“เดี๋ยว!”
ธาราทิพย์ชะงักเล็กน้อยก่อนทำหน้างง แล้วนึกขึ้นได้ค่อยถามเขากลับ “อยากให้แชร์ค่าห้องหรือ ฉันนอนไม่กี่ชั่วโมงเองนะ”
เขาไม่ได้ตอบเหมือนไม่ได้อยากได้ค่าห้องในส่วนที่เธอยินดีจะออกช่วยอย่างนั้นแหละ
“โอเคได้” ธาราทิพย์บอกก่อนบ่น “ฝรั่งขี้นก” หมุนตัวมองหากระเป๋าสะพายแต่แล้วก็ต้องตกใจมากขึ้นไปอีกเมื่อไม่เห็นมัน
“กระเป๋าของฉัน”
“คุณยังไปไหนไม่ได้”
“อะไร นี่ฉันไม่ใช่ผู้หญิงแบบนั้นนะ อย่า!” ธาราทิพย์ร้องเสียงดังลั่นพร้อมขยับหนีห่างจากเขาไปยังมุมห้อง
“ผมไม่มีอารมณ์กับผู้หญิงแบบนั้นหรอก” ร็อกเลียนคำของเธอแล้วบอกต่อ “แต่คุณยังไปไหนไม่ได้”
“ทำไมจะไปไม่ได้ ก็ฉันต้องกลับไป…” ธาราทิพย์พูดพร้อมชี้นิ้วไปทางประตูห้องแต่ยังบอกไม่ทันจบดีเลยเขาก็แย้งมาว่า “พ้นจากวันที่สิบสี่เดือนหน้าก่อน คุณถึงจะกลับไปได้”
“ทำไมจะต้องเป็นวันที่สิบสี่เดือนหน้าด้วย…” ธาราทิพย์เอียงคอมองชายตรงหน้า ก่อนถามเจาะจง พอจะเข้าใจอะไร ๆ ขึ้นมาบ้างแล้ว “ส้มจ้างคุณมาหรือ ใช่ใช่ไหม นึกว่าฉันสิ้นคิดมากหรือไง ที่จะไปทำลายงานแต่งของยายนั่นน่ะ”
คนฟังทำเพียงยักไหล่
แต่ธาราทิพย์ไม่ใช่คนที่จะยอมอะไรง่าย ๆ พอคิดว่ากำลังถูกเล่นงานแบบไม่ให้ได้ตั้งตัวเช่นนี้ก็ฮึดขึ้นมาทันที ก้าวขาตรงไปยังประตูที่เห็นว่าปิดอยู่ ขณะเดินผ่านเขาไปก็ถูกรั้งที่แขนด้วยมือขนาดใหญ่กว่าเกือบเท่า พร้อมออกแรงดึงให้เธอกลับไปอยู่ที่เตียงนอนดังเดิม ร่างใหญ่บึกทาบทับอยู่บนเรือนร่างของเธอ วินาทีที่ดวงตาสองคู่สบกัน ตอนนั้นเองที่กระแสของอารมณ์บางอย่างไหลอาบไปทั่วทั้งร่างของคนทั้งคู่
เธอแอบกลืนน้ำลายลงคอก่อนดึงสติกลับมาได้
“อย่ามาถูกตัวฉันนะ” รีบทำเสียงดังกลบเกลื่อนอาการตื่นเต้นของตัวเอง แล้วก็ดูเหมือนว่าเขาเองก็ตกใจเช่นกันจึงปล่อยมือจากเธอออกอย่างรวดเร็วราวกับจับต้องของน่ารังเกียจอย่างไรอย่างนั้นเลย
หญิงสาวเบือนหน้าหนีหุ่นล่ำ ๆ แล้วลอบกลืนน้ำลายเมื่อนึกถึงความใกล้ชิดกันเมื่อครู่นี้ ก่อนก่นด่าตัวเองว่าไม่ให้รู้สึกแบบนั้น เธอเพิ่งถูกปฏิภาณทิ้งนะ จะมาใจเต้นแรงกับผู้ชายสัญชาติอื่นแบบนี้ได้อย่างไร ไม่รู้สึกว่าตัวเองเป็นพวกผู้หญิงใจง่ายไปหน่อยหรือ แล้วสูดลมหายใจเข้ายาว ๆ นึกถึงใบหน้าหล่อจัดของคนที่เอาร่างหนาหนักมาทาบทับเธอเมื่อครู่นี้
จะไปนึกถึงหน้าหล่อ ๆ หุ่นล่ำ ๆ ทำไมนักนะ
นึกถึงหน้าบึ้ง ๆ ตึง ๆ ของเขาสิ จะได้ไม่ตื่นเต้น ใจสั่นอย่างที่เป็นอยู่แบบนี้อีก
ธาราทิพย์ตั้งสติครู่เดียวแล้วคิดต่อไปว่าเธอต้องอยู่ที่นี่จนถึงวันนั้นเลยหรือ แม้ไม่นานแต่มันใช่เรื่องหรืออย่างไรที่จะมากักขังหน่วงเหนี่ยวกันแบบนี้
ให้ตายเถอะ มันก็แค่อาการตื่นตัวเพราะตกใจแค่นั้นเอง
ไม่ใช่เพราะถูกใจเสียหน่อย
เธออ้าปากจะวีนใส่แต่แล้วเขาก็หันหลังแล้วเดินออกจากห้องไปในทันที เสียงเดินปึงปังราวกับยักษ์ปักหลั่นต้องการกระทืบพสุธาให้แยกออกจากกันนั่นเรียกสายตาของคนที่นั่งเสวนากันก่อนนั้นให้มองสบตากันแวบหนึ่ง ก่อนแยกออกไปนั่งยังเก้าอี้ของใครของมัน
ก่อนที่สตีฟจะออกปากถามขึ้นก่อนอย่างผู้กล้า
“มีอะไรให้ช่วยไหมร็อก”
“ไม่มี”
“แน่สิ สวยขนาดนั้นจะอยากให้ใครช่วยกันเล่า”
“ไม่เกี่ยวกับเรื่องนั้น”
ร็อก ศิงขริน โรเจอร์เน้นคำจนคนอื่นเลยต้องหุบปากฉับกันไป ร็อกจัดเป็นคนจำพวกพูดน้อยต่อยหนัก เวลาที่เขาเน้นคำ นั่นแสดงว่าอารมณ์ถูกกวนจนเกิดตะกอนขึ้นมาแล้วและพร้อมจะระเบิดออกได้ทุกเมื่อ
ร็อก ศิงขริน โรเจอร์เป็นลูกและหลานชายคนเดียวของตระกูลดัง บิดาของเขาในวัยหนุ่มเป็นทายาทมหาเศรษฐีที่ไม่คิดจะเอาการเอางานแบบพี่น้องคนอื่นในตระกูล สมัยหนุ่มเสเพลแล้วก็ไปติดกับดักสาวสวยในบาร์มีชื่อย่านกลางเมือง ทั้งคู่อยู่กินด้วยกันไม่นานเจ้าหล่อนรู้ว่าฝ่ายชายมีเงินจึงปล่อยให้ตนท้องเพื่อหวังจับชายร่ำรวยให้อยู่หมัด แต่แล้วก็ไม่เป็นดังหวังเมื่อบิดาของร็อกถูกตัดออกจากตระกูล หลังจากคลอดลูก ผู้หญิงคนนั้นส่งหลักฐานไปให้ฝ่ายชายดู บอกว่าให้คนเป็นพ่อนำตัวเด็กชายไปเลี้ยงดูเสียเอง แต่ก็มีเรื่องบ่ายเบี่ยงยืดเยื้ออยู่นาน ร็อกถูกเลี้ยงจากพี่เลี้ยงหลายคน เขาเติบโตที่เมืองนอกมาตลอด จนห้าปีมานี่ที่เขาได้กลับมาที่เมืองไทยอีกครั้ง
ภายนอกเขาอาจดูสุขสบายดี ร่ำรวย แทบไม่ต้องร้องขออะไรเพราะมีแต่คนหยิบยื่นให้ตลอด แต่ในใจลึก ๆ แล้วร็อกโหยหาพ่อ แม่ โหยหาคำว่าครอบครัวและคำว่าอบอุ่นมาโดยตลอด
“ไม่อยากจะเชื่อว่านายจะทำตามคำสั่งใครด้วย”
“นายไม่ใช่หรือไงที่ไปรับคำสั่งของผู้หญิงคนนั้นมา แล้วเอามาท้าเมื่อวานนี้น่ะ”
สตีฟยิ้มเมื่อนึกถึงเงื่อนไขของคนแพ้หลังแข่งกันกลับไปที่วิลลา ร็อกเห็นรอยยิ้มของเพื่อนก็ส่ายหัวก่อนบ่นอย่างหัวเสียกลับไป
“นายเล่นอะไรของนายแบบนี้วะ อย่างกับเด็กเลย”
“เอาน่า แพ้ก็ต้องรับเงื่อนไขสิ Loser” สตีฟบอกแล้วยิ้ม ร็อกส่ายหัวให้เพื่อนตัวแสบอีกทีแล้วพูดไปว่า “ยังไงก็ช่วย ๆ กันดูผู้หญิงคนนั้นไม่ให้ออกไปจากบ้านด้วยก็แล้วกัน ไม่ใช่ผลักทุกอย่างมาที่กูคนเดียว”
“อยากช่วยเรื่องอื่นไม่ได้หรือไง เรื่องนั้นให้คนของนายดูด้วยก็ได้”