้นนัยน์ตา ขณะก้มลงมองร่างอวบอ้วนของเอวาที่นอนอยู่ในเปลด้วยสายตาที่เปี่ยมไปด้วยความรักความเอ็นดู เด็กน้อยหลับไปแล้วปากก็ยังคาบขวดนมอยู่เลย มือบางยื่นไปดึงขวดนมออกมาแผ่วเบา พลางพูดทั้งน้ำตาด้วยน้ำเสียงรักใคร่
“น้าจะไม่ยอมให้ใครหน้าไหนมาแย่งหนูไปทั้งนั้น เอวา เราสองคนจะต้องอยู่ด้วยกัน”
หญิงสาวก้มลงจูบหน้าผากมนของเอวาแผ่วเบา จากนั้นก็กำลังจะเอาขวดนมในมือไปล้าง แต่เสียงประตูหน้าบ้านถูกเคาะแรงๆ เสียก่อน หัวใจสาวตกไปอยู่ที่ตาตุ่มทันที กลัว... หวาดกลัวว่าจะเป็นคิริล เขา... ถ้าเป็นเขา... แน่นอนว่าเขาจะต้องมาแย่งเอวาไปจากหล่อน
เนื้อนวลหน้าซีดเผือด ไร้สีเลือด มองหลานสาวตัวน้อยด้วยสายตาอาลัยอาวรณ์ ไม่... หล่อนไม่มีทางยอม หล่อนจะสู้ตาย คิดได้ดังนั้นหญิงสาวก็รีบถลาไปหยิบไม้กวาดมาถือเอาไว้ในมือ และเดินไปหยุดที่ประตูหน้าบ้าน ยืนรวบรวมความกล้าอยู่อึดใจก็ตัดสินใจเปิดมันออก และ...
“โอ๊ย! เจ็บจะตีทำไม...!”
เสียงผู้ชายคุ้นหูทำให้เนื้อนวลที่หลับหูหลับตาฟาดด้ามไม้กวาดใส่ต้องรีบลืมตา และก็ต้องยิ้มเจื่อนๆ ขอโทษขอโพย เมื่อแขกตรงหน้าไม่ใช่คิริล
“พี่โอเนล”
โอเนลคือคู่ขาของพี่สาวของหล่อนเมื่อหกเดือนก่อน ทั้งคู่ลักลอบคบกัน หล่อนรู้เห็นมาตลอด และห้ามปรามมาตลอด ซึ่งสุดท้ายทั้งคู่ก็เลิกรากันไป แต่ไม่รู้ว่าเลิกเพราะคำเตือนของหล่อน หรือเพราะว่าพี่สาวของหล่อนได้พบเป้าหมายคนใหม่กันแน่
“ก็ใช่น่ะสิ พี่เอง แล้วนี่เกิดเป็นบ้าอะไรขึ้นมา เอาไม้มาตีพี่เนี่ย”
เจ้าของชื่อโวยวายอย่างโกรธจัด เนื้อนวลรีบยกมือไหว้อย่างสำนึกผิด
“ฉัน... ฉันขอโทษพี่โอเนล ฉัน... ฉันคิดว่า...”
“คิดว่าอะไรไม่ทราบ”
โอเนลจ้องหน้าหญิงสาวเขม็ง เจ็บไปทั้งตัว เนื้อนวลแรงดีชะมัด
“เอ่อ... คือฉันคิดว่า... เป็นขโมยน่ะจ้ะ”
หญิงสาวยิ้มเจื่อนๆ เพราะรู้ดีว่าคำแก้ตัวของตนเองนั้นหาได้สมเหตุสมผลไม่
แขกหนุ่มผู้มาเยือนถอนใจออกมาแรงๆ ก่อนจะค่อนคอดอย่างไม่พอใจ
“ขโมยบ้านเธอน่ะสิเนื้อนวลที่เคาะประตูเรียกเจ้าของบ้านน่ะ”
เนื้อนวลจนปัญญาที่จะแก้ตัวได้อีก ทำได้แค่เพียงยิ้มอย่างสำนึกผิดเพียงเท่านั้น ก่อนจะเอ่ยถามธุระจากผู้ชายตรงหน้าเมื่อนึกขึ้นได้
“ว่าแต่พี่โอเนลมีธุระอะไรหรือจ๊ะ”
“ขอพี่เข้าไปนั่งข้างในได้ไหม เรื่องมันยาวน่ะ”
หญิงสาวหันกลับไปมองภายในบ้านตัวเอง ก่อนจะหันมาจ้องหน้าแขกหนุ่มอย่างชั่งใจอยู่ครู่ใหญ่ก็พยักหน้าอนุญาต
“ก็ได้จ๊ะ แต่ฉันต้องเปิดประตูเอาไว้นะ มันน่าเกลียดน่ะเพราะฉันอยู่กับเอวาสองคน”
แขกหนุ่มตรงหน้าของหล่อนพยักหน้ารับ และเดินเข้าไปทันที
เนื้อนวลมองตามไปด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเป็นกังวล ลางสังหรณ์บางอย่างร้องเตือนว่าหล่อนกำลังจะเดือดร้อนอีกแล้ว
“เอ่อ พี่โอเนลมีอะไรจะคุยกับฉันหรือจ๊ะ”
หล่อนวางแก้วน้ำในมือลงกับโต๊ะตรงหน้าของแขกหนุ่ม จากนั้นก็รีบไปทรุดกายลงนั่งบนโซฟาตัวตรงกันข้ามกัน มองเขาอย่างกระวนกระวาย
โอเนลหยิบน้ำขึ้นไปดื่ม จากนั้นก็วางลง และจ้องหน้าหล่อน