SOMEBODY 25
****************************
[AKIN : SAID]
ผมจอดรถหน้าอู่ก่อนจะถอดหมวกกันน็อกให้กับคนตัวเล็กที่นั่งซ้อนท้ายผมมาด้วย เธอชื่อมะปรางเป็นน้องสาวของไอ้มินทร์
พอดีวันนี้มันโดนอาจารย์ต่อว่าที่มันอู้งานก็เลยไปรับน้องสาวของมันไม่ได้ มันเลยวานให้ผมไปรับน้องสาวมันให้หน่อย เพราะช่วงนี้มีพวกนักเรียนอาชีวะตามจีบมะปรางอยู่ มันเลยไม่อยากปล่อยให้น้องมันต้องกลับเอง
วันก่อนที่เธอกลับบ้านคนเดียวก็มีคนจะเข้ามาฉุดเธอ มันเลยเป็นห่วงกลัวว่าน้องสาวมันจะโดนดักทำร้าย
“ขอบคุณนะคะพี่คิณณ์” มะปรางกอดแขนผมแล้วยิ้มกว้างให้ผมที่อาสาไปรับเธอมาส่งให้ถึงมือพี่ชายอย่างปลอดภัย
“อืม เรื่องเล็กน้อยน่ะ” ผมเอื้อมมือไปขยี้ผมเธออย่างเอ็นดูก่อนจะกดส่งข้อความไปหาลิซ
ไม่รู้ว่าป่านนี้เธอจะกลับหรือยังหรือว่ายังคงนั่งรอผมอยู่ พอส่งไปมันก็ขึ้นว่าอ่านแล้วแต่ไม่มีการตอบกลับ
ผมคิดว่าเธอคงโกรธที่ผมไม่ไปรับเธอตามที่พูดกันไว้ เอาไว้เลิกงานแล้วค่อยกลับไปง้อเธอทีหลังก็ได้
ไม่ใช่ว่าผมไม่ห่วงความรู้ของลิซนะแต่ผมรู้ว่าลิซสามารถดูแลตัวเองได้ไง แต่เรื่องของไอ้มินทร์ที่มันมาขอร้องผมเพราะมันไปรับน้องสาวตัวเองไม่ได้มันเลยขอร้องให้ผมไปรับแทน
ปกติแล้วถ้าไม่มีเรื่องสำคัญมันจะไม่เอ่ยปากขอร้องผมเลยเว้ย
“อ้าวมึงไม่ได้รับลิซมาด้วยไง?”
มินทร์มองผ่านผมไปข้างหลังแล้วหันมาถามอย่างงงๆ เพราะผมบอกว่าจะไปรับลิซมันก็เลยขอให้ผมแวะไปรับน้องมันด้วย แต่ที่ผมไม่ได้ไปรับลิซเพราะไม่อยากมีปัญหากับเธอตามมาทีหลัง
ลิซไม่ชอบให้ผมขับรถซ้อนสามคน และถ้าเธอเห็นว่าผมไปรับผู้หญิงคนอื่นเธอก็จะออกอาการไม่พอใจแต่ไม่ยอมพูดอะไร
นิสัยขี้เอาแต่ใจของลิซน่ะผมรู้หมดล่ะ แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไรเพราะเห็นว่าเธอเองก็ไม่ได้งี่เง่าจนไม่ยอมฟังอะไรผมเลย
เอาเป็นว่ายอมให้เธอโกรธเรื่องที่ไม่ได้ไปรับยังดีกว่าให้เธอเข้าใจผิดคิดว่าผมให้ความสำคัญกับคนอื่นมากกว่าเธอ
“ไม่ว่ะ ไม่อยากมีปัญหา” ผมยักไหล่แล้วเดินกลับไปทำงานของตัวเองต่อ
เรื่องบางเรื่องการที่ผมไม่ยอมบอกลิซหรือเล่าให้ลิซฟังเพราะผมกลัวว่าเธอจะเป็นกังวลและระแวงผมจนไม่เป็นอันทำอะไร ให้เธอไม่รู้แล้วสบายใจยังดีกว่า อีกอย่างมันก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรที่จะให้เธอรับรู้ด้วย
ผมก็ไม่ได้ทำอะไรลับหลังลิซนะ อะไรที่ผมเคยทำผมก็ทำมันอยู่อย่างนั้น ในหัวผมไม่เคยมีเรื่องผู้หญิงเข้ามาเลยเพราะผมคิดว่าลิซคือผู้หญิงที่ผมจะทุ่มเททุกอย่างให้กับเธอ
ผมไม่ใช่คนที่เอาไม่เลือกขนาดนั้น เห็นผมเฟรนลี่เข้ากับคนอื่นได้ง่ายก็อย่าเหมารวมว่าผมแม่งเป็นแฟนเหี้ย
ไอ้ที่ทำงานงกๆ แบบนี้ก็เพื่อเมียทั้งนั้นแหละไม่ใช่เพื่อตัวเองเลยเว้ย เพราะถ้าผมไม่ทำงานแล้วผมจะมีเงินที่ไหนมาให้เธอใช้ล่ะ
ส่วนเรื่องครอบครัวของลิซผมเองก็พอเข้าใจถ้าพวกเขาจะไม่ชอบผมเพราะผมมันไม่มีอนาคต ไม่สามารถเลี้ยงลูกสาวเพียงคนเดียวของพวกเขาได้
คำดูถูกของพวกเขาผมเก็บเอามาเป็นกำลังใจให้ตัวเองทำมันให้ดีที่สุดเพื่อที่จะดูแลลิซได้โดยที่เธอไม่ลำบากเลย
แต่ก็ไม่รู้ว่าตัวเองจะทำมันได้ดีแค่ไหนเหมือนกัน เพราะดูเหมือนว่าตอนนี้ลิซเองก็เริ่มจะไม่ชอบในสิ่งที่ผมทำให้เธอแล้ว
“มีแน่ถ้าเกิดว่าลิซเห็นน้องกูซ้อนท้ายรถมึงอ่ะ”
เออว่ะ! ผมลืมคิดไปได้ไงวะถ้าเกิดว่าลิซบังเอิญเห็นผมไปรับมะปรางแทนที่จะไปรับเธอเธอจะไม่โกรธผมแย่แล้วเหรอ ถึงว่าล่ะทำไมไม่ยอมตอบไลน์ผมเลย
ผมกดโทรหาลิซแต่ติดต่อไม่ได้ ผมเชื่อว่าแบตเธอคงไม่ได้หมดแน่นอน แต่ที่ติดต่อไม่ได้ก็คงจะปิดเครื่องเพื่อเลี่ยงการพูดคุยกับผม
และมันก็ทำให้ผมมั่นใจว่าเธอน่าจะเห็นผมกับมะปรางแล้วหรือไม่ก็มีคนเห็นแล้วเอาไปบอกเธอ
ผมพลาดเองแหละที่ไม่คิดให้ดีก่อน คณะของมะปรางกับคณะของลิซอยู่ใกล้กันมากไง การที่จะมีคนเห็นแล้วเอาไปบอกเธอก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเลยเว้ย
“กูกลับก่อนนะเดี๋ยวพรุ่งจะมาทำต่อแต่เช้าฝากบอกอาจารย์ให้กูด้วย”
ถ้ารู้ว่าลิซโกรธแบบนี้ผมก็ไม่เป็นอันทำอะไรแล้วล่ะต้องกลับไปเคลียร์กับเธอก่อน ผมเองก็ไม่อยากให้เธอโกรธนานแล้ว นิสัยของลิซเป็นยังไงผมเองก็พอจะรู้ดี
ถ้าผมปล่อยให้เธออยู่กับตัวเองนานๆ แบบนี้จนเธอสามารถอยู่ได้โดยไม่มีผม เธอก็อาจจะไปจากผมก็ได้
ผมยังไม่อยากเสียเธอไปตอนนี้หรอกนะเว้ย แต่พอกลับเข้ามาที่ห้องก็ไม่เห็นลิซเธอยังไม่ได้กลับมา
ผมเลือกที่จะไม่ไปตามหาลิซ เพราะต่อให้ไปตามยังไงก็หาเธอไม่เจออยู่ดี ก็เลยรอเธอที่ห้องแทนเผื่อว่าบางทีเธออาจจะกำลังนั่งรถกลับมาก็ได้
ผมลงมารอลิซที่ล็อบบี้อยากรู้ว่าเธอกลับจะกลับยังไงแล้วใครมาส่งเธอ ผมรู้นะว่าผมผิดและไม่ควรมานั่งจับผิดเธอแบบนี้แต่ผมก็แค่อยากรู้ว่าตอนนี้เธอยังเหมือนเดิมกับผมหรือเปล่าก็เท่านั้นเอง
21:30 น.
ผมนั่งรอลิซมาเป็นชั่วโมงในมือก็กดมือถือโทรหาเธอตลอดจนแบตแทบจะหมดอยู่แล้วก็ไม่เห็นว่าเธอจะกลับมาเลย เวลาโกรธก็เป็นงี้ทุกทีชอบหนีปัญหา
ทำไมไม่กลับมาคุยกันดีๆ ไม่ชอบอะไรยังไงก็ควรจะกลับมาคุยกันป่ะไม่ใช่หนีหน้ากันแบบนี้ ผมแม่งก็ไม่โอเคเหมือนกันที่เธองี่เง่ากับผม
รู้ป่ะว่าตอนนี้กูแม่งเป็นห่วงแทบบ้า
ผมนั่งกระวนกระวายใจอยู่นานก็เห็นว่าลิซกลับมาแล้วมีคนมาส่งเธอด้วย คนที่มาส่งเธอคือคนที่บ้านของเธอ ผมเคยเจอกับเขาตอนที่ไปบ้านเธอนั่นแหละและผมก็พอจะรู้ว่าเขาคิดยังไงกับลิซ
สายตาที่เขาบอกเมียผมเหมือนเขารักเธอมากแต่ก็ยังคงยิ้มแสดงความยินดีที่ลิซเลือกผม แต่สายตานั้นมันไม่ได้ยินดีด้วยไง
ลิซลงมาจากรถและชินต์ก็ตามลงมาจากรถเพื่อมาส่งเธอด้วย ผมเดินไปยืนอยู่หน้าทางเข้าหอเลยทำให้ผมได้ยินที่พวกเขาคุยกัน
“ขึ้นห้องได้แล้วป่านนี้แฟนเธอคลั่งตายแล้วมั้ง”
“ฉันให้” ลิซยื่นถุงกระดาษใบใหญ่ให้ผู้ชายที่มาส่งเธอ เขาทำหน้างงแต่ก็รับไป “คือ...ตอนที่นายไปเข้าห้องน้ำฉันแอบเห็นว่าเนกไทของนายมันเปื้อนน่ะก็เลยซื้อมาให้ พ่อฉันไม่ชอบคนสกปรกนะนายเองก็รู้”
“ขอบคุณครับคุณหนู”
ชินต์โค้งให้ลิซเล็กน้อยแต่ลิซกลับทำหน้ามุ่ยเหมือนไม่พอใจที่เขาเรียกเธอว่าคุณหนู
ผมเองก็พอจะรู้นะว่าลิซกับชินต์เคยเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็กเพราะลิซเป็นคนเล่าให้ผมฟังว่าตอนเด็กๆ เธอไม่มีเพื่อนที่ไหนเลยนอกจากชินต์แต่ชินต์ก็เป็นรุ่นพี่เธอหลายปีเหมือนกัน
“เรียกลิซเหมือนเดิมได้หรือเปล่าอ่ะ คำว่าคุณหนูมันฟังดูห่างเหินยังไงไม่รู้” ลิซทำเสียงอ้อนเหมือนที่เคยชอบทำกับผมประจำ ผมมองการกระทำของแฟนตัวเองแล้วรู้สึกหน่วงๆ ที่หน้าอกข้างซ้ายยังไงไม่รู้ว่ะ
“ขี้อ้อนเหมือนเดิมนะเรา ขึ้นห้องได้แล้ว”
ชินต์เอื้อมมือไปลูบผมลิซเหมือนจะเอ็นดูแฟนของผมมาก ผมได้แต่กำมือแน่นด้วยความเจ็บใจที่ลิซเหมือนจะมีใจให้
ผมไม่รู้หรอกนะว่าลิซคิดยังไงถึงได้ดูมีความสุขเวลาที่อยู่กับคนอื่นมากกว่าอยู่กับผม ตลอดเวลาที่ผ่านมาผมเชื่อใจและไว้ใจเธอมาก ในใจตอนนี้ก็ยังคงเชื่ออย่างนั้นว่าเธอจะไม่นอกใจผม
ผมเดินกลับขึ้นมาที่ห้องเลือกที่จะไม่พูดถึงเรื่องที่ตัวเองได้เจอวันนี้ บางทีลิซเองก็อาจจะคิดเหมือนกับผมก็ได้ที่ไม่อยากให้ผมรู้ว่าเธอไปกับคนในบ้าน
เพราะกลัวว่าผมจะไม่สบายใจเหมือนที่ผมเองก็กลัวเธอจะไม่สบายใจเรื่องที่ผมไปรับมะปราง
แต่ถ้าเราต่างคนต่างเงียบกันอยู่แบบนี้อนาคตเราจะยังได้คบกันอยู่หรือเปล่าวะ เพราะดูเหมือนอะไรๆ มันจะเริ่มดูไม่เข้าท่าขึ้นมาแล้ว
แค่เรื่องงานผมก็เหนื่อยมากพออยู่แล้ว ผมไม่อยากเอาเรื่องที่มันแม่งโคตรไร้สาระมาคิดให้ตัวเองต้องเป็นทุกข์
อะไรจะเกิดมันก็คงต้องเกิด เพราะผมมั่นใจว่าผมไม่ได้ทำอะไรผิด หากว่าเธอเบื่อผมแล้วเธอคิดจะไปผมก็คงจะรั้งอะไรเธอไม่ได้แล้วล่ะ
เพราะผมไม่ได้มีรถคันหรูให้เธอได้นั่งสบาย ไม่ได้มีเวลาว่างมากพอที่จะพาเธอไปเที่ยวที่ไกลๆ ไม่ได้มีเงินเป็นล้านที่จะให้เธอได้ซื้อของที่เธออยากได้
ผมมันก็มีแค่ใจเท่านั้นที่ให้เธอพร้อมกับความหวังดีที่แถมไปให้เท่านั้น แต่ถ้าเธอคิดว่ามันยังไม่พอผมก็คงต้องปล่อยให้เธอไปเจอคนที่ดีกว่าผม คนเราทุกคนก็คงอยากได้คนที่สามารถดูแลเราได้เป็นคู่ชีวิตอยู่แล้ว
แต่ถ้าถามว่าผมสามารถดูแลลิซได้มั้ย ผมตอบได้เลยว่าผมสามารถดูแลเธอทั้งชีวิตผมได้โดยไม่ให้เธอลำบาก
แต่มันก็ต้องแลกมาด้วยเวลาที่เราจะได้อยู่ด้วยกัน เวลาที่จะได้นั่งกินข้าวดูหนังพร้อมหน้ากัน เรื่องอื่นผมอาจจะสู้ผู้ชายคนอื่นที่เข้าหาเธอไม่ได้
แต่ถ้าเรื่องความรักผมมั่นใจว่าผมมีมากกว่าคนอื่น เพราะผมสามารถเอาตัวเองไปตายแทนเธอได้โดยไม่เสียดายชีวิตของตัวเองสักนิด
ถ้าบนโลกใบนี้ไม่มีคนที่ผมรักผมเองก็ไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อเหมือนกัน ให้ผมตายแทนยังดีกว่า
ที่ผมต้องทำงานอย่างหนักจนไม่มีเวลาให้เธอผมก็ทำเพื่อเธอไงแต่ถ้าไม่มีเธอผมก็ไม่รู้จะทำมันไปทำไมเหมือนกัน
ชีวิตผมที่มันดีขึ้นได้ก็เพราะลิซที่คอยอยู่ข้างผมมาตลอด เธอไม่เคยรังเกียจผู้ชายอย่างผมเลยที่แทบไม่มีอะไรให้เธอได้อยู่สุขสบาย
เพราะแบบนี้ไงผมถึงได้รักเธอได้ทุ่มเททุกอย่างเพื่อเธอ แต่เธออาจจะไม่เข้าใจมันก็ได้ แต่สำหรับผมผมเข้าใจเธอ
[AKIN : SAID END]