พนักงานพาร์ตไทม์

1367 คำ
บทที่ 2 พนักงานพาร์ตไทม์ “เพื่อนของครูที่เป็นผู้จัดการโรงแรม เขาต้องการพนักงานพาร์ตไทม์ เธอสนใจไหม” ถ้าเป็นก่อนหน้านี้สักปี เธอคงไม่ต้องเรียกคุยกับเด็กคนนี้ที่โรงเรียน เพราะบ้านอยู่ติดกัน แต่หลังจากมารดาของเธอเสียไปแล้ว พ่อของเธอที่เพิ่งเริ่มทำธุรกิจและเป็นคนเอาการเอางานก็ใจสลาย กลายเป็นคนขี้เมาหยำเป วัน ๆ เอาแต่ดื่มแล้วก็นั่งร้องไห้ จนธุรกิจเจ๊งไม่เป็นท่า บ้านก็ถูกธนาคารยึดจนต้องย้ายไปอยู่ห้องเช่าแทน “สนใจค่ะคุณครู แต่หนูต้องทำอะไรบ้างคะ” “เป็นบริกร ทำงานในห้องอาหาร เริ่มงานหกโมงครึ่ง เลิกสี่ทุ่มครึ่ง เขาให้สามร้อย รวมอาหารด้วยหนึ่งมื้อ คิดว่าทำได้ไหม” “ได้ค่ะ จะให้หนูเริ่มงานวันไหนคะ” “ถ้ามีงานเขาจะโทรมาตามเอง เดี๋ยวครูจะเอาเบอร์โทรของเธอให้เพื่อนครูไว้ก็แล้วกัน” “แต่หนูไม่มีโทรศัพท์นะคะคุณครู” พูดจบโทรศัพท์ก็ถูกยื่นมาวางไว้ข้างหน้าของเธอ “สามีครูเพิ่งซื้อโทรศัพท์เครื่องใหม่ให้เป็นของขวัญวันเกิด ครูยกเครื่องนี้ให้เธอ ครูซื้อซิมใหม่ใส่ไว้ให้เรียบร้อยแล้ว” เด็กสาวเผลอยิ้มอย่างยินดี แต่ก็รีบหุบลงและส่ายหน้าปฏิเสธ มันไม่ใช่ของเธอ เธอไม่ควรดีใจ “คุณครูอย่าให้หนูฟรี ๆ เลยนะคะ ขายให้หนูดีกว่า แต่หนูไม่มีเงินให้คุณครูทีเดียวหรอกนะคะ หนูทำงานได้แล้วค่อยผ่อนให้คุณครูได้ไหมคะ” “เอาไปเถอะ เก็บไว้ครูก็ไม่ได้ใช้อยู่ดี” นงนุชยืนยันหนักแน่น “ทำงานได้เงินแล้วซื้อข้าวมันไก่มาฝากครูสักห่อก็พอ” “ค่ะคุณครู ขอบคุณค่ะ” “ถ้าได้ทำงานแล้วก็ตั้งใจทำให้ดีล่ะ เพราะถ้าเราขยันเขาจะจ้างเราตลอดเลยนะ” “ค่ะคุณครู” 2 ปีผ่านไป มงคลมองหญิงสาวที่ทำงานพาร์ตไทม์อยู่กับตนมาประมาณสองปีแล้ว จากการแนะนำของเพื่อนสนิทที่เป็นครูโรงเรียนเก่าของเธอ เขาเองก็ไม่คิดเหมือนกันว่าเธอจะอดทนได้ขนาดนี้ แต่ก็เข้าใจว่าเป็นเพราะสถานะทางการเงินที่ย่ำแย่ แล้วยังต้องคอยดูแลพ่อขี้เมาอีกหนึ่งชีวิต จึงเมตตาเธอเป็นพิเศษ และเธอก็เป็นเด็กดีสมกับที่เขาให้ความเมตตา “ครีม” “ค่ะผู้จัดการ” “จะกลับแล้วเหรอ” “ค่ะ ผู้จัดการมีงานอะไรให้หนูทำหรือเปล่าคะ บอกมาได้เลยค่ะ” เธอถามผู้จัดการใหญ่ของโรงแรมอย่างกระตือรือร้น “ไม่มีหรอก แต่เดี๋ยวลุงก็จะกลับแล้วเหมือนกัน รอสักครึ่งชั่วโมงได้ไหม เดี๋ยวลุงแวะไปส่งที่บ้านให้” เมื่อไม่มีพนักงานคนอื่นอยู่แถวนั้น เขาก็พูดจาเป็นกันเองกับเธอมากขึ้น “ไม่เป็นไรค่ะ หนูนั่งรถเมล์ไปเองดีกว่า คุณลุงจะได้ตรงกลับบ้านไปพักผ่อน ไม่ต้องวกรถไปมาให้เสียเวลา” เธอไม่อยากรบกวนเขา เพราะต้องแวะซื้อข้าวไปให้พ่อที่เอาแต่เมาเหล้าหลังจากเสียแม่ไป “แต่ข้างนอกฝนตกนะ” “หนูพกร่มมาค่ะ แล้วป้ายรถเมล์ก็อยู่ใกล้ ๆ นี้เอง ถ้าไม่มีอะไรแล้วหนูลากลับเลยนะคะ” “อือ เดินทางปลอดภัยนะ” “ค่ะ สวัสดีค่ะคุณลุง” หญิงสาววัยสิบเก้าหย่อน ๆ ยกมือไหว้ลาผู้ใหญ่.. เดินมาถึงทางออกสำหรับพนักงานก็ต้องทำหน้านิ่ว หญิงสาวเปิดกระเป๋าหยิบร่มแล้วกางลุยฝนออกไป เธออยากกลับถึงบ้านให้เร็วที่สุดเพราะเป็นห่วงบิดา ขณะที่กำลังเดินออกมาตามทางเดินด้านหลังของโรงแรมอยู่นั้น สายตาของเธอก็เหลือบไปเห็นใครคนหนึ่งโดยบังเอิญ ตอนแรกกะจะเดินหนีให้เร็วเพราะความกลัว แต่เมื่อสังเกตดี ๆ ก็เห็นความผิดปกติ ด้วยความเป็นคนขี้สงสัย และความรู้สึกบอกว่าเขากำลังเดือดร้อน จึงตัดสินใจเดินเข้าไปหาแต่ก็ทิ้งระยะห่างพอสมควร “มีอะไรให้ฉันช่วยไหมคะ” แล้วก้มลงเก็บแฟ้มที่เปียกฝนกับกระดาษอีกหลายใบที่หล่นกระจายบนพื้น “ของคุณหรือเปล่าคะ” “ครับ” ไคตอบหญิงสาวแต่ก็ไม่สามารถขยับไปไหนได้ เพราะเขาเพิ่งสะดุดล้มด้วยความรีบร้อน ทำให้ข้อเท้าข้างหนึ่งซ้น ต้องกระโดดกระต่ายขาเดียวมาหลบฝนอยู่ตรงมุมนี้ ครั้นจะกระโดดเข้าไปในตึกก็กลัวจะพลาดจนบาดเจ็บเพิ่มอีก “ผมจะโทรหาเลขาให้มารับ แต่โทรศัพท์ดันแบตหมด คุณพอจะมีโทรศัพท์ให้ผมขอยืมใช้หน่อยไหมครับ” “โทรศัพท์มีค่ะ แต่ไม่มีเงินให้โทรออก ขอโทษด้วยนะคะ” ถ้าเธอไม่ได้โทรยืมเงินกับเครือข่ายไปแล้ว เธอก็จะโทรยืมให้เขาอยู่หรอก เธอรู้สึกผิดที่ช่วยเหลือเขาไม่ได้เลย เขาคงจะเป็นแขกของทางโรงแรมแน่ ๆ “คุณพักอยู่ที่นี่เหรอคะ” “ครับ ผมเป็น” “ขึ้นมาเลยค่ะ” ไคตกใจเล็กน้อยเมื่อหญิงสาวหันหลังให้โดยที่ไม่ฟังเขาพูดให้จบก่อน “ทำไมเหรอครับ” “ขึ้นขี่หลังฉันเลยค่ะ เดี๋ยวฉันพาคุณไปส่งที่ห้องเอง” “อะไรนะครับ!” ไคตกใจกับความคิดของหญิงสาว เพราะเธอตัวเล็กกว่าเขามาก เขาสูง 183 หนักเกือบ 80 แล้วเธอล่ะ ดู ๆ ด้วยสายตาแล้วน่าจะสัก 160 หุ่นดีแบบนี้..หนักเต็มที่ไม่น่าเกิน 55 กิโลแน่ เธอคิดได้ยังไง อยากหลังหักหรือไง หรืออยากจะพาเขากลิ้งกลางสายฝนพรำแบบนี้อีกรอบ “ฉันรู้นะคะว่าคุณคิดอะไรอยู่ แต่ฉันแข็งแรงนะคะ ขึ้นมาเลยค่ะ ไม่ต้องเกรงใจ” เห็นเธอยืนยันหนักแน่นก็เกิดอยากจะลองแกล้งดูสักตั้ง เขาจึงค่อย ๆ โถมตัวแนบกับแผ่นหลังบอบบาง ไขว้แขนเข้าหากันแล้วค่อย ๆ ผ่อนน้ำหนักลงไปจนหมดก่อนจะเอาขาขึ้น “ไหวแน่นะครับคุณ” “ไหวสิคะ ฉันนับหนึ่งถึงสามแล้วคุณยกขาขึ้นมาเลยนะคะ หนึ่ง สอง สาม ฮึบ.. หนักใช่เล่นเลยนะคะ” เธอยังมีอารมณ์กลั้วหัวเราะแม้ภาระบนหลังจะหนักหน่วงจนแทบทรุด แต่เมื่อเธอฮึดสู้ ปลุกพลังยักษ์ที่ซุกซ่อนอยู่ในตัวขึ้นมา ก็รู้สึกว่าพอทนไหว “ฉันจะพาคุณไปขึ้นลิฟต์ที่ลานจอดรถนะคะ เพราะมันใกล้สุด ฉันจะได้พักตอนอยู่ในลิฟต์ด้วย เก็บแรงไว้แบกคุณต่อรอบสองตอนถึงชั้นที่พักไงคะ” ชายหนุ่มผู้บริหารมามิยะในประเทศไทยอยากหัวเราะกับความคิดของหญิงสาว เธอโง่หรือว่าจิตใจดีจนเกินเหตุกันแน่ ถ้าเป็นเขา เขาจะไม่ทำแบบนี้เด็ดขาด แต่จะไปตามพนักงานโรงแรมที่เป็นผู้ชายมาช่วยแทน เขามองซีกหน้าละมุนที่ชื้นเหงื่อหรือฝนก็ไม่แน่ใจ รู้สึกอยากจะยื่นมือไปเช็ดให้เธอขึ้นมาดื้อ ๆ “ปล่อยผมลงก่อนก็ได้นะ” เขาบอกกับเธอเมื่อไปถึงหน้าลิฟต์ “ผมนับถือคุณจริง ๆ ตัวก็เล็กนิดเดียวแต่แบกผู้ชายตัวโตอย่างผมได้” เขาชวนเธอคุยขณะรอให้ลิฟต์มารับ “ฉันมียักษ์อยู่ในตัวค่ะ เวลาอยากทำงานใช้แรงก็ปลุกมันขึ้นมา” “คุณทำงานอยู่ที่นี่เหรอ” “ค่ะ แต่ไม่ใช่พนักงานประจำหรอกนะคะ มาทำพาร์ตไทม์เฉพาะเวลาที่ฝ่ายจัดเลี้ยงต้องการพนักงานเพิ่ม ลิฟต์มาแล้วค่ะ คุณเขย่งเข้าไปได้ไหมคะ” “ได้ครับ แล้วมาทำบ่อยไหม” เขาตอบรับ แล้วเริ่มชวนคุยต่อเมื่อเข้าไปอยู่ในลิฟต์ “ค่อนข้างบ่อยนะคะ เพราะที่นี่ได้รับความนิยมมาก ก็เลยมีงานเลี้ยงต่อเนื่อง เต็มเกือบทุกห้องตลอด” “แล้วทำไมไม่มาทำประจำล่ะ” “ฉันยังเรียนหนังสืออยู่ค่ะ” “อ๋อ เป็นนักเรียนนี่เอง คุณชื่ออะไร ผมชื่อไค เคนชิน เป็นคนญี่ปุ่น”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม