“นั่นหน้าแกไปโดนอะไรมา ตาจัก”
เจนสุดาที่นั่งดื่มกาแฟอยู่รีบถามลูกชายสุดที่รักทันที เมื่อเห็นใบหน้าบวมปูดนั้นเต็มสองตา
จักรินยกมือขึ้นลูบใบหน้า พลางกระแทกตัวลงนั่งบนโซฟาภายในห้องรับแขก
“แม่คิดว่าใครทำผมล่ะครับ” ชายหนุ่มเค้นเสียงลอดไรฟันออกมาด้วยความคั่งแค้น
“นักเลงมั้ง หรือไม่ก็ไอ้กุ๊ยที่แกไปแย่งสาวของมัน”
จักรินจ้องหน้ามารดา ก่อนจะเค้นทุกพยางค์ออกมาช้าๆ แต่หนักแน่นทุกคำ
“พี่แม็ก”
“แม็ก? แม็กไหนของแก”
“นี่คุณแม่ลืมพี่แม็กไปแล้วจริงๆ หรือครับ”
เจนสุดาเบิกตากว้างตกใจ
“อย่าบอกนะว่า...”
จักรินพยักหน้าน้อยๆ
“เบ้าตาบวมๆ ของผมนี่เกิดขึ้นเพราะกำปั้นไอ้แม็กลูกเลี้ยงของแม่ยังไงล่ะครับ”
“มันจะเป็นไปได้ยังไง ไอ้แม็กมันติดคุก”
“แต่มันออกมาแล้วครับ มันต่อยผมซะตาเขียวขนาดนี้ นี่คุณแม่ไม่เห็นหรือไงครับ”
จักรินโวยวายลั่น ยืนยันหนักแน่น แต่กระนั้นเจนสุดาก็ยังไม่อยากจะเชื่อกับสิ่งที่ลูกชายพูดอยู่ดี
“แกเมาแล้วจำคนผิดหรือเปล่าตาจัก”
“ผมไม่ได้เมาครับ ผมเห็นมันเต็มสองตา”
เจนสุดาผุดลุกขึ้นยืน สีหน้าเต็มไปด้วยความวิตกกังวล
“ถ้ามันออกมาจากคุกตอนนี้ก็แสดงว่ามันแหกคุกออกมา...”
“ผมว่ามันได้รับอภัยโทษออกมาก่อนเวลาแน่เลยครับ”
คำพูดของลูกชายมีเหตุผล และนั่นก็ยิ่งทำให้เจนสุดาร้อนใจ
“แล้วถ้ามันกลับมาที่นี่ล่ะ มันจะต้องมาทวงสมบัติของพ่อมันแน่เลย แม่จะทำยังไงดี”
จักรินเองก็เครียดไปด้วย
“ผมจะไปรู้เหรอครับ ผมคิดไม่ออกหรอก”
เจนสุดามองลูกชายอย่างเบื่อหน่าย
“เมื่อไหร่แกจะมีสติ มีสมอง และช่วยแม่คิดหาทางออกเรื่องนี้ได้สักทีนะตาจัก แกโตแล้วนะ”
“มันไม่ใช่หน้าที่ของผมนี่ครับ”
จักรินพูดจบก็ลุกขึ้นยืนจะเดินหนีออกไป เจนสุดารีบเรียกเอาไว้
“นั่นแกจะไปไหน ตาจัก”
“ผมจะไปหาน้องเดือนครับ”
“ตาเขียวขนาดนี้ยังจะมีหน้าออกไปหาสาวอีกนะ”
คนเป็นลูกไม่ใส่ใจคำตำหนิของมารดาแม้แต่นิดเดียว เขาไหวไหล่น้อยๆ และเดินหนีออกไป
“ตาจัก!”
เจนสุดาตะโกนตามหลังไปอย่างขัดใจ
“ดูสินังพุด นับวันตาจักจะยิ่งไม่เห็นหัวฉันเข้าไปทุกที”
“ก็คุณหญิงเลี้ยงมาแบบนี้เองนี่คะ”
“นังพุด!”
“เอ่อ ขอโทษค่ะพูดตรงไปหน่อย”
เจนสุดากระแทกลมหายใจแรงๆ ด้วยความโมโห
“นังพุดแกไปต่อสายหาท่านผู้การให้ฉันทีสิ ฉันอยากรู้ว่าไอ้แม็กมันออกมาจากคุกก่อนเวลาได้ยังไง”
“ค่ะ คุณผู้หญิง”
พุดจีบรีบกระวีกระวาดทำตามคำสั่งของเจ้านายทันที
เดือนกันยาเดินคอตกกลับเข้ามาในบ้าน สมองของหล่อนยังเต็มไปด้วยความมึนงงและหวาดระแวง หล่อนตื่นขึ้นมาบนเตียงภายในโรงแรมม่านรูด แม้เนื้อตัวของหล่อนจะไม่ได้มีร่องรอยบอบช้ำอะไร แต่กระดุมเสื้อตัวที่ใส่ ทำไมถึงได้ขาดหายไปหลายเม็ด
นี่เมื่อคืนมันเกิดอะไรขึ้นกับหล่อนกันนะ?
“นังเดือน แกหายไปไหนมา”
ยังไม่ทันที่จะคิดออกเลยว่าเมื่อคืนตัวเองไปนอนอยู่ในโรงแรมม่านรูดได้ยังไง เสียงของมารดาก็แผดเข้ามาในหูดังลั่น
“แม่...”
“กูเอง มึงหายหัวไปไหนมาทั้งคืน นังเดือน”
“คือเดือน...”
นี่หล่อนจะตอบมารดาว่าอะไรดี
“เดือน...เดือนก็ไม่รู้เหมือนกันจ้ะ”
“มึงจะไม่รู้ได้ยังไง”
อำภาพรจ้องหน้าลูกสาวตาดุดัน ก่อนจะอุทานเสียงดังเมื่อเห็นกระดุมเสื้อที่เดือนกันยาสวมใส่อยู่หายไปหลายเม็ด
“กระดุมเสื้อของมึงหายไปไหน”
“คือเดือน...เดือนก็ไม่รู้จ้ะแม่ เดือนไม่รู้จริงๆ”
“หรือว่ามึงไปนอนกับผู้ชายมา”
“ไม่ใช่นะแม่ เดือน...โอ๊ย...”
ด้วยความโมโหอำภาพรตวัดมือตบตีลูกสาวหลายที ในขณะที่เดือนกันยาทำได้แค่เพียงก้มหน้าให้มารดาตบตีเท่านั้น
“แม่ เดือนเจ็บ...”
“กูบอกให้มึงจับคุณจัก แต่นี่มึงดันไปนอนกับผู้ชายคนไหนก็ไม่รู้ แล้วแบบนี้กูก็ชวดที่จะมีลูกเขยร่ำรวยน่ะสิ อีลูกโง่”
“แม่...แม่พอแล้ว เดือนเจ็บ”
หญิงสาวอ้อนวอนน้ำตาไหลพราก แต่อำภาพรไม่ยอมหยุดมือ จนกระทั่งเด่นชัยต้องเข้ามาหา
“เฮ้ย มึงตีลูกทำไมกันวะนังอำภา”
“ก็ลูกสาวตัวดีของมึงไปมั่วกับผู้ชายมาน่ะสิ”
เด่นชัยชะงัก ก่อนจะถาม “คุณจักน่ะเหรอ”
“ถ้าใช่ก็ดีน่ะสิ แต่นี่มันไปมั่วกับใครก็ไม่รู้” อำภาพรเค้นเสียงอย่างหงุดหงิด
เด่นชัยที่เคยห้ามปราม ตอนนี้เข้ามาร่วมมือกับอำภาพรทันที
“นังเดือน นี่มึง...มึงทำให้กูผิดหวังเหรอนี่”
“พ่อ...เดือนไม่ได้ทำอะไรนะจ๊ะ เดือน...”
สองพ่อแม่ต่างพากันทุบตีเดือนกันยา ตีจนบอบช้ำ และอาจจะตีจนตายไปข้าง หากจักรินไม่ขับรถหรูเข้ามาจอดที่หน้าบ้านเสียก่อน
“คุณจักมา...” อำภาพรมีสีหน้าตกใจ “แกรีบขึ้นไปอาบน้ำอาบท่าแล้วลงมาต้อนรับเลยนะนังเดือน อ้อ แล้วห้ามพูดถึงเรื่องที่แกไปอ้าขาให้ผู้ชายอื่นเอาให้คุณจักรู้เด็ดขาด เข้าใจไหม”
เดือนกันยาร้องไห้สะอึกสะอื้น เจ็บทั้งตัว เจ็บทั้งใจ
“ไปสิ ยังจะมายืนเซ่ออยู่ได้ เดี๋ยวจะตบให้คว่ำอีกเลย”
หญิงสาวรีบลนลานหนีเข้าบ้านไปด้วยความหวาดกลัว
“สวัสดีค่ะคุณจัก วันนี้มาแต่เช้าเลยนะคะ”
อำภาพรรีบปรับสีหน้าเป็นยิ้มแย้มเพื่อต้อนรับบุรุษที่ตัวเองหมายมั่นปั้นมือว่าจะได้มาเป็นลูกเขย ด้วยเม็ดเงินที่จักรินโปรยรดหัวบ่อยๆ ทำให้สองผัวเมียสนับสนุนจักรินอย่างเต็มใจ
“ผมมาหาน้องเดือนน่ะครับ”
“อ้อ นังเดือนมันอาบน้ำอยู่น่ะ มันเพิ่งทำงานบ้านเสร็จ จริงไหมพ่อมึง” อำภาพรหันไปหาพวก
“จริงครับ ลูกเดือนน่ะตื่นแต่เช้ามาช่วยทำงานบ้าน นี่ก็เพิ่งทำเสร็จ เลยเพิ่งอาบน้ำครับ”
เด่นชัยสนับสนุนคำพูดของภรรยา ก่อนจะเอ่ยถามอย่างแปลกใจเมื่อเห็นเบ้าตาของจักรินเขียวช้ำ
“ใครทำอะไรคุณจักหรือเปล่า ทำไมตาเขียวแบบนั้นล่ะคะ”
จักรินกัดฟันแน่น แค้นเคืองแม็กซิมัสเหลือเกิน
“ผมถูกพวกนักเลงมันหาเรื่องน่ะครับ”
“ให้ผมยกพวกไปจัดการมันให้ไหมครับ แหม...บังอาจมาต่อยว่าที่ลูกเขยของผมได้ยังไงกัน”
“ไม่เป็นไรหรอกครับคุณน้า ถือว่าผมให้ทานมันไป แต่ถ้ามีครั้งหน้า ผมฆ่ามันแน่”
“ครับๆ เอ่อ ว่าแต่วันนี้ไม่มี...”
เด่นชัยทำท่ากะลิ้มกะเหลี่ย เอาสองมือถูกันไปมา จักรินลอบยิ้มดูแคลนเพราะรู้ทัน
“คนละห้าพันพอไหมครับ”
“โห ห้าพัน?!”
สองผัวเมียอุทานพร้อมกันด้วยเสียงดังลั่น
“พอครับ พอมากๆ เลยครับ”
จักรินยื่นเงินให้กับสองผัวเมีย และลอบทำหน้าขยะแขยง
“วันหน้าผมจะให้คุณน้าทั้งสองมากกว่านี้อีก ถ้าคุณน้าทั้งสองยอมยกน้องเดือนให้แต่งงานกับผม”
“แต่งงาน?!”
สองผัวเมียตาถลนตกใจ
“แต่งงาน...นี่คุณจักอยากแต่งงานกับนังเดือน เอ๊ย ลูกเดือนของพวกเราจริงๆ เหรอคะ” อำภาพรยังคงเบิกตากว้าง ละล่ำละลักถามอย่างตื่นเต้นระคนดีใจ
จักรินอมยิ้ม นัยน์ตาเจ้าเล่ห์ “ครับ ผมรักน้องเดือน อยากจะดูแลน้องเดือนไปตลอดชีวิต ผมสัญญานะครับว่าจะดูแลคุณน้าทั้งสองให้กินดีอยู่ดีไปด้วย”
“ตกลงค่ะ ตกลง...คุณจักอยากจะแต่งวันไหนจัดการได้เลยค่ะ พวกเรายินดี”
จักรินยิ้มอย่างถูกใจ
“ผมอยากแต่งให้เร็วที่สุดครับ เพราะผมอยากดูแลน้องเดือนเหลือเกินแล้วครับ”
“พวกเรายินดีมากค่ะ”
“แล้วน้องเดือนล่ะครับ”
“พ่อแม่ตกลง ลูกจะกล้ามีปากเสียงอะไรล่ะครับ จัดงานได้เลยครับคุณจัก”
เด่นชัยหน้าบานเท่ากะละมัง ยกเงินห้าพันในมือขึ้นมาจูบ อีกหน่อยเขาจะมีเงินใช้ไม่ขาดมือแล้ว
“งั้นผมขอเข้าไปหาน้องเดือนในบ้านนะครับ”
“ตามสบายเลยค่ะ พวกเราสองคนกำลังจะออกไปข้างนอกพอดี จริงไหมพ่อมึง”
“จริงครับ มีธุระขึ้นมาพอดีเลย”
สองผัวเมียกำเงินห้าพันเดินลิ่วๆ จากไปทันที
จักรินมองตามไปด้วยสายตาดูถูก
“พวกเห็นแก่เงิน อีกไม่นานกูจะเขี่ยทิ้งทั้งครอบครัวให้ดู”
ชายหนุ่มยิ้มเยาะ ก่อนจะเดินเข้าไปในบ้านหลังเล็ก นั่งลงบนโซฟาเพื่อรอคอยหญิงสาว