วันต่อมา
ฉันลุกจากเตียงเพื่อที่จะไปอาบน้ำเตรียมไปเรียน วันนี้ฉันมีเรียนเช้าแต่เมื่อคืนก็เลือกที่จะพาตัวเองไปดื่มและเมากลับมาไม่เป็นท่า
ฉันยังคงจำเรื่องราวเมื่อคืนได้ดีถึงต่อให้ฉันจะเมาหนักแค่ไหนแต่ฉันก็ยังมีสติอยู่กับตัว ฉันจำได้ว่าตัวเองอ้วกใส่พี่คิณณ์ด้วยและหลังจากนั้นฉันก็ไม่รู้เรื่องเลย
มารู้สึกตัวก็ตอนที่ตื่นเนี่ยนะ ปวดหัวชะมัด ฉันหันไปมองฝั่งของพี่คิณณ์ก็รู้ได้ทันทีว่าเมื่อคืนนี้เขาไม่ได้มานอนข้างฉัน เพราะหมอนที่เรียบกับผ้าปูที่นอนที่ไม่ได้ยับ
บ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าเข้าของที่ไม่เข้าใช้งาน ฉันถอนหายใจ ฉันควรจะชินได้แล้วสินะกับอะไรแบบนี้เพรามันก็เป็นแบบนี้ประจำอยู่แล้วที่ตัวเองนอนคนเดียว
ฉันเดินออกมาที่ห้องนั่งเล่นก็เห็นว่าคอมถูกเปิดทิ้งเอาไว้ แต่เจ้าตัวไม่ได้อยู่ในห้อง ไฟห้องก็ถูกเปิดทิ้งไว้ด้วย
แสดงว่าเขาคงออกไปข้างนอกตั้งแต่เมื่อคืนแล้วไม่ได้กลับเข้ามาสินะ และเขาก็ปล่อยฉันทิ้งไว้ให้อยู่ในห้องคนเดียวทั้งที่ก็รู้ว่าฉันเมาหนักมากแค่ไหร
เห็นแบบนี้แล้วมันก็น้อยใจและเจ็บใจมากที่เขาเลือกอย่างอื่นมากกว่าฉัน เชื่อมั้ยว่าถ้าเป็นฉันฉันจะไม่มีวันเลือกอย่างอื่นมากกว่าแฟนตัวเอง
ฉันนึกย้อนไปถึงวันที่พี่คิณณ์ตากฝนจนเขาไม่สบายไปทำงานไม่ได้และตอนนั้นก็เป็นวันที่ฉันจะต้องกลับบ้านไปหาครอบครัว แต่ฉันก็เลือกที่จะอยู่ดูแลเขาเพราะเขาไม่มีใครที่ต้องคอยดูแล
ถ้าฉันทิ้งเขาแล้วกลับบ้านไปเขาจะอยู่ยังไง ฉันยอมให้พ่อแม่โกรธที่ไม่มาตามนัดเพื่อที่จะดูแลจนกว่าเขาจะหายไข้ ไม่ยอมไปไหนเฝ้าอยู่ใกล้ตลอดเวลา แต่พอเป็นฉันเขากลับทิ้งฉันไปซะอย่างนั้น มันน่าน้อยใจมั้ยล่ะ
แอด
ประตูห้องถูกเปิดออกทำให้เห็นพี่คิณณ์ที่เหนื่อยหอบเข้ามาในห้องเหมือนเขารีบกลับมาก่อนที่ฉันจะตื่น
แต่คิดว่าคงไม่ทันแล้วล่ะ เพราะฉันตื่นมานานแล้วและรู้ด้วยว่าเขาทิ้งฉันเอาไว้ให้อยู่ในห้องคนเดียวแบบนี้ รู้มั้นยว่าในหัวฉันตอนนี้กำลังคิดอะไรอยู่
ฉันกำลังคิดว่าแฟนที่เคยแสนดีของฉันเขาได้เปลี่ยนไปแล้ว และเปลี่ยนไปในทางที่ไม่ดีมากด้วย เขากำลังจะกลายเป็นแฟนที่ไม่ดีสำหรับฉันไปแล้ว
พี่คิณณ์มองหน้าฉันนิ่งฉันเองก็มองหน้าเขากลับไปเช่นกัน เราทั้งสองต่างมองหน้ากันและกันโดยที่ไม่ได้พูดอะไรกันเลย
ฉันไม่รู้หรอกนะว่าเมื่อคืนนี้เขาไปไหนมาทำไมทิ้งงานของตัวเองไปแบบนี้ปกติเขาจะต้องเลือกงานมากกว่าอย่างอื่นอยู่แล้ว
แม้กระทั่งฉันกับงานเขายังเลือกงานเลย แล้วอะไรที่สำคัญมากกว่าฉันกับงานของเขา ฉันเลิกสนใจคนตรงหน้าก่อนจะเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวเพื่อจะเข้าห้องน้ำแต่พี่คิณณ์ก็เดินมายืนขวางหน้าประตูห้องน้ำเอาไว้
“ไม่ถามพี่หน่อยไงว่าไปไหนมา?”
พอฉันถามเดี๋ยวเขาก็มาโวยวายบอกว่าฉันไม่ยอมให้เขามีพื้นที่ส่วนตัว พอไม่ถามก็อยากให้ฉันถาม เขาจะเอายังไงกับฉันกันแน่
ฉันก็ไม่สนใจเขาแล้วไงเขาอยากทำอะไรเขาก็ทำได้เลยไม่ต้องมานึกถึงฉัน แบบนี้เขาน่าจะดีใจนะที่ฉันใจดีปล่อยพื้นที่ว่างให้เขาใช้ได้ตามสบายเลย พี่คิณณ์เดินเข้ามาใกล้ฉันเขาทำให้ตัวเราชิดเบียดกันอยู่
“ที่ไม่ถามเพราะหนูไม่อยากรู้” ฉันเชิดหน้าตอบกลับไป
ต่อไปนี้ฉันจะไม่สนใจเขาอีกแล้วฉันจะทำตามใจตัวเอง ฉันจะทำในสิ่งที่ตัวเองชอบ้าง ฉันผลักคนตรงหน้าให้ออกไปให้พ้นทางแต่เขาก็ยังไม่ยอมหลีกทางให้ฉันแถมยังเอามือค้ำขอบประตูไม่ยอมให้ฉันเข้าไป
ฉันยืนเท้าเอวอย่างหงุดหงิดคนไม่อยากคุยด้วยจะมายืนทำอะไรตรงนี้ เขาจะไปที่ไหนมันก็เรื่องของเขาไม่เกี่ยวกับฉันสักหน่อย
“หนูจะอาบน้ำ”
“พี่ก็จะอาบน้ำ”
ร่างสูงกระตุกยิ้มแล้วช้อนตัวฉันขึ้นไว้ในอ้อมแขนของเขาก่อนจะพาฉันเข้ามาในห้องน้ำพร้อมกับเขา
เขาวางฉันลงที่ขอบอ่างก่อนที่เขาจะนั่งยองๆ ลงตรงหน้าฉัน ฉันเม้มปากตัวเองแน่นเมื่อพี่คิณณ์นวดขาให้ฉันอย่างเบามือ
“เรื่องเมื่อวานพี่ขอโทษที่พูดไม่ดีกับลิซ พี่แม่งโง่เองที่ทำร้ายลิซด้วยคำพูดแบบนั้น”
“...”
นี่เชื่อมั้ยว่านี่เป็นครั้งแรกที่พี่คิณณ์ขอโทษด้วยการอ้อนฉันหนักขนาดนี้ เขาไม่เคยสนใจฉันอยู่แล้วว่าฉันจะโกรธหรือไม่โกรธเขา เพราะเวลาที่ฉันโกรธเขาจะปล่อยให้ฉันหายเอง
แต่นี่เขากลับยอมง้อฉันด้วยการนวดขาให้แบบนี้ ฉันเองก็เกือบใจจะอ่อนนั่งแหละ พูดตรงๆ เลยก็คือฉันโกรธเขาได้ไม่นานหรอก
พอเขามาง้อด้วยวิธีนี้ฉันก็ใจอ่อนแล้วก็เขาเคยง้อฉันแบบนี้ที่ไหนกันล่ะ ไม่สิ จะพูดให้ถูกต้องบอกว่าไม่เคยง้อมากกว่า ผู้ชายอย่างพี่คิณณ์ไม่ได้โรแมนติกอะไรขนาดนั้นหรอก
“เรากลับมาเป็นเหมือนเดิมนะ”
พี่คิณณ์ยิ้มให้ฉันแล้วกุมมือฉันเอาไว้เพื่อที่จะขอให้เรากลับไปเป็นเหมือนเดิม แววตาที่เขามองฉันดูเหมือนรู้สึกผิดจริงๆ ที่พูดทำร้ายจิตใจฉันเมื่อวาน
เห็นแบบนั้นมันก็ทำให้ฉันโกรธเขาไม่ลง และสิ่งที่ทำให้ฉันเขินหนักมากก็คือการที่เขาก้มลงจูบปลายเท้าฉันเพื่อขอโทษกับสิ่งที่ตัวเองได้ทำลงไปทั้งหมด จะมีผู้ชายสักกี่คนที่กล้าทำแบบนี้กับผู้หญิงบ้างล่ะ ถ้าเขาไม่รักจริงก็คงไม่ทำหรอก
“ชอบให้พี่อ้อนแบบนี้ไม่ใช่ไง?”
“อะ...อืม”
“พี่ขอโทษนะ พี่สัญญาว่าจะพยายามไม่ทำร้ายลิซด้วยคำพูด”
“ทำไมต้องพูดว่าจะพยายามคะ ทำไมไม่รับปากว่าจะไม่ทำอีก”
“ถ้าพี่รับปากแล้วทำไม่ได้อาจจะยิ่งทำให้เราเสียใจไม่ใช่ไง แต่พี่จะพยายามทำให้มันดีที่สุด”
“…”
“กลับเป็นเมียดื้อขี้เอาแต่ใจของพี่เหมือนเดิมนะลิซ”
“ก็ได้ค่ะ แต่ถ้ามีอีกหนูจะไม่ยกโทษให้แล้ว”
“ไม่ให้มันเกิดขึ้นอีกแน่”
“ทำให้ได้อย่างที่พูดแล้วกันค่ะ”
“ครับผม” ฉันยิ้มแล้วโอบกอดพี่คิณณ์เอาไว้
ฉันชอบให้เขาทำแบบนี้ ชอบให้เขาเอาใจฉัน ชอบให้เขาอ้อนฉัน ที่ผ่านมาเขาไม่เคยทำเลยถ้าเขาทำผิดเขาแค่จะบอกขอโทษเท่านั้น
ฉันจะยกโทษให้เขาหรือไม่เขาก็ไม่สนใจ การกระทำของเขาทำให้ฉันรู้ว่าเขารู้สึกผิดจริงๆ ที่เขาได้ทำร้ายฉันด้วยคำพูดไปแบบนั้น
รู้มั้ยบางครั้งฉันก็สงสัยนะว่าที่เขามาอ้อนฉันแบบนี้เขาไปทำอะไรผิดมาหรือเปล่า แต่คิดว่าตัวเองอาจจะคิดมากไปก็ได้มั้งมันอาจจะไม่มีอะไรก็ได้
พี่คิณณ์มาส่งฉันที่มหาลัยก่อนจะขับรถออกไปทำงานที่อู่ เขาบอกว่าที่เมื่อคืนเขาไม่ได้อยู่ห้องเป็นเพราะว่ามีคนโทรมาหาเขาบอกว่าจะฆ่าตัวตาย เขาก็เลยต้องอยู่ปลอบใจเธอ
ถึงแม้ว่าฉันจะไม่พอใจที่เขาเห็นผู้หญิงคนอื่นดีกว่าและทิ้งฉันไว้ให้อยู่ในห้องคนเดียวแต่ฉันก็พูดอะไรไม่ได้อยู่ดี ชีวิตของคนมันสำคัญกว่าอยู่แล้ว
คนดีๆ อย่างพี่คิณณ์ไม่ยอมให้ใครมาตายต่อหน้าเขาโดยที่เขาไม่ช่วยอะไรเลยหรอก ก็ไม่รู้ว่าจะเชื่อได้หรือเปล่าเพราะฉันก็เมาหลับไม่ได้สติไง แต่คิดว่าพี่คิณณ์คงไม่โกหกฉันหรอก
ฉันเดินมานั่งโต๊ะไม้ที่ตุ๊กตากับแม็กนั่งคุยกันอยู่ พอมาถึงตุ๊กตาก็มองหน้าฉันแล้วเบ้ปากให้เหมือนว่าฉันไปทำอะไรให้มันโกรธหรือไม่พอใจทั้งๆ ที่ฉันยังไม่ได้ทำอะไรเลยแค่อ้าปากจะพูดกับมันยังไม่ได้พูดด้วยซ้ำ
แล้วนี่มันเป็นอะไรของมันมาโกรธอะไรฉันหรือเป็นเมนส์ก็เลยมาเหวี่ยงใส่คนอื่นแบบนี้
“เมื่อคืนนี้ไปผับแกไม่คิดจะชวนฉันเลยนะอีเพื่อนเลว”
ฉันก็นึกว่าเรื่องอะไร แสดงว่าแม็กเล่าเรื่องของฉันให้ตุ๊กตาฟังแล้วสินะ ก็ที่ฉันไม่ชวนเพราะฉันรู้ว่ามันจะเละเทะมากกว่าฉันยังไงล่ะ
ยัยเพื่อนคนนี้มันรักสนุกถ้าได้ลองเมาแล้วมันมั่วไม่เลือกก็เลยชวนแค่แม็กดีกว่า อีกอย่างนะฉันก็ไม่อยากให้ใครมารู้เรื่องที่ฉันทะเลาะกับพี่คิณณ์ด้วย
“วันนี้จะอยู่ซ้อมน้องด้วยหรือเปล่า?”
“ก็ว่าจะอยู่ แกถามทำไม?”
“ก็ที่ถามเพราะว่ารุ่นน้องสุดที่รักของแกวันนี้ไม่ได้มาซ้อมนะจ๊ะบอกว่าเวียนหัวลุกไม่ไหวเลยฝากเพื่อนมาบอก”
ตุ๊กตาทำเสียงเลียนแบบจัสมิน ฉันไม่ยักรู้ว่าเธอจะป่วยหนักขนาดถึงขั้นลุกไม่ไหว ก็แล้วทำไมไม่โทรมาบอกฉันล่ะเราเองก็สนิทกันแล้วนี่นา มีไลน์กันแล้วด้วย
หรือเป็นเพราะว่าเมื่อวานฉันกับพี่คิณณ์เราทะเลาะกันรุนแรงเลยทำให้เธอไม่กล้าโทรมาหาฉันก็ได้มั้ง
พอรู้ข่าวฉันก็อดเป็นห่วงไม่ได้เลยโทรหาจัสมินทันที เผื่อว่าถ้าเธอไม่ดีขึ้นฉันจะได้พาเธอไปหาหมอ เห็นเธอบอกว่าอยู่คนเดียวด้วย
[สวัสดีค่ะพี่ลิซ] น้ำเสียงเหมือนคนไม่สบายจริงๆ ด้วย ท่าทางเหมือนจะเป็นหนักเหมือนกันนะเนี่ย
“เห็นเพื่อนเรามาบอกว่าป่วยเหรอ ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง?”
[ตอนนี้ก็ดีขึ้นแล้วค่ะ...จัสพี่วางข้าวต้มไว้ตรงนี้นะ]
มีเสียงของผู้ชายแทรกเข้ามาในสาย แสดงว่าจัสมินไม่ได้อยู่คนเดียวแต่อาจจะมีเพื่อนของเธอหรือไม่ก็แฟนเธอมาคอยดูแลแล้วมั้ง ถ้าเป็นอย่างนั้นฉันก็สบายใจหน่อยที่อย่างน้อยเธอก็ไม่ได้อยู่คนเดียว
“มีคนอยู่ด้วยก็ดีแล้ว งั้นก็พักผ่อนเยอะๆ หายเร็วๆ นะ”
[ขอบคุณนะคะ]
ฉันวางสายจากจัสมินไปก่อนจะหันกลับมาคุยกับเพื่อนต่อ แต่สายตาของตุ๊กตาจ้องมาที่ฉันอย่างเอาเรื่อง แสดงว่าเมื่อกี้เธอแอบฟังที่ฉันคุยกับจัสมินสินะ
เพื่อนฉันคนนี้มันนิสัยไม่ดีจริงๆ เลยชอบสอดรู้สอดเห็นเรื่องของคนอื่นพอเรื่องของตัวเองยังเอาไม่รอดเลย
“ถ้าจะจ้องขนาดนี้ทำไมไม่กินหัวฉันเลยล่ะ”
สายตาที่มันมองฉันเหมือนมันไปรู้อะไรมาอย่างนั้นแหละ จะบอกอะไรให้นะถ้าเรื่องไหนที่เราไม่รู้มาถามเพื่อนฉันได้เลยเพราะมันรู้หมดทุกเรื่องนั้นแหละ อย่างที่บอกว่ามันชอบสอดรู้สอดเห็นเรื่องคนอื่นไง
“คนที่จะกินหัวแกไม่ใช่ฉันหรอก แต่เป็นผัวแกมากกว่าลิซ”
คำพูดกำกวมฟังไม่รู้ความของตุ๊กตาทำให้ฉันส่ายหัวอย่างเบื่อหน่ายก่อนจะชวนแม็กขึ้นเรียนแล้วปล่อยให้มันเพ้อเจ้อนั่งอยู่คนเดียว
“ผู้ชายที่อยู่กับยัยนั่นอาจจะเป็นพี่คิณณ์แฟนแกก็ได้นะลิซ”
ทันทีที่ตุ๊กตาพูดประโยคเมื่อกี้ออกมาฉันก็หันขวับไปจ้องมันเขม็ง ฉันไม่ชอบให้มันพูดแบบนี้เลย
เข้าใจนะว่าไม่ชอบพี่คิณณ์แต่ก็ไม่ควรพูดขนาดนี้มั้ย มันเองก็รู้ว่าฉันรักพี่คิณณ์มากแค่ไหน การที่มาพูดให้ฉันคิดมากแบบนี้เขาเรียกว่าไม่ใช่เพื่อนแล้วนะ
พอมันเห็นว่าฉันทำหน้าไม่พอใจใส่มันก็นรีบพูดขึ้นมาทันทีว่าไม่อยากให้ฉันไว้ใจพี่คิณณ์มากเกินไปเพราะบางทีเขาอาจจะกำลังหลอกฉันอยู่ก็ได้
"บางทีแฟนของแกอาจจะกำลังหลอกแกอยู่ก็ได้นะลิซ"
“ไม่มีทาง”