10

3721 คำ
สิบนาทีต่อมา...หลังจากที่วรันยายืนรอน้ำเสาวรสปั่นเสร็จ ก็เดินถือแก้วกลับมายังโต๊ะที่อีกฝ่ายยกชามก๋วยเตี๋ยวและเมนูอื่นๆ มานั่งรอ “ว้าว! นี่พี่คินซื้ออะไรมาเพิ่มอีกคะเนี่ย?” “ตำป่ากุ้งสดกับเนื้อย่าง แล้วก็ซูชิครับ” คนที่หิวจัดบอกยิ้มๆ “โห...แล้วเราจะกินหมดเหรอคะ” “หมดสิ! พี่หิวมากๆ เลย” “งั้นก็ลงมือกันเลยนะคะ” วรันยาอมยิ้มก่อนจะหยิบช้อนกับตะเกียบมาคนก๋วยเตี๋ยวในชามของตัวเอง ให้เครื่องปรุงต่างๆ เข้ากัน “พี่แอบปรุงมาให้ไม่รู้จะถูกปากน้องไวน์หรือเปล่า” ภาคินรีบบอก วรันยาตักน้ำซุปขึ้นมาชิม แล้วส่งยิ้มหวานให้อีกฝ่าย “กำลังดีค่ะ” ภาคินลงมือรับประทานอาหารด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม พร้อมกับคอยตักเมนูต่างๆ ให้สาวเจ้าอย่างเอาใจ วรันยาแอบยิ้มที่จอมทะลึ่งสงบปากสงบคำ แล้วตั้งหน้าตั้งตากินอย่างเอร็ดอร่อยจนทำให้เธอพลอยเจริญอาหารตามไปด้วย สองชั่วโมงต่อมา...หลังจากที่รับประทานอาหารเสร็จ ภาคินก็ขับรถพาวรันยาไปบ้านพักที่แอบซื้อเอาไว้ ซึ่งอยู่ห่างจากไร่ไปรยาเวศและรีสอร์ตพรรณนาราไปประมาณ 15 กิโลเมตร “เรามาทำอะไรที่นี่คะ” วรันยาถามพร้อมกับจ้องมองบ้านหลังใหญ่สไตล์โมเดิร์นสองชั้นอย่างสำรวจ “บ้านพี่เอง เพิ่งจะสร้างเสร็จเมื่อเดือนก่อน” คนที่แอบสร้างบ้านพักเอาไว้ บอกด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความสุข “เอ่อ...ไวน์ขอรออยู่ในรถนะคะ” วรันยารีบหันไปบอกอย่างรู้สึกไม่ไว้ใจจอมทะลึ่ง “ลงไปด้วยกันเถอะครับ พี่ไม่ทำอะไรหรอก” “ไม่ค่ะ! ไวน์อยากกลับบ้านแล้ว” “ขอร้องล่ะคนดี” ภาคินอ้อนต่อ “ไม่เกินสิบนาที” วรันยาถอนหายใจก่อนจะยื่นคำขาด “ครับ” คนเจ้าเล่ห์ขานรับ แล้วลงจากรถไปเปิดประตูให้สาวเจ้า จากนั้นก็พาเข้าไปเดินชมด้านในบ้าน “ว้าว! สวยจังเลยค่ะ” วรันยาจ้องมองการตกแต่งบ้านอย่างตื่นตาตื่นใจ ‘ไม่น่าเชื่อว่าอีตาบ้านี่จะรสนิยมดี’ “อืม...พี่ว่าเราขึ้นไปดูที่ชั้นบนกันดีกว่า” ภาคินดึงแขนของสาวเจ้าให้ออกเดินตาม “พี่คินไปเถอะค่ะ ไวน์จะเดินดูแถวๆ ข้างล่าง” วรันยารีบขืนตัวเอาไว้ “ไม่เอา! ไปด้วยกันเร็ว” ภาคินบอกอย่างไม่ยอม พร้อมกับออกแรงดึงสาวเจ้าให้เดินขึ้นบันได “พี่คิน!” วรันยาเริ่มไม่พอใจที่ถูกบังคับ “จะเดินไปหรือจะให้พี่อุ้มไปเลือกมา” ภาคินปล่อยแขนบางแล้วเอ่ยถามด้วยสีหน้าดุๆ “ดะ...เดินเองค่ะ” วรันยาตอบก่อนจะวิ่งขึ้นบันไดไปอย่างตัดรำคาญ “เปิดเข้าไปดูข้างในสิ!” ภาคินที่เดินตามหลังมาติดๆ บอกเมื่อเห็นสาวเจ้าเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าห้องนอนใหญ่ วรันยากลอกตา แล้วหมุนลูกบิดเปิดประตูเข้าไปดูด้านในตามที่อีกฝ่ายบอก ก่อนจะหันมาถามด้วยหัวใจสั่นๆ “เอ่อ...นี่ห้องอะไรคะ” “ห้องนอนครับ น้องไวน์ชอบไหม?” ภาคินดันร่างบางให้เดินเข้าไปด้านใน แล้วกดล็อกที่ประตูห้องอย่างเบามือ “สวยดีค่ะ อ๊ะ! พี่คินจะทำอะไร ปล่อยไวน์เดี๋ยวนี้นะ” วรันยาตกใจที่ถูก อีกฝ่ายช้อนอุ้มแล้วพาตรงไปยังเตียงขนาดคิงไซซ์ “พี่ง่วงครับ เมื่อคืนนอนไม่หลับเลย” ภาคินวางสาวเจ้าลงบนเตียงอย่างเบามือ พร้อมกับขยับขึ้นไปนอนข้างๆ “พี่คิน!” วรันยาเตรียมจะขยับไปอีกฝั่งของเตียงแต่ก็ถูกมือหนาคว้าเอวเอาไว้ซะก่อน “พี่แค่นอนกอดเฉยๆ ครับ สัญญาว่าจะไม่ทำตัวเหมือนเมื่อวานอีก” ภาคินบอกเสียงอ่อน “...” วรันยาชะงักนิ่งกับน้ำเสียงที่เปลี่ยนไปจากเดิม “นะคนดี” คนที่ไม่ได้นอนมาทั้งคืนอ้อนต่อ “จะแกล้งอะไรไวน์” วรันยาถามกลับอย่างไม่ไว้ใจ “บ้า! พี่แค่อยากจะนอนกอดให้ชื่นใจก็เท่านั้น” “ถ้าลวนลามไวน์อีกล่ะก็...” “สัญญาว่าจะไม่มีอะไรมากไปกว่า...หอมแก้ม” “หอมแก้มก็ไม่ได้” “โธ่! ไวน์” ภาคินโอดครวญหลังถูกสาวเจ้าจำกัดขอบเขต “ตั้งปลุกเอาไว้ด้วย” คนที่ไม่ได้นอนมาเหมือนกันบอกเสียงเข้ม “ครับ! สี่โมงปุ๊บ! พี่พาไปส่งที่รีสอร์ตเลย” ภาคินให้คำมั่น วรันยาค่อยๆ หลับตาลงอย่างรู้สึกง่วง เมื่อคืนหลังจากที่จอมทะลึ่งไปส่ง ที่บ้าน เธอก็รีบวิ่งตรงไปที่ห้องนอน เพราะอยากจะดูสร้อยที่อีกฝ่ายสวมให้ และทันทีที่ได้เห็นชัดๆ เต็มๆ ตา ก็ทำเอาเธอถึงกับนอนไม่หลับเลยทั้งคืน เพราะสร้อยที่เขาให้คือหนึ่งในคอลเลคชันใหม่ของแบรนด์ Kyler Of Diamond ซึ่งโด่งดังไปทั่วโลก พอๆ กับแบรนด์ Diamond of Angel เวลา...16:10 น. ภาคินสะกิดเรียกสาวในอ้อมกอด หลังจากที่นอนมองใบหน้างามมาร่วมสิบนาที “น้องไวน์! น้องไวน์ครับ!” “อื้อ...” คนที่กำลังหลับเพลินครางท้วงเบาๆ อย่างขัดใจ “ตื่นก่อนคนดี” ภาคินสะกิดอีกครั้ง “กะ...กี่โมงแล้วคะ” วรันยาลืมตาตื่นทันทีที่ได้ยินเสียงกระซิบข้างหู “สี่โมงเย็นแล้วค่ะ” ภาคินบอกยิ้มๆ ก่อนจะลุกขึ้นนั่งข้างๆ เตียงเพื่อปิดบังบางอย่างในเป้ากางเกงที่กำลังตื่นตัว “ไวน์ขอไปล้างหน้าแป๊บหนึ่งค่ะ” วรันยาบอกอย่างรู้สึกอายๆ ‘บ้าจริง! เมื่อกี้เรานอนน้ำลายยืดหรือเปล่านะ อีตาบ้านั่นถึงทำหน้าแปลกๆ’ “ครับ! ห้องน้ำไปทางนั้น” ภาคินชี้ทางให้ก่อนจะรีบเบือนหน้าหนี ไม่กล้า สบสายตาของสาวเจ้า เพราะกลัวจะห้ามใจตัวเองไม่อยู่ “ค่ะ” วรันยารับคำ แล้วลุกไปเข้าห้องน้ำเพื่อสำรวจความเรียบร้อยของตัวเอง สองนาทีต่อมา....หญิงสาววิ่งออกห้องน้ำมาด้วยสีหน้าตื่นๆ หลังจากเห็นรอยช้ำเป็นจ้ำๆ ที่เนินอกของตัวเองผ่านทางกระจก “พี่คิน! ไวน์โดนตัวอะไรไม่รู้กัด” “ตรงไหนครับ?” คนที่กำลังข่มอารมณ์หื่นให้สงบลงได้ไม่ถึงห้าวินาที รีบหันไปถาม “ตรงนี้ค่ะ” วรันยาดึงคอเสื้อลงให้ดูรอยช้ำแดงๆ ที่มีอยู่ 3-4 รอย “สงสัยแพ้อาหารหรือเปล่า พี่ก็เคยเป็นนะ วันสองวันก็หายแล้ว” ภาคินบอกด้วยสีหน้าเลิ่กลั่ก “มันร้ายแรงไหมคะ” วรันยาถามอย่างรู้สึกไม่สบายใจ “ไม่หรอก! พี่ว่าเรารีบกลับกันเถอะ เดี๋ยวอาสินจะรอนาน” ภาคินบอกพร้อมกับยกนาฬิกาที่ข้อมือขึ้นมาดู “ค่ะ” วรันยาพยักหน้าเบาๆ แล้วเดินตามอีกฝ่ายลงไปที่ชั้นล่าง ขณะที่ภายในใจเอาแต่ว้าวุ่นเกี่ยวกับเรื่องรอยช้ำบนตัว ‘อ๊ะ! หรือว่าเราจะเป็นโรคลูคีเมีย หรือไม่ก็...เกล็ดเลือดต่ำ ?’ สี่สิบนาทีต่อมา... “จอดรถทำไมคะ” วรันยาหันไปถามคนขับที่อยู่ๆก็เลี้ยวรถลงจอดข้างทาง “อีกสองกิโลก็จะถึงหน้ารีสอร์ตแล้ว หอมแก้มพี่หน่อยได้ไหม” ภาคินเอ่ยขอแบบมึนๆ “ได้ค่ะ” คนที่ปวดฉี่ตอบพร้อมกับยื่นหน้าเข้าไปหอมที่แก้มของอีกฝ่ายเบาๆ จุ๊บ! “พอใจหรือยังคะ” “พอใจแล้วครับ” ภาคินไม่อยากจะเชื่อว่าสาวเจ้าจะยอมทำตามคำขอของตนง่ายๆ จึงก้มลงหอมที่แก้มนวลคืนเบาๆ อย่างให้รางวัล “พี่คิน!” วรันยามองค้อนจอมทะลึ่งด้วยสายตาขุ่นเคือง “แก้มน้องไวน์ ห้อมมมม หอม” คนเจ้าเล่ห์บอกพลางทำหน้าฟินเว่อร์ “บ้า! รีบๆ ออกรถเถอะค่ะ” คนที่ปวดฉี่จนขนลุกเอ่ยเร่ง “พรุ่งนี้ไปเที่ยวด้วยกันอีกนะ” ภาคินทำตามที่สาวเจ้าบอก พร้อมกับเอ่ยถามถึงกำหนดการของวันพรุ่งนี้ ซึ่งตนตั้งใจว่าจะโชว์ฝีมือทำอาหารที่บ้านพักหลังใหม่ “ไม่ไปค่ะ” วรันยาบอกพลางแอบซูดปากเบาๆ อย่างรู้สึกหงุดหงิด ‘รีบๆ ขับรถสิไอ้พี่คิน จะทนไม่ไหวแล้วนะ’ “ทำไมล่ะ?” ภาคินถามพลางชะลอความเร็วลง “โอ๊ย! ไวน์อยากอยู่กับพ่อค่ะ” วรันยาตอกกลับด้วยน้ำเสียงเดือดดาล “โอเค!” ภาคินขานรับ และเหรียบเร่งความเร็วขึ้นอีกนิดอย่างไม่เข้าใจว่าทำไมสาวเจ้าต้องอารมณ์เสียใส่ตน ทันทีที่ภาคินจอดรถเสร็จ วรันยาก็รีบลงจากรถด้วยท่าทีที่เร่งรีบ ทำเอาคนขับถึงกับนิ่วหน้ามองตามอย่างสงสัย ‘น้องไวน์งอนที่เราแวะจอดรถหอมแก้มหรือเปล่าวะ?’ “น้องไวน์! พี่โอมเอาถุงกระดาษไปวางไว้ที่หน้าห้องนะลูก” สินชัยบอกเมื่อเห็นบุตรสาวเดินตรงมาทางตน “ค่ะ” วรันยาพยักหน้ารับเบาๆ “อาบน้ำแล้วรีบลงมากินข้าวนะลูก” สินชัยบอกบุตรสาวอีกครั้ง “คร่า...” วรันยาลากเสียงขานรับแล้วรีบวิ่งเข้าบ้าน เพราะตอนนี้เธอเกือบจะได้สัมผัสกับประสบการณ์ฉี่แตกใส่กางเกง ถ้าหากยังคงยืนคุยกับบิดาต่ออีกสักหนึ่งหรือสองนาที “คิน! อยู่กินข้าวเย็นด้วยกันก่อนนะ” สินชัยเดินเข้ามาบอกชายหนุ่มที่ยังคงนั่งทำหน้าเหวอๆ “ครับอา” ภาคินปรับสีหน้าก่อนจะรีบออกจากรถ “อาว่าเราไปนั่งคุยกันตรงระเบียงดีกว่า” สินชัยเอ่ยชวน “ครับ” ภาคินเดินตามผู้ใหญ่ไปยังโต๊ะไม้ขนาดใหญ่ที่อยู่ข้างบ้านด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม หลังจากที่วรันยาเข้าห้องน้ำที่ชั้นล่างเสร็จ ก็เดินขึ้นห้องนอนตัวเองเตรียมจะอาบน้ำ แต่ถุงกระดาษนับสามสิบกว่าใบที่วางเรียงอยู่ทำให้เธอต้องรีบโทร. ตามแม่บ้านให้ขึ้นมาหา “มีอะไรให้ป้าช่วยคะคุณไวน์” เพลินใจเอ่ยถามหลังจากที่เข้ามาในห้องนอนของบุตรสาวเจ้านาย “ทั้งหมดนี้...ของไวน์เหรอคะ” “ใช่ค่ะ ป้าเป็นคนช่วยคุณโอมขนมาที่ห้องกับมือเลย” “ว้าว! เยอะจังเลยนะคะ” “คุณไวน์ มีอะไรอีกหรือเปล่าคะ คือป้าตุ๋นเนื้อทิ้งเอาไว้น่ะค่ะ” “ไม่มีแล้วค่ะ” วรันยาเดินไปส่งแม่บ้านพร้อมกับปิดประตูห้องนอน แล้วแกะกล่องชุดชั้นในในถุงออกมาดู “บ้าจริง! พนักงานต้องส่งผิดบ้านแน่ๆ” หญิงสาวจ้องมองชุดชั้นในสุดแสนเซ็กซี่ๆ ที่วางเรียงอยู่ในกล่องหรูอย่างรู้สึกมึนงง เพราะชุดที่เธอเลือกจะมีแต่สีหวานๆ ชมพูอ่อน ฟ้าอ่อน เขียวพาสเทล เหลืองพาสเทล แล้วก็สีขาว แต่ชุดที่เห็นกลับเป็นลายลูกไม้เย้ายวน มีทั้งสีดำ สีแดงทับทิม สีพีช สีม่วงมังคุด และสีเขียวสะท้อนแสง เธอจึงรีบต่อสายไปหาผู้จัดการร้าน กลัวว่าชุดชั้นในจะสลับกับของคนอื่น [สวัสดีค่ะคุณไวน์] ปลายสายเอ่ยทักทายด้วยน้ำเสียงสดใส [สวัสดีค่ะคุณอร เอ่อ...ไม่ทราบว่าชุดชั้นในที่ส่งมา สลับกับของคนอื่นหรือเปล่าคะ] [ไม่ได้สลับค่ะ ที่เห็นนอกเหนือจากที่คุณไวน์เลือก คือชุดที่คุณภาคินเลือกให้ค่ะ] [พี่คินเลือกอย่างนั้นเหรอคะ?] วรันยาถามอย่างไม่อยากจะเชื่อ [ใช่ค่ะ] [เอ่อ...ขอโทษที่รบกวน สวัสดีค่ะ] สาวเจ้ากดวางสาย ก่อนจะสบถออกมาอย่างรู้สึกโกรธที่ถูกจอมทะลึ่งเจ้ากี้เจ้าการเรื่องส่วนตัว “ไอ้คนบ้า!” วรันยารีบเดินลงบันไดไปชั้นล่างด้วยสีหน้าบูดบึ้ง วันนี้ทั้งวันเธอยอมตามใจอีกฝ่าย เพราะไม่อยากจะทะเลาะด้วยเหมือนที่ผ่านมา แต่เขาก็มึนได้โล่ ชอบคิด ชอบทำ ชอบเผือก เรื่องนั้น เรื่องไปนี้ไปเสียทุกอย่าง จนทำให้เธอรู้สึกอึดอัด เหมือนชีวิตกำลังถูกบงการยังไงอย่างงั้น “อ้าว! ยังไม่อาบน้ำอีกเหรอน้องไวน์?” คนที่เดินเข้ามาเอาเบียร์เย็นๆ ในตู้แช่ เอ่ยถามอย่างอารมณ์ดี “ชุดชั้นในพวกนั้น...” “พี่เลือกให้เอง ถูกใจหรือเปล่าครับ?” ภาคินฉีกยิ้มหวานส่งให้ “ถูกใจกับผีนะสิ” วรันยาแว้ดกลับอย่างไม่พอใจ “แหม...พี่ว่าน่ารักออก” ภาคินบอกด้วยสีหน้าเคลิบเคลิ้ม พร้อมกับจินตนาการไปว่า...หากสาวเจ้าได้ใส่ชุดที่ตนเลือกจะสวยเซ็กซี่บาดใจขนาดไหน “งั้นก็เอาไปใส่เองสิ!” “บ้า! พี่ใส่แต่ของ CALVIN KLEIN” “ครั้งหน้าอย่าทำแบบนี้อีกนะ” วรันยาอยากจะส่งเสียงกรี๊ดและด่าคนตรงหน้า แต่ก็กลัวว่าป้าเพลินใจกับบิดาจะผ่านมาได้ยินการสนทนาเข้า จึงรีบเดินกลับขึ้นห้องของตัวเองไปอย่างไม่สบอารมณ์ “คร้าบบบ” ภาคินขานรับด้วยสีหน้าขำๆ ก่อนจะเปิดตู้แช่แล้วหยิบเบียร์ที่เย็นเฉียบขึ้นมาเปิดสองขวด แล้วเดินกลับไปหาสินชัยที่ด้านนอก ชั่วโมงต่อมา... หลังจากที่อาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ วรันยาก็เดินลงมาหาบิดากับ จอมทะลึ่ง ที่ตอนนี้กำลังคุยกันอย่างออกรส “ตั้งโต๊ะเลยไหมคะ” หญิงสาวจ้องมองกระป๋องเบียร์ที่อยู่ในมือของบิดากับอีกฝ่ายก็แอบกลอกตาอย่างเซ็งๆ ‘สงสัยคืนนี้ต้องลากยาวอีกแน่ๆ’ “จ้ะ” สินชัยขานรับ วรันยาส่งยิ้มให้บิดา แล้วเดินตรงไปที่ห้องครัว ช่วยแม่บ้านยกกับข้าวออกมาจัดที่โต๊ะด้านนอก ภาคินมองตามสาวเจ้าจนลับตา ก่อนจะหันมาคุยเรื่องงานทางใต้และกรุงเทพฯ. ให้สินชัยฟังต่อ พร้อมกับเสนอแผนพัฒนาการท่องเที่ยว ที่เชื่อมโยงถึงกันระหว่างไร่ไปรยาเวศกับรีสอร์ตพรรณนารา สินชัยนั่งฟังแผนที่ตัวเขาเองก็แอบคิดมานานแต่ไม่กล้าพูดให้ใครฟัง เพราะกลัวว่าจะดูไม่ดี แม้ส่วนตัวจะสนิทกับกังศมาขนาดไหน ก็ไม่อาจจะเสนอไอเดียดังกล่าวได้ “อืม...น่าสนใจนะ แต่การทำธุรกิจแบบนี้ มัน...” “มันติดตรงไหนเหรอครับอาสิน” “แหม...อาไม่กล้าพูดออกมาหรอกคิน เอาเป็นว่า...” “ถ้าตระกูลผมกับอาสินเกี่ยวดองกัน ทุกอย่างคงจะง่ายขึ้นใช่ไหมครับ” คนที่รอจังหวะงามๆ รีบบอก “ใช่! แต่นั่นคือสิ่งที่เป็นไปไม่ได้” สินชัยพยักหน้าอย่างเห็นด้วย ลึกๆ ก็แอบหวังให้สองตระกูลเกี่ยวดองกัน แต่ติดตรงที่สามหนุ่มซานเตียนและบุตรสาว นับถือกันเหมือนพี่เหมือนน้อง จึงรู้สึกกระดากเกินจะพูดออกไป “ผมว่า...” ภาคินกำลังจะเสนอตัว แต่ดันถูกขัดจังหวะขึ้นเสียก่อน “ตั้งโต๊ะเสร็จแล้วค่ะ” วรันยารู้สึกมึนงงกับท่าทีและสายตาของบิดากับ จอมทะลึ่งที่หันมามองเธอพร้อมๆ กัน “จ้ะ!” สินชัยส่งยิ้มให้บุตรสาว ก่อนจะหันไปชวนแขกประจำ “เราไปกินข้าวกันเถอะคิน เอาไว้ค่อยคุยกันใหม่” “ครับ” ภาคินขานรับพร้อมกับแอบต่อว่าสาวเจ้าในใจที่เข้ามาขัดจังหวะการเสนอตัวเป็นลูกเขย ‘น้องไวน์นะน้องไวน์! อีกนิดเดียวเท่านั้น’ หลังจากที่ทานข้าวเสร็จ วรันยาก็รีบขอตัวขึ้นห้อง เพราะอยากจะเมาท์มอยกับเพื่อนสาว ขณะที่ภาคินเองก็พยายามจะคุยกับสินชัยในเรื่องที่ค้างไว้ แต่ก็ถูก ผู้เป็นยายโทร. ตาม จึงจำต้องเอ่ยลาว่าที่พ่อตาในอนาคตอย่างแสนเสียดาย ไร่ไปรยาเวศ...ทันทีที่ภาคินเดินผ่านประตูเข้ามาในบ้านก็ถึงกับตกใจที่อยู่ๆ ก็ได้ยินเสียงของผู้เป็นยายเอ่ยขึ้น “พาน้องไวน์ไปเที่ยวที่ไหนมา” กังศมาดักรอหลานชายตัวดีที่หายหน้าหายตาไปทั้งวัน “ยาย! ตกใจหมดเลย” ภาคินยกมือขึ้นลูบที่หน้าอกเบาๆ แล้วเดินเข้าไปหาผู้เป็นยายที่ตอนนี้มีสีหน้าบูดบึ้งอย่างเห็นได้ชัด “หึ! แล้วตานัยหายไปไหน” กังศมาถามหาคนที่หายไปตั้งแต่เมื่อวาน จนป่านนี้ยังไม่โผล่หน้ามาให้เห็น “น่าจะอยู่กับคาร่าครับ” ภาคินบอกพร้อมกับเข้าไปกอดอ้อน “ตกลงเราพาน้องไวน์ไปไหนมา” กังศมาถามเข้าเรื่องอีกครั้ง “เอ่อ...ผมพาน้องไปซื้อเสื้อผ้า กินข้าว อ้อ! แล้วก็ไปไหว้พระที่วัดด้วยครับ” “วัด!” กังศมาขมวดคิ้วมองหลานชายอย่างไม่อยากจะเชื่อว่าอีกฝ่าย จะเข้าวัดเข้าวาเป็นกับเขา “ใช่ครับ” ภาคินกลอกตาที่ผู้เป็นยายใช้เสียงสูง “ไปทำไม?” “ไปขอพรครับ” “แต่เรานับถือคริสต์ไม่ใช่เหรอ” กังศมาเอ่ยท้วง “ผมนับถือพุทธครับยาย ไอ้นัยต่างหากที่นับถือคริสต์” คนที่เพิ่งจะย้ายศาสนามาสดๆ ร้อนๆ รีบแถ “ใช่เหรอ?” กังศมาถามอย่างไม่เชื่อ “ใช่ครับ” ภาคินรีบยืนยัน “หึ! แล้วเราทำอะไรน้องไวน์หรือเปล่า” “บ้า! ผมก็แค่พาน้องไปเที่ยวเฉยๆ” “จริงนะ” กังศมามองใบหน้าหล่อเหลาอย่างจับสังเกต “โธ่! จริงสิครับ อย่างเก่งก็แค่กอดแค่หอมเท่านั้น” “คิน!” กังศมาตีเข้าที่ต้นแขนของหลานชายอย่างรู้สึกโมโห “ฝันดีครับยาย” คนที่รู้ว่าขืนอยู่ต่อต้องเจ็บตัว รีบวิ่งหนีขึ้นห้องนอนไปอย่างรวดเร็ว กังศมามองตามหลานชายพร้อมกับส่ายหน้าอย่างเพลียๆ คนหนึ่งก็เผลอไม่ได้ จ้องจะรวบหัวรวบหางวรันยา อีกคนก็เงียบ แต่ได้เรื่องตลอด ส่วนหิรัญก็เอาแต่ควงดารา-นางแบบเป็นว่าเล่น ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะเป็นฝั่งเป็นฝาสักที เธอเองก็อายุหกสิบกว่าแล้ว จะอยู่ทันได้อุ้มเหลนคนแรกของตระกูลหรือเปล่ายังไม่รู้ คนที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมานานนั่งหายใจครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะลุกเดินขึ้นห้องนอน เพราะพรุ่งนี้เช้าต้องเตรียมของไปไหว้ขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วยดลใจหลานชายคนโต ให้รีบๆ แต่งงาน เช้าวันต่อมา...เวลา 09:02 คนที่นอนตื่นสายรีบวิ่งลงบันไดอย่างเร่งรีบ เพราะตั้งใจว่าวันนี้จะไปสิงสถิตอยู่ที่รีสอร์ตพรรณนารากับสาวเจ้าทั้งวัน “จะไปไหน” กังศมาที่ยืนดักรอหลานชายตัวดีอยู่เอ่ยถามขึ้นทันใด “เอ่อ...ผมจะไปหาน้องไวน์ครับ” ภาคินตอบตามตรง “มากินข้าวกับยายก่อน” คนที่หิ้วท้องรอ ดึงแขนของหลานชายให้ออกเดินไปยังห้องรับประทานอาหาร “ครับ” ภาคินเดินตามผู้เป็นยายไปอย่างไม่มีทางเลือก “พ่อสินเขาโทรมาหายายเมื่อเช้า” กังศมาเข้าไปนั่งที่หัวโต๊ะแล้วเอ่ยเข้าเรื่องสำคัญ “มะ...มีเรื่องอะไรเหรอครับ” ภาคินขยับเก้าอี้ออก แล้วเข้าไปนั่งฟังอย่างรู้สึกใจคอไม่ดี ‘! หรือว่าอาสินเห็นรอยดูดของเราที่หน้าอกของน้องไวน์?’ “ก็เรื่องของน้องไวน์น่ะแหละ” กังศมาบอกด้วยน้ำเสียงเข้มๆ ขณะเดียวกันก็รู้สึกมึนงงกับสีหน้าเลิ่กลั่กของหลานชาย “คือว่าผม...” ภาคินอึกอักอย่างไปไม่ถูก ‘เอาวะ! ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ให้ยายยกขันหมากไปสู่ขอน้องไวน์เลยแล้วกัน’ “ตอนนี้เรายังไม่ได้มีโปรแกรมจะทำอะไรใช่ไหม” “หมายถึง...” ภาคินขมวดคิ้วถามอย่างเริ่มจะสับสน ‘ให้ตายสิ! นี่ยายจะพูดเรื่องอะไรกันแน่เนี่ย?’ “ก็เรื่องงานที่คินมารับช่วงต่อไง” “อ๋อ! ยังครับ พ่อให้พักก่อน แล้วค่อยเริ่มงานต้นเดือนหน้า” ภาคินตอบอย่างรู้สึกงงๆ ‘อ้าว! ที่แท้ก็เรื่องงานหรอกเหรอวะ’ “อืม! งั้นก็คงว่างไปส่งน้องไวน์ที่อังกฤษได้ใช่ไหม” กังศมาชั่งใจอยู่นานกว่าจะเอ่ย เธอรู้ดีว่าหลานชายรู้สึกอย่างไรต่อวรันยา แต่สินชัยไม่รู้ แถมยังรักและไว้ใจเหมือนกับว่าเป็นลูกชายอีกคน “ว่างครับ ผมว่าง!” ภาคินรีบพยักหน้ารับอย่างดีใจ ‘! ในที่สุดสวรรค์ก็เห็นใจเราจนได้’ “เฮ้อ...เก็บอาการบ้างก็ดีนะ ยายไม่อยากผิดใจกับสิน” กังศมาถอนหายใจ หลังเห็นสีหน้าที่ไม่เคยปกปิดความรู้สึกของหลานชาย ซึ่งก็คงจะมีแต่สินชัยกับดาหลาเท่านั้นที่มองไม่ออก “ครับ แล้วยายไปจะด้วยหรือเปล่า” ภาคินอมยิ้มอย่างรู้สึกเขินๆ “อยากไปนะ แต่ยายนั่งเครื่องบินนานๆ ไม่ไหวแล้ว” คนอายุมากบอก เสียงอ่อน “ครับ” คนที่หาโอกาสเคลมสาว แทบจะลุกขึ้นมาเต้นแร้งเต้นกาฉลองที่ ทุก ๆ อย่างช่างประจวบเหมาะและเป็นใจ “หุบยิ้มซะบ้างเถอะ เห็นแล้วหมั่นไส้” กังศมาบอกคนที่ทำหน้าเหมือนถือล็อตเตอร์รี่รางวัลใหญ่อยู่ในมือ ‘แบบนี้จะไหวไหมเนี่ย?’ “ก็ผมดีใจนี่ครับ ปีหนึ่งที่ไม่ได้เจอหน้ากัน อยากจะหาข้ออ้างแวบมาหา ก็ทำไม่ได้ พอฝึกงานเสร็จ ก็มีเวลาได้มองหน้าน้องไวน์แค่สามวันเอง” ภาคินบอกด้วยน้ำเสียงสุดเศร้ากลัวผู้เป็นยายจะเปลี่ยนใจไปด้วย “สัญญากับยายมาก่อนว่าจะไม่ล่วงเกินน้อง” กังศมาขอคำมั่น “ผมให้สัญญาครับ” “งั้นวันนี้ก็เตรียมตัวจัดการเอกสารเดินทางให้เรียบร้อย ไม่ต้องไปหา น้องไวน์นะ ให้น้องได้มีเวลาอยู่สินให้เต็มที่ พรุ่งนี้เช้าเราค่อยไปทานข้าวที่บ้านของสิน แล้วก็ค่อยไปส่งน้องไวน์ขึ้นเครื่อง” “ครับ” ภาคินยิ้มรับก่อนจะลงมือรับประทานอาหารอย่างเต็มไปความสุข ที่ในที่สุดก็จะได้ตามไปส่งสาวเจ้าที่อังกฤษ ซึ่งจริงๆ แล้ว เขาเองก็ตั้งใจว่าอีกสามวันจะแอบบินตามไปเซอร์ไพรส์เงียบๆ แต่พอสินชัยขอร้องให้ไปส่ง ก็เลยต้องเลื่อนกำหนดการเดินทางทั้งหมดมาเป็นวันพรุ่งนี้แทน
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม