หยวนรุ่ยฟง ไม่เข้าใจความรู้สึกนี้ นางกำลังซาบซ่านต่อสัมผัสที่หยาบคายทั้งป่าเถื่อนเยี่ยงนั้นหรือ บัดซบสิ้นดี ร่างกายบอบบางยากเกินความคุมได้เสียแล้ว ยามนี้ สมองว่างเปล่าราวกับถูกควักหายไป นางมาอยู่ที่นี่ได้เยี่ยงไร เป็นคำถามที่เกินความสามารถที่หาคำตอบให้แก่ตนเอง
เมื่อครู่ยังอยู่ในกระท่อม มีเด็กหญิงชาย ช่วยกันทำแผลที่ถูกกระทะร้อนๆ ลวกฝ่ามือ
โอ้... พอปะติดปะต่อหลายสิ่งเข้าด้วยกัน จึงรู้ว่าตนฝันไป
ทว่าเมื่อตื่น นางสับสน ครั่นคร้ามใจ รู้สึกว่าตนมีความต้องการบางอย่างที่บุรุษเท่านั้นจะตอบสนองให้ผ่อนคลายได้
สวรรค์โปรดเมตตา นางถูกวางยาเป็นแน่แท้
แต่เดิมนางก็เป็นสตรีที่นิสัยเอาแต่ใจอยู่สักหน่อย ก่อเรื่องในจวนของบิดาที่เมืองหลวงไม่เว้นวัน กระทั่งถูกส่งตัวมาอยู่บ้านสวนเมื่อห้าปีก่อน เป็นพื้นที่ห่างไกลหูตาของบิดาและแม่เลี้ยง ซึ่งความรุนแรงที่นางก่อไว้ ก่อนต้องเดินทางไกลเพื่อดัดนิสัยคือ การใช้ผงกำหนัดผสมลงน้ำแกงไก่ตุ๋นให้แม่เลี้ยงกิน นางต้องการทำเช่นนั้นเพื่อการใด เพราะอยากขจัดสวีตันออกจากเรือนหยวน ต้องการโยนข้อหาคบชู้สู่ชายให้คนผู้นั้น นางเกลียดอีกฝ่าย เกลียดลูกของสวีตันด้วย ทั้งคู่เป็นต้นเหตุให้มารดาหยวนรุ่ยฟงป่วยใจ สุดท้ายจึงกระโดดหน้าผาฆ่าตัวตาย
ก่อนหน้านั้นจำได้ว่าออกมาจากบ้านสวน จุดหมายคือมุ่งหน้าสู่เมืองฝู เมืองหลวงแคว้นต้าฝู เพื่อกลับจวนเจ้ากรมโยธา เนื่องจากได้มีคนส่งข่าวว่า บิดาเรียกตัวกลับด่วน และเนื่องจากบ้านสวนอยู่ห่างไกล อีกทั้งอาหารที่นำมาด้วยเกิดเน่าเสีย จางเจียผู้เป็นแม่นม เลยให้คนขับรถม้าจอดที่จุดพักม้า ซึ่งมีโรงเตี๊ยมเล็กๆ และทุกคนก็แวะกินอาหารที่นั่น
ทว่าหลังจากดื่มน้ำชา กินของว่างเล็กน้อย หยวนรุ่ยฟงสลบไป เมื่อรู้ตัวอีกที ก็มาอยู่ในรถม้าคันใหญ่ ซึ่งที่มีกลิ่นอายของบุรุษเข้มข้น
ต้นเรื่องความบัดซบนี้ เป็นเพราะนางคิดว่าตนหลักแหลม ฉลาดเท่าทันผู้อื่น หากสุดท้ายก็อ่อนโตโลกเกินไป จึงไม่รู้ว่าตนถูกสะกดรอยตาม และมีผู้ว่าจ้างให้ส่งตัวนางเข้าค่ายทหารที่อยู่ในเมืองจุดพักรถม้า โดยกำชับให้นางแขวนป้ายเป็นโสเภณี ทว่า สวรรค์ลิขิตไว้เช่นนี้ ก่อนที่หยวนรุ่ยฟงจะถูกส่งเข้าค่ายทหาร ได้มีขบวนของแม่ทัพหนุ่มซึ่งได้รับคำสั่งให้กลับเมืองหลวงผ่านมาพอดี ฝ่ายนั้นสั่งการให้เลือกสตรีสักคนมาปรนนิบัติเขา และนั่นคือจุดพลิกผลันในชีวิตหยวนรุ่ยฟง
“ในรถม้าของเจ้ามีคนที่งามที่สุด และไม่เรื่องมากอยู่หรือไม่” แม่ทัพหนุ่มแจ้งความต้องการ ท่าทางเขาเหมือนจะประคองตนบนหลังม้าโลหิตไม่ได้อยู่แล้ว และกลิ่นสุราลอยอ้อยอิงรอบตัวเขา
แม่เล้าที่เป็นคนจัดหาสตรีไปรับงานในค่ายทหารค้อมศรีษะและย่อตัวลงอย่างอ่อนช้อย รีบเข้าไปดูในรถม้าของตน นางไม่ได้คิดสิ่งใดนานก็ฉุดแขนหยวนรุ่ยฟงงดงามที่สุดให้ก้าวลงจากรถม้า และมายืนอยู่ตรงหน้าชายชาติทหาร
และหยวนรุ่ยฟงมีอาการตัวอ่อน ยืนเองยังจะล้ม แต่แม่เล้าไหวพริบดีคอยประคองไว้ตลอด
“เป็นนางผู้นี้ดีหรือไม่เจ้าคะ รับรองว่าบริสุทธิ์ผุดผ่อง แต้มพรหมจรรย์ยังปรากฏให้เห็น สินค้าดีเช่นนี้ หากใต้เท้า มอบน้ำใจให้ข้าเพิ่มสักเล็กน้อย ข้าจะยินดียิ่ง”
หม่าอี้เซียนกระดิกนิ้ว เพื่อให้บ่าวผู้ติดตามโยนถุงเงินให้แม่เล้า ฝ่ายนั้นได้รับแล้วก็ไม่รอช้า รีบส่งสตรีคนดังกล่าวให้คนของรับไว้ทันที
ดวงตาคมกริบมองไปยังสตรีร่างบอบบาง เอวนางคอดกิ่ว ทว่านอกจากใบหน้าล่มเมืองที่โดดเด่นจนแทบให้ผู้พบเห็นลืมหายใจ ถันอวบๆ ทั้งสองข้างของนางเรียกได้ว่าฝ่ามือใหญ่ๆ ทั้งสองข้างของเขายังกอบกุมไม่มิด และทั้งที่นางสวมเสื้อผ้าตัวหนา แต่เขามองเห็นร่างเปลือยเปล่าอันเย้ายวนในหัวเสียแล้ว
“นางเต็มใจเป็นสตรีอุ่นเตียงหรือไม่ ข้าไม่คิดขืนใจผู้ใด”
หม่าอี้เซียนถาม พลางบีบขมับของตนเล็กน้อย ศีรษะหนักอึ้งด้วยฤทธิ์สุราของฝากจากรัชทายาท นอกจากนั้นกลางกายเขาก็แข็งจัด แน่นอนสุราไม่ได้มีสิ่งที่ผสมเพื่อปลุกกำหนัด แต่เขาเป็นพวกเมื่อได้ดื่มหนักๆ ความคึกคักในร่างกายจะมากล้นตามไปด้วย เรียกได้ว่าต้องปลดปล่อย มิเช่นนั้น เขาอาจทำเรื่องบ้าระห่ำ เช่นออกไปขี่ม้า ไล่ล่าศัตรูต่างแคว้น หรือตามจับโจรป่ามาตัดหัวเล่น
แม่เล้าหันไปมองคนที่พาหยวนรุ่ยฟงมาส่งที่หอนางโลมของตน และฝ่ายนั้นพยักหน้าให้
“แน่นอนว่าพร้อมปรนนิบัติใต้เท้าโดยไร้เงื่อนไขใดๆ นางรับใช้ท่าน ย่อมประเสริฐที่สุดแล้วเจ้าค่ะ”
จากนั้นรถม้าที่ใช้ขนแผนที่และตำราต่างๆ จึงเปลี่ยนเป็นพื้นที่อุ่นเตียงอันเร่าร้อน ให้แก่แม่ทัพหนุ่มที่ผ่านการดื่มสุรามาอย่างหนัก และต้องการระบายความใคร่กับสตรีสักคน
ร่างกายหยวนรุ่ยฟงร้อนรุ่มจัด ร้อนราวกับธาตุไฟกำลังจะแตก ยามนั้นนางกัดริมฝีปากล่างเอาไว้ พยายามสุดทางที่จะกลั้นเสียงหวานระยับซึ่งเจียนเล็ดลอดออกมา ขณะเดียวกัน นิ้วใหญ่ๆ นั้นแทงลึก ลึกเข้าไปจนนางคิดว่า สิ่งที่หวงแหนคงไม่อาจหลงเหลือให้ผู้ใดได้เชยชมอีก
ในที่สุดรสชาติซ่านสวาทที่หวานแหลม ก็เข้าครอบงำนางเจียนจะสำเร็จแล้ว ทว่าเป็นฝ่ายนางที่รีบสลัดตนให้หลุดพ้นการตกเป็นทาสราคะบุรุษที่เพิ่งพบหน้ากันเป็นครั้งแรก
นางมิใคร่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นผู้ใดกันแน่ หูได้ยินแว่วๆ ขณะที่นอนอยู่บนรถม้า มีคนเรียกเขาว่า แม่ทัพ ทั้งตอนที่ส่งตลับขี้ผึ้ง และของเล่นบางอย่างมาช่วยเล้าโลมให้นางคลายความวิตก อันประกอบด้วย ลึงค์ไม้ กัวซาหัวเห็ด และตำราอุ่นเตียง
แน่นอนหยวนรุ่ยฟงตกใจ และตื่นตระหนก นางกำลังจะกลายเป็นของเล่นชายชาติทหาร ที่ไร้เกียรติคิดข่มเหงสตรีอื่นที่ไม่ใช่ภรรยาของตน
จอมเผด็จการผู้นี้ ใช้นิ้วคว้านทะลวงเข้าไปในกลีบงามฉ่ำแฉะของนาง ตักตวงความบริสุทธิ์อย่างหื่นโหย โอ้ ช่างเป็นคนที่รังแกผู้อื่นได้อย่างไม่เดือดเนื้อร้อนใจ ฟ้าดินเป็นพยานเถิด ในใต้หล้า ไม่ว่าสตรีนางใดก็ไม่ควรถูกกระทำราวกับเป็นสิ่งของ แม้พวกนางต้องใช้ร่างกายแลกเงินก็ตาม
“ทะ ท่านโปรดยั้งมือ ” หยวนรุ่ยฟางพยายามขอความเมตตาผ่านสีหน้าและน้ำเสียง มันคงเป็นทางเดียวที่จะหลุดพ้นจากสถานการณ์ชวนอึดอัด แน่นอนหากปล่อยให้เขาเดินหน้าต่อมันคงนำไปสู่ ฝันร้ายที่แสนอัปยศ หญิงสาวอยากเอาชีวิตรอด หากไม่ต้องการตกเป็นสาวใช้อุ่นเตียงของผู้ใด เพราะมันไร้ค่า และไม่แน่หลังการรับใช้ครั้งนี้ ร่างกายนางอาจไร้ซึ่งลมหายใจ
“โถ เด็กน้อย ข้าถามเจ้าตั้งแต่ก่อนขึ้นรถม้าแล้วว่า หะ หลับ นะ นอน กับข้า ดะ ได้หรือไม่”
ชายหนุ่มเอ่ยด้วยเสียงเบื่อหน่าย เขาพูดลิ้นพันกัน เป็นเพราะเมาหนัก ปวดศีรษะ แต่ไม่ถึงกับขาดสติ ซึ่งเขาเพียรจูบหยวนรุ่ยฟงตามจุดที่ไวต่อความรู้สึก และใช้แก่นกายฟาดบั้นท้ายนางเบาๆ ไปหลายที และนางครางเสียงหวานรับ อย่างเย้ายั่ว
“ขะ ข้าไม่ได้เอ่ยคำใด ขะ ข้ากำลังสับสน และท่านก็คิดแต่จะเอาเปรียบ”
คิ้วหนาๆ นั้นเลิกสูง และหัวเราะเสียงน่าเกลียด ก่อนไล้สายตามองสำรวจนางที่เสื้อผ้าหลุดออกจากร่างจดหมด ซึ่งยามนี้นางดึงผ้าผืนบางๆ มาปกปิดถันกับกลีบหวานฉ่ำที่ยังมีคราบน้ำขาวขุ่นของเขาเปรอะอยู่