4

3138 คำ
นารีเดินเข้ามาถามพร้อมกับส่งยิ้มให้เด็กสาวทั้งสองที่หน้าสวยหวานไปคนละแบบ “คุณไวน์กลับมากับคุณคาร่าเหรอคะ?” “ใช่ค่ะ” วรันยาส่งยิ้มเจื่อนๆ ให้คนสนิทของบิดา “แล้วคุณภาคิน...” นารีถามอย่างสงสัย “ไม่รู้เหมือนกันค่ะว่าอีตาบ้านั่นไปไหนต่อ” “คุณไวน์” นารีเอ่ยปราม “แหม...ไวน์ก็พูดกับพี่นาเท่านั้นแหละค่ะ” วรันยาบอกยิ้มๆ “สวัสดีค่ะพี่นารี อาสินอยู่ไหมคะ” คาร่าทักทายหลังเดินไปยกกล่องใส่ เนื้อหมักกับกิมจิที่ท้ายรถออกมา “สวัสดีค่ะคุณคาร่า พ่อเลี้ยงไปงานประชุมในเมืองเมื่อชั่วโมงก่อนค่ะ” “อ้าว! ทำไมพ่อไม่เห็นบอกไวน์เลยคะ?” วรันยาถามอย่างสงสัยเพราะช่วงหลังๆ บิดาชอบไปไหนมาไหนโดยไม่บอกเธอ “เป็นงานด่วนน่ะค่ะคุณไวน์” นารีรีบแก้ต่างให้เจ้านาย “แล้วจะกลับกี่โมงคะ?” วรันยาถามต่อด้วยสีหน้านอยด์ๆ “น่าจะกลับดึกค่ะ” “ช่างเถอะไวน์ ฉันว่าเราไปเก็บใบงาเกาหลีกันดีกว่า” คาร่ารีบเปลี่ยนเรื่อง เพราะไม่อยากให้เพื่อนสาวคิดมาก “โอเค!” วรันยาขานรับคำชวน “พี่นาก็ว่าจะถามอยู่เหมือนกันค่ะ เห็นใบงากำลังสวย อ้อ! แรดิชก็โตได้ที่แล้วนะคะ” นารีรีบบอก “ดีเลยค่ะ! หนูเตรียมเนื้อหมักกับกิมจิมาเยอะเลย” คาร่าส่งกล่องที่ถือให้กับอีกฝ่าย “จะย่างเนื้อแล้วห่อใบงาใช่ไหมคะ?” นารีอมยิ้มหลังจากก้มมองของในกล่องที่เด็กสาวพกมาด้วย “ใช่ค่ะ / ใช่ค่ะ” วรันยากับคาร่าตอบพร้อมกัน “งั้นคุณไวน์พาคุณคาร่าไปเก็บใบงากับแรดิชนะคะ เดี๋ยวพี่นาจะจุดเตาย่างรอค่ะ” คนที่เพิ่งจะทำบัญชีเสร็จบอกอย่างเอาใจ “ได้ค่ะ” วรันยายิ้มก่อนจะหันไปพยักหน้าชวนเพื่อนสาว “ใจดีสุดๆ เลยเนาะ ปลูกมาตั้งนานจะได้กินสักที” คาร่าบอกด้วยสีหน้า เคลิ้บเคลิม “อืม! จะกินให้หนำใจเลยค่อยดู” คนที่เพิ่งจะชิมอาหารจนอิ่มไปเมื่อชั่วโมงก่อน เริ่มรู้สึกหิวขึ้นมานิดๆ เมื่อนึกไปถึงเนื้อย่างหอมๆ นุ่มๆ ทานกับใบงาและกิมจิ ห้านาทีต่อมา...ภาคินขับรถเข้ามาจอดยังด้านหน้าเรือนใหญ่ของสินชัย ทันทีที่เห็นรถซีวิคสีแดงจอดอยู่ ก็รู้สึกขุ่นเคืองในหัวใจเป็นอย่างมาก “ขับมาทางไหนวะ ตามเท่าไหร่ก็ตามไม่ทัน?” คนที่ยังไม่รู้ว่ามีเส้นทางลัดสายใหม่ มองอย่างมึนงง “อ้าว! คุณคินมาเมื่อไหร่คะ” นารีเอ่ยทักพร้อมกับเดินเข้ามาหา “เพิ่งมาถึงครับพี่นา แล้วไวน์กับ เอ่อ...” “ไปเก็บใบงาเกาหลีค่ะ เห็นว่าจะเอามากินกับเนื้อย่าง คุณคินอยู่กินด้วยกันนะคะ” นารีเอ่ยชวน “เอ่อ...จะดีเหรอครับ” ภาคินถามอย่างไม่มั่นใจ กลัวว่าสาวเจ้าจะยังไม่หายโกรธเรื่องที่ตนขับรถเร็ว “ดีสิคะ! กินด้วยกันหลายๆ คนสนุกออก” นารีบอกยิ้มๆ “ครับ งั้นผมขอโทร. ตามยายกับนัยมาร่วมวงด้วยนะครับ” คนมีความผิดรีบหาตัวช่วย “เยี่ยมเลยค่ะ! วันนี้พ่อเลี้ยงเข้าเมืองน่าจะกลับดึก” “อ้าว! งั้นเดี๋ยวผมอยู่เป็นเพื่อนน้องไวน์จนกว่าอาสินจะกลับเองครับ” ภาคินรีบอาสา “ค่ะ นาขอตัวไปจุดเตาถ่านก่อนนะคะ” นารีขานรับก่อนจะเดินตรงไปที่เตาปิ้งย่างข้างบ้าน “ครับ” ภาคินยิ้มก่อนจะรีบล้วงมือถือมาต่อสายหาผู้เป็นยายอย่างร้อนใจ [ว่าไงตาคิน] ปลายสายเอ่ยถาม [ยายจะมาถึงไร่กี่โมงครับ] [อีกสักครึ่งชั่วโมงก็ถึงแล้ว น้องไวน์อยู่ไหน] [มาถึงรีสอร์ตแล้วครับ มีเพื่อนมาด้วยชื่อคาร่า กำลังจะกินปิ้งย่างกัน ยายกับนัยจะมาร่วมด้วยไหมครับ?] [ไปสิ! เมื่อครู่สินเพิ่งจะโทร. มาบอกว่า ฝากดูน้องไวน์ให้ด้วย] กังศมาบอกเรื่องที่เพิ่งจะทราบมา [ครับ! ผมก็เพิ่งจะรู้เหมือนกัน] [งั้นเดี๋ยวเจอกันที่บ้านน้องไวน์] [ครับยาย] ภาคินวางสายก่อนจะเดินตรงไปยังเรือนเพาะชำ เห็นสองสาวก้มๆ เงยๆ หัวร่อต่อกระซิกกันด้วยสีหน้าท่าทางมีความสุข ก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา อีกครั้ง “น้องไวน์!” ภาคินเอ่ยพร้อมกับจ้องมองใบหน้างามอย่างขุ่นเคือง “มะ...มาทำไม?” วรันยาที่กำลังดึงหัวแรดิชออกจากแปลง หันไปถามคนที่ทำหน้ายักษ์อย่างมึนงง “ก็แล้วทำไมพี่จะมาไม่ได้ล่ะ” ภาคินถามกลับอย่างไม่พอใจ “เอ่อ...รบกวนคุณภาคินช่วยถ่ายรูปให้เราหน่อยได้ไหมคะ” คนที่อยากจะเก็บภาพส่งให้พ่อกับแม่ดูเอ่ยขออย่างอายๆ “?” ภาคินขมวดคิ้วมองสาวทอมอย่างไม่อยากจะเชื่อว่าอีกฝ่ายจะกล้าขอตน “เราว่าไปขอพี่นาเถอะคาร่า” วรันยาหันไปบอกเพื่อนซี้ “ส่งมือถือมาสิ” ภาคินรีบบอกพร้อมกับพยายามข่มอารมณ์ให้เย็น “ขอบคุณนะคะ” คาร่าส่งมือถือให้กับหนุ่มตรงหน้าอย่างไว แล้วเดินไปยืนข้างๆ กับเพื่อนสาว “ขยับออกห่างๆ น้องไวน์หน่อยสิ” ช่างภาพจำเป็นบอกด้วยสีหน้าจริงจัง “หะ...ห่างแค่ไหนคะ?” คาร่าถามอย่างมึนงง “เราไปยืนอยู่อีกแปลงสิ รูปจะได้ออกมาสวยๆ” คนขี้หึงบอกราวกับ จะหวังดี “บ้า! ยืนตรงนี้แหละคาร่า” วรันยารีบรั้งแขนของเพื่อนสาวเอาไว้ “ได้เยอะหรือเปล่าคะ คุณไวน์ คุณคาร่า” นารีที่จุดเตาเสร็จก็เดินเข้ามาถามสองสาว “พี่นามาพอดีเลยค่ะ ช่วยถ่ายรูปให้ไวน์กับคาร่าหน่อยได้ไหมคะ?” วรันยาหันไปขอผู้ช่วยของบิดา “ได้สิค่ะ” นารีพยักหน้ารับอย่างยินดี “ส่งมือถือให้พี่นาด้วยค่ะ” วรันยาบอกจอมก่อกวน “...” ภาคินถึงกับจุกในหัวใจที่สาวเจ้าทำเหมือนตนไม่มีความหมาย “เร็วสิพี่คิน” วรันยาเอ่ยเร่งเมื่อเห็นอีกฝ่ายยังคงยืนนิ่งอยู่กับที่ “นี่ครับ” ภาคินส่งมือถือไปให้นารีอย่างเสียไม่ได้ “เอ่อ...ให้หนูไปยืนอีกแปลงไหมคะ?” คนที่ทำตัวไม่ถูกเอ่ยถาม “ไม่ต้อง! ยืนใกล้ๆ กันนี่แหละ” วรันยาดึงแขนของเพื่อนสาวให้เข้ามายืนใกล้ๆ กับตนเอง “ยิ้มหน่อยค่ะคุณคาร่า” นารีบอกก่อนจะกดถ่ายภาพ3-4 รูป แล้วส่งมือถือให้สองสาวดู “ถ่านเริ่มแดงแล้วนะคะ พี่นาว่าเราไปย่างเนื้อกันเถอะค่ะ” “ค่ะ/ค่ะ” สองสาวขานรับก่อนจะหันไปหยิบตระกร้าใส่ผักที่วางอยู่ใกล้ๆ “ฉันส่งข้อความไปบอกพ่อกับแม่แล้วนะว่าจะนอนที่นี่” คาร่าหันไปบอกเพื่อนสาวหลังจากที่พิมพ์ข้อความแชตถึงบิดาเสร็จ “ไม่เหมาะมั้ง!” ภาคินบอกอย่างไม่พอใจ “ทำไมจะไม่เหมาะ คาร่าเคยมานอนที่นี่กับไวน์ตั้งหลายครั้งแล้ว” วรันยาสวนกลับอย่างเริ่มจะมีอารมณ์ขึ้นมานิดๆ “อะไรนะ?” ภาคินถามอย่างไม่อยากจะเชื่อ “คุณคาร่านอนค้างที่นี่บ่อยค่ะคุณคิน เพราะต้องทำรายงานคู่กับน้องไวน์” นารีรีบเสริม “แต่คืนนี้คงไม่ได้” ภาคินบอกเสียงเข้มพร้อมกับปรายตามองศัตรูของหัวใจ ที่ทำหน้าใสๆ ซื่อๆ อย่างรู้สึกหงุดหงิด “เอ่อ...หนูกลับไปนอนที่บ้านก็ได้ค่ะ” คนที่รู้ตัวว่าถูกหมายหัวเข้าให้แล้ว รีบบอก “บ้า! จะขับรถกลับค่ำๆ มืดๆ คนเดียวได้ยังไงกัน” วรันยาต่อว่าเพื่อนสาวที่ไปบ้าจี้ตามอีกฝ่าย “เดี๋ยวให้ไอ้นัยไปส่ง” ภาคินสรุป “ขะ...ขอบคุณค่ะ” คาร่าขานรับเบาๆ “เอ่อ...นาว่าเราไปย่างเนื้อกันเถอะค่ะ” นารีรีบเปลี่ยนเรื่อง เพราะกลัว วรันยากับภาคินจะเปิดศึกสงครามน้ำลายใส่กันอย่างเป็นทางการ “ดีค่ะ หนูหิวมากๆ เลย” คาร่าสมบทตามยังไม่ทันขาดคำ ก็เห็นรถ Audi R8 สีดำเงาแล่นเข้ามาจอดใกล้ๆ ‘แม่เจ้า! สีแดงว่าสวยแล้ว สีดำเงานี่โคตรหรูเลย’ วรันยาฉีกยิ้มเมื่อเห็นว่าใครมา จึงรีบวิ่งเข้าไปหา “คุณมาร์ พี่นัย” “ยายซื้อเห็ดออเรนจิ เห็ดเข็มทอง แล้วก็เบคอนมาด้วยจ้ะ” กังศมาเหลือบมองหลานชายที่ยืนทำหน้าบอกบุญไม่รับ ก็อดขำไม่ได้ที่อีกฝ่ายคิดว่าคาร่าเป็นทอม “พี่มีพริกหมาล่าด้วยนะ ทั้งแบบผงแล้วก็แบบซอสฉ่ำๆ ครับ” ภัคคินัยบอกก่อนจะจ้องมองเด็กสาวที่แฝดผู้พี่โทรไปสปอยเมื่อชั่วโมงก่อน “ว้าว! เพอร์เฟกต์สุดๆ เลยค่ะ” วรันยาหันไปส่งยิ้มให้อย่างดีใจ “หนูคาร่ามาเมื่อไหร่จ้ะ” กังศมาถามเด็กสาวที่ดูไม่ค่อยจะสดใสเหมือนเช่นทุกครั้ง “สวัสดีค่ะคุณมาร์ หนูเจอกับไวน์ที่ร้านกาแฟ ก็เลยมาด้วยกันค่ะ” คาร่าตอบด้วยสีหน้าเจื่อนๆ ก่อนจะแอบสังเกตสองหนุ่มฝาแฝด ที่มีบุคลิกและท่าทางไม่เหมือนกัน “อ๋อ! เจอกันระหว่างทาง” กังศมาแกล้งถามทั้งที่รู้ตั้งแต่ตอนที่ให้ภัคคินัยโทร. ไปถามภาคินแล้ว “ใช่ค่ะ” คาร่าอมยิ้มบางๆ “เอ้...มีใครจะไปช่วยยายทำเบคอนพันเห็ดเข็มทองบ้างนะ” กังศมาหาผู้ช่วย “หนูค่ะ!!” คาร่ากับวรันยาบอกพร้อมกัน แล้วรีบเดินไปที่โต๊ะใหญ่ข้างบ้าน “ไปช่วยยกของหน่อยสิ” ภัคคินัยบอกแฝดผู้พี่ที่เอาแต่มองตามสองสาว “โอเค!” ภาคินพยักหน้ารับ พร้อมกับเดินตามแฝดผู้น้องไปที่รถของอีกฝ่าย “เด็กนั่นน่ะเหรอทอม?” ภัคคินัยเปิดคำถาม หลังจากที่เดินออกมาห่างพอสมควร “ก็เออน่ะสิ” ภาคินบอกอย่างหัวเสีย ใจคิดไปสารพัด ยิ่งสาวทอมเป็นลูกครึ่งด้วยแล้ว ก็ยิ่งทำให้นึกถึงคู่รักเลสเบี้ยนวัยทีนในแถบยุโรป ที่ค่อนข้างจะเปิดเผยและอิสระเสรีทางความคิด รวมไปถึงการแสดงออก “ไม่ใช่มั้ง” ภัคคินัยเอ่ยท้วง “กูมั่นใจว่าใช่ มึงช่วยกันยัยทอมนั่นออกจากน้องไวน์ทีได้ไหม กูขอร้อง” ภาคินบอกด้วยสีหน้าจริงจัง “! ไม่อยากจะเชื่อว่าคนอย่างมึงจะขอร้องกู” ภัคคินัยหัวเราะเบาๆ กับท่าทีของแฝดผู้พี่ที่ดูจะเคร่งเครียดผิดไปจาก ทุกๆ ครั้ง “ไอ้นัย! กูซีเรียสนะโว้ย” ภาคินบอกอย่างไม่สบอารมณ์ “เออๆ กูรู้แล้ว” ภัคคินัยพยักหน้ารับเบาๆ “อ้อ! แล้วมึงก็ช่วยไปส่งยัยทอมนั่นกลับบ้านด้วยล่ะ” “บ้า! ทำไมต้องเป็นกู?” ภัคคินัยถามอย่างไม่เข้าใจ “ตั้งแต่ที่คลานตามกันมา กูเคยขอร้องอะไรมึงไหมนัย” “ไม่” ภัคคินัยส่ายหน้าเบาๆ “กูรับมือกับผู้ชายทุกคนที่คิดจะจีบน้องไวน์ได้ แต่กับยัยทอมนี่...” ภาคินบอกด้วยท่าทีของคนจนมุม “โอเคๆ อย่ามาดราม่า กูจะอ้วก” ภัคคินัยกลอกตาอย่างเซ็งๆ “ขอบใจ” ภาคินบอกอย่างซาบซึ้ง “ไม่ต้องขอบใจหรอก แค่ช่วยวางตัวให้ดีๆ ก็พอ ยายน่ะนั่งบ่นเรื่องมึงมาตลอดทางเลย” ภัคคินัยถือโอกาสเตือนคนที่เหมือนจะไม่ค่อยมีสติให้รู้ตัว “เออ! รู้แล้วน่า” ภาคินมองค้อนก่อนจะหิ้วของที่ท้ายรถ เดินตาม แฝดผู้น้องกลับไปหาทุกคนที่โต๊ะข้างๆ บ้าน สามชั่วโมงต่อมา...หลังจากที่ทุกคนนั่งล้อมวงทานเบคอนพันเห็ดเข็มทองกับเนื้อย่างสูตรเด็ดของคาร่า ที่ย่างจนสุกได้ที่แล้วเอาซอสหมาล่าแบบชุ่มฉ่ำมาทารอบๆ ตามด้วยพริกหมาล่าแบบผง เหยาะลงไปเพิ่มความเผ็ดซู่ซ่า ทานคู่กับกิมจิ ต้นหอม และใบงาเกาหลีสด “อร่อยนะเนี่ย ยายเพิ่งจะเคยกินเป็นครั้งแรก” กังศมาบอกพร้อมกับยกนิ้วให้อย่างถูกใจ “ไวน์ก็เหมือนกันค่ะ” วรันยาบอกอย่างเห็นด้วย “คุณคาร่าไหวไหมคะ หน้าแดงใหญ่เลย” นารีถามสาวลูกครึ่งอย่างเป็นห่วง “ไหวค่ะ” คนที่ชอบทานเผ็ดมาตั้งแต่เด็กบอกพลางส่งยิ้มหวานไปให้ “หนูคาร่าไปเที่ยวอังกฤษด้วยกันไหมจ้ะ” กังศมาเอ่ยชวน “ขอบคุณมากๆ ค่ะคุณมาร์ แต่หนูคิดว่าจะไปสำรวจตลาดเสื้อผ้ารอไวน์ค่ะ” เด็กสาวตอบก่อนจะยกแก้วน้ำขึ้นมาดื่มแก้กระหาย “ปิดเทอมมีแผนจะทำอะไรกันเหรอจ้ะ?” กังศมาถามต่ออย่างสนใจ “คือ...ไวน์กับคาร่าจะไลฟ์สดขายเสื้อผ้าด้วยกันค่ะ” วรันยาบอกพร้อมกับหันไปยิ้มให้เพื่อนสาว ด้านคนขี้หึงที่นั่งเงียบมานาน ถึงกับหน้าตึงขึ้นมาทันทีทันใด เพราะเคยเห็นเน็ตไอดอลหลายคน ไลฟ์สดขายของ ขายครีม ขายเสื้อผ้า แล้วแต่งตัวโชว์เนื้อโชว์หนังจนน่าเกลียด “อืม...เข้าท่านะ ว่าแต่จะขายเสื้อผ้าแบบไหนกัน” กังศมาฉีกยิ้มให้กำลังใจเด็กสาวทั้งสองที่อยากจะหาเงินในช่วงปิดเทอม “หนูคิดเอาไว้ว่าจะขายชุดประจำชนเผ่าของชาวเขากับชุดผ้าฝ้ายพื้นเมืองค่ะ” คาร่าตอบเสียงใส “ต้องใส่ให้ดูเหมือนกับร้านค้าออนไลน์ร้านอื่นๆ ไหม?” ภาคินถามด้วยท่าทีที่เคร่งขรึม “ใส่ค่ะ” คาร่าเอ่ยรับเบาๆ “แล้วต้องเปิดเพลงจังหวะเร็วๆ เต้นยั่ว โชว์เนื้อ โชว์ตัวด้วยหรือเปล่า?”ภาคินถามพร้อมกับจ้องใบหน้าของสาวทอมนิ่ง “บะ...บ้า ใครจะไปทำแบบนั้นกัน” วรันยาต่อว่าคนหน้ามึนอย่างไม่พอใจ “คือเราจะใส่เสื้อผ้าซับด้านในที่เซฟทุกสัดส่วนค่ะ” คาร่ารีบบอก เพราะไม่รู้ว่าตอนนี้ภาคินกำลังเข้าใจไปในทิศทางใด แต่เธอและเพื่อนสาวไม่มีทางจะทำแบบนั้นแน่ๆ “คิดว่าทำแล้วจะได้เงินกันสักเท่าไหร่” ภาคินยิงคำถามต่อ ในขณะที่กังศมา นารี และภัคคินัย ต่างทำหน้าเหวอไปตามๆ กัน “เอ่อ...คือหนูไม่คิดว่าจะได้เงินเท่าไหร่หรอกค่ะ ที่อยากได้คือประสบการณ์มากกว่า” คาร่าเริ่มจะโกรธชายตรงหน้าขึ้นมานิดๆ “เอางี้! ฉันให้คนละห้าหมื่นเอาไปซื้อของที่อยากได้ แล้วก็เลิกล้มความคิดที่จะไลฟ์สดขายเสื้อผ้าซะ” คนหล่อพ่อรวยบอกอย่างใจป้ำ เพราะไม่สามารถจะทนให้สาวที่เฝ้าทะนุถนอมมานาน ต้องไปเปลืองตัวเพื่อแลกกับเงินไม่กี่บาท “ไม่มีทาง!” วรันยาบอกเสียงแข็ง “งั้นให้คนละแสน” ภาคินยื่นข้อเสนอใหม่ “พี่คินเป็นบ้าอะไรฮะ” วรันยาลุกขึ้นถามอย่างไม่พอใจ “พี่ไม่ได้บ้า แต่พี่ไม่อยากให้ไวน์ไปทำอะไรแบบนั้น” ภาคินลุกขึ้นยืนตอบกลับเสียงดังอย่างไม่ยอม “แต่นี่มันชีวิตของไวน์นะ” วรันยามองหน้าคนที่ชอบเข้ามายุ่งวุ่นวายกับชีวิตของเธอ ไม่ว่าจะทำอะไรก็เหมือนจะต้องผ่านความเห็นชอบของอีกฝ่ายไปซะทุกอย่าง “คิน! กลับบ้านไปก่อน” กังศมารีบบอกเมื่อเห็นหลานชายเริ่มจะคุมตัวเองไม่อยู่ “ไม่! ผมจะคุยกับน้องไวน์ให้รู้เรื่อง” คนที่กำลังโกรธบอกด้วยสีหน้า แดงก่ำ “กลับไปเดี๋ยวนี้! ได้โปรด...” กังศมาออกคำสั่งกึ่งขอร้อง “คิน! กลับไร่ไปก่อน” ภัคคินัยรีบสมทบตาม เพราะกลัวแฝดผู้พี่จะลุกขึ้นมาอาละวาด “ก็ได้” ภาคินมองหน้าคนนั้นทีคนนี้ที ก่อนจะเดินไปยังรถของตนที่จอดอยู่ แล้วขับออกไปด้วยความเร็ว “ฮึก...ไวน์เกลียดพี่คินค่ะคุณมาร์ ฮือๆๆ” วรันยาร้องไห้ออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ “โอ๋ๆ ยายขอโทษแทนพี่เขาด้วยนะลูก” กังศมาเข้าไปกอดปลอบเด็กสาวอย่างรู้สึกสงสาร “ฮือๆๆ ไวน์แค่อยากลองหาเงินใช้เองดูเท่านั้น” วรันยาระบายพร้อมกับกอดผู้ใหญ่ที่รักดุจมารดาเอาไว้แน่น “หนูขอโทษนะคะ ที่เป็นต้นเหตุ” คาร่ายกมือไหว้อย่างรู้สึกผิด “หนูไม่ผิดหรอกคาร่า ไม่มีใครผิดเลย พี่คินเขาอาจจะเป็นห่วงน้องไวน์มากเกินไป เดี๋ยวยายจะพูดให้จ้ะ” กังศมารีบบอกเด็กสาวไม่ให้คิดมาก “ค่ะ เอ่อ...นี่ก็ค่ำแล้ว หนูขอตัวกลับก่อนนะคะ” คาร่าบอกเสียงอ่อน “คาร่า...” วรันยาเอ่ยเรียกเพื่อนสาวอย่างรู้สึกเสียใจที่ทำให้อีกฝ่ายต้องมาเจอเหตุการณ์แบบนี้ “ไม่ต้องห่วง พรุ่งนี้เราจะมาหา” คาร่าฉีกยิ้มโชว์ ให้เพื่อนสบายใจ “จอดรถทิ้งเอาไว้ที่นี่ แล้วนั่งรถพี่ไป” ภัคคินัยเอ่ยขึ้นหลังจากที่เงียบมานาน “เอ่อ...แต่ว่า...” คาร่าพยายามจะท้วงเพราะไม่อยากรบกวนอีกฝ่าย “ให้พี่นัยไปส่งเถอะจ้ะหนู” กังศมารีบเสริม “เดี๋ยวพรุ่งนี้สายๆ พี่จะแวะไปรับเรามาเอารถ” ภัคคินัยบอกคนที่ยังคง นิ่งเงียบ “กะ...ก็ได้ค่ะ” คาร่าขานรับอย่างจำใจ “งั้นก็ไปขึ้นรถกัน” ภัคคินัยบอกก่อนจะออกเดินนำ “หนูกลับก่อนนะคะ สวัสดีค่ะ” คาร่ายกมือไหว้กังศมากับนารี ก่อนจะโบกมือให้เพื่อนสาว แล้วเดินตามร่างสูงใหญ่ไปยังรถหรูที่จอดอยู่ ด้วยสีหน้าที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก วรันยากอดกังศมาร้องไห้หนักหลังจากที่ภัคคินัยขับรถพาเพื่อนสาวไปส่งบ้าน “ฮือๆๆ คาร่าจะโกรธไวน์หรือเปล่าก็ไม่รู้” “โอ๋...ไม่โกรธหรอกลูก” “ฮือๆๆ ทำไมพี่คินต้องชอบดุไวน์ ชอบห้ามนู่นนั่นนี่ไปหมดคะ” “ใจเย็นลูก พรุ่งนี้ยายจะเรียกมาอบรมให้นะ” “ฮึก...จริงนะคะคุณมาร์” “จริงจ้ะ! น้องไวน์หยุดร้องก่อน ดูสิ! แก้มช้ำไปหมดแล้ว” “ค่ะ...ฮึก...” วรันยาพยักหน้าพร้อมกับยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม “คืนนี้ไปนอนกับยายนะ” กังศมาเอ่ยชวน “ค่ะ” วรันยายิ้มเจื่อนๆ แล้วเดินไปช่วยนารีเก็บของ จากนั้นก็ขึ้นไปเอาชุดนอนที่บนห้อง
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม