ตอนที่ 1

2016 คำ
เรือนร่างสูงใหญ่ของแม็กซิมัส แบร์นาร์ด อนันต์ทรัพย์ เดินออกมาจากเรือนจำใหญ่แห่งหนึ่งของเมืองหลวง ปลายแขนยาวของเสื้อเชิ้ตสีเขียวขี้ม้าถูกพับขึ้นจนถึงข้อศอกทั้งสองข้าง สาบเสื้อชื้นเหงื่อแบะกว้างจนเห็นขนหน้าอกสีเข้มรำไร              “เฮ้ แม็ก...”              บุรุษผู้มีใบหน้าหล่อเข้มหันไปตามเสียงเรียก ดวงตาคมกริบสีดำทรงพลังหรี่เล็กน้อยเมื่อมองไปที่บุรุษรูปร่างสูงโปร่งคนหนึ่งที่กำลังยืนอิงสะโพกกับรถสปอร์ตหรูสีดำ ริมฝีปากบางสีสวยสดคลี่ออกน้อยๆ เป็นรอยยิ้ม ก่อนจะก้าวเท้าเข้าไปหา              “หวัดดีลีโอ ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ”              “ก็ไม่นานเท่าไหร่นะ แค่สามปีเอง”              สองหนุ่มยกมือขึ้นตบกันกลางอากาศและสวมกอดกัน เสียงหัวเราะดังเล็ดลอดออกมาจากลำคอแกร่งของหนุ่มหล่อทั้งคู่ แม็กซิมัสถอยออกห่าง พลางเอียงศีรษะน้อยๆ มองเพื่อนรัก              “ฉันจำได้ว่าไม่ได้บอกใครเรื่องจะออกจากเรือนจำวันนี้...”              ลีโอนาโด เด รอสซี หนุ่มหล่อเหลาเชื้อชาติอิตาเลียนระบายยิ้มเล็กน้อยพลางตอบด้วยน้ำเสียงภาคภูมิใจ              “เพื่อนรักออกจากคุกทั้งที ฉันจะพลาดได้ยังไงล่ะ”              “ฉันลืมไปว่านายมีสายอยู่ทั่วทุกมุมโลก โดยเฉพาะในสถานบันเทิง”              “นายก็พูดไปเรื่อยนะแม็ก ไป...ขึ้นรถเถอะ ไม่ได้เจอกันนาน ต้องคุยกันยาวสักหน่อย”              ลีโอนาโดตบต้นแขนของเพื่อนพร้อมเชื้อเชิญ              “อืม”              แม็กซิมัสก้าวขึ้นไปนั่งบนรถสปอร์ตหรูพร้อมกับถอนหายใจยาวลึก              จนลีโอนาโดอดหันมาถามไม่ได้              “ออกจากคุกแล้วยังมีเรื่องอะไรให้นายไม่สบายใจอีกหรือแม็ก”              คนถูกถามยกสองมือขึ้นสอดไว้ใต้ศีรษะ พร้อมกับเอนเบาะรถให้ไปด้านหลังมากขึ้น              “นายก็รู้ว่าฉันมีเรื่องต้องสะสาง”              “เรื่องการตายของคุณลุงใช่ไหม”              ดวงตาสีดำทอประกายมืดลึก ไร้ความเมตตาอย่างสิ้นเชิง ริมฝีปากบางเฉียบที่อยู่ใต้ไรหนวดเม้มสนิทเป็นเส้นตรง              “มันมีหลายเรื่องที่ฉันต้องสะสางกับเจนสุดา”              เจนสุดาคือแม่เลี้ยงของแม็กซิมัส              “และจักริน”              ลีโอนาโดเคลื่อนรถออกจากหน้าเรือนจำ พาเพื่อนรักที่ติดคุกยาวนานถึงสามปีเดินทางไปบนท้องถนน และระหว่างนั้นก็ลอบสังเกตแม็กซิมัสตลอดเวลา              ทั้งๆ ที่คบหากันมานาน แต่มีหลายเรื่องที่เขาไม่เคยเข้าใจในตัวของแม็กซิมัส โดยเฉพาะสาเหตุที่แม็กซิมัสยอมติดคุกแทนน้องชายต่างมารดาอย่างจักริน              เขาเคยถาม แต่กลับไม่เคยได้คำตอบที่ตรงไปตรงมา จนในที่สุดก็เลิกอยากรู้ไปเอง              “นายอยากไปที่ไหนเป็นพิเศษหรือเปล่า”              คนที่นอนหลับตาอยู่ค่อยๆ ลืมตาขึ้น น้ำเสียงนุ่มทุ้มไร้ความรู้สึกเอ่ยออกมาแผ่วเบา              “ฉันอยากไปไหว้พ่อกับแม่ที่สุสาน”              “ได้สิ ฉันจะพานายไปเดี๋ยวนี้”              ลีโอนาโดพยักหน้ารับ ก่อนจะรีบปรับเปลี่ยนเส้นทาง              แม็กซิมัสปิดเปลือกตาลงอีกครั้ง ในสมองเต็มไปด้วยความหลังที่น่าสะอิดสะเอียนที่มันย้อนกลับมาหาอีกครั้ง และผลักดันให้เขาตกลงไปในหลุมที่เต็มไปด้วยความทรมาน            ‘อยู่กับพ่อนะแม็ก คุณแม่ขึ้นไปเป็นนางฟ้าบนสวรรค์แล้ว’              นี่คือคำพูดของพ่อที่กระซิบข้างหูของเขาในวันที่มารดาประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต ตอนนั้นเขายังเด็กมากแต่กระนั้นก็ยังจดจำวินาทีแห่งความสูญเสียยิ่งใหญ่นี้ได้เป็นอย่างดี              นางฟ้าผู้เป็นทุกสิ่งทุกอย่างของเขาได้เดินจากไปแล้ว จากไปพร้อมๆ กับความสุขสงบในชีวิตของเขาด้วยเช่นกัน            ‘ไม่ร้องไห้นะครับคนเก่ง คุณแม่ไปเป็นนางฟ้าบนสวรรค์แล้ว แม็กอยู่กับน้าเจนนะลูก’              เจนสุดาเป็นเพื่อนสนิทของโดโรธีย์แม่ของเขา เจนสุดาเข้ามาพัวพันกับบิดาของเขาตั้งแต่แม่ยังไม่ตายจนกระทั่งตอนนี้ ตอนที่แม่จากไปแล้ว เจนสุดาก็ยิ่งเกาะคุณพ่อของเขาแน่นมากยิ่งขึ้น ในที่สุดเขาก็ได้เจนสุดาเป็นแม่เลี้ยงในเวลาต่อมาเพียงแค่เดือนเดียวเท่านั้น              แรกๆ เจนสุดาก็แสดงความรักกับลูกเลี้ยงอย่างเขาเป็นอย่างดี โดยเฉพาะต่อหน้าบิดา แต่หลังจากเจนสุดาตั้งท้องมีลูกเป็นของตัวเอง ความรักที่ผู้หญิงคนนี้แสร้งสร้างขึ้นมาก็จืดจางหายไป เขาถูกดุด่ายามที่พ่อไม่อยู่เสมอ ก่อนจะกลายเป็นหมาหัวเน่า เมื่อจักรินลืมตาดูโลก              หยาดน้ำตาซึมออกมาจากดวงตาที่ปิดสนิทของแม็กซิมัส ความหลังที่แสนเจ็บปวดทำให้เขาเหมือนตกนรกทั้งเป็น              “แม็ก ถึงสุสานแล้ว”              คนที่หลับตาอยู่ลืมตาขึ้น ก่อนจะยืดตัวตรง หันไปมองเพื่อน พร้อมกับฝืนยิ้มบางๆ              “ขอบใจนายมากนะลีโอ ฉันขอเวลาไหว้พ่อกับแม่ไม่นานหรอก”              “ตามสบายเลย วันนี้ฉันว่างเพื่อนายทั้งวัน”              แม็กซิมัสระบายยิ้ม กล่าวขอบใจเพื่อน ก่อนจะเปิดประตูรถและก้าวลงไป              ลีโอนาโดมองร่างสูงใหญ่บึกบึนของแม็กซิมัสที่เดินลึกเข้าไปภายในสุสานด้วยความเป็นกังวล              “ให้มันเร็วหน่อยได้ไหม นังเดือน”              หญิงสาวในชุดอยู่บ้านกลางเก่ากลางใหม่รีบย่ำเท้าให้ทันใจสตรีสาวสวยงามพริ้งที่เดินนำหน้า              เดือนกันยา มิ่งกมล นี่คือชื่อของหล่อน หญิงสาววัยยี่สิบสองปีเพิ่งจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยรัฐชื่อดังมาเมื่อสามเดือนก่อน หล่อนเป็นลูกสาวคนเล็กของนางอำภาพร และเด่นชัย มิ่งกมล ซึ่งนางอำภาพรเคยทำงานเป็นพนักงานอัตราจ้างของสำนักงานเขตแห่งหนึ่งของกรุงเทพฯ ในขณะที่เด่นชัยเคยทำงานเป็นผู้รับเหมาเดินสายไฟ แต่ตอนนี้อายุมากแล้วทั้งคู่จึงออกมาอยู่บ้านอย่างเดียว              สถานะทางบ้านของเดือนกันยาในยามนี้ถือว่าอยู่ในขั้นวิกฤต เนื่องจากความเครียดทำให้เด่นชัยติดเหล้า ทำให้มีปากเสียงทะเลาะกับมารดาแทบทุกวัน และนั่นก็ทำให้ประกายดาว พี่สาวเพียงคนเดียวของหล่อนขอแยกตัวออกไปอยู่ลำพัง              “ชักช้ายืดยาดแบบนี้ตลอดเลยนะแกน่ะ”              ประกายดาว มิ่งกมล พี่สาวของเดือนกันยา หญิงสาวเป็นสตรีผู้มีรูปโฉมงดงาม ผิวขาวสะอาด ปากคอคิ้วคางเหมาะเจาะ ยิ่งแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางด้วยแล้วหญิงสาวก็ยิ่งไม่ต่างจากนางสวรรค์นัก              “ฉันขอโทษนะพี่ดาว”              “ไม่ต้องมาพูดมาก เอาของไปใส่รถ”              “จ้ะ”              เดือนกันยามักถูกพี่สาวเรียกออกมารับใช้เสมอ และทุกครั้งก็ผ่านความเห็นดีเห็นงามของบิดามารดาทั้งนั้น ก็พ่อกับแม่จะไม่ตามใจประกายดาวได้ยังไง ในเมื่อพี่สาวของหล่อนนำเงินมาหยิบยื่นให้พวกท่านตลอด              “เสร็จแล้วจ้ะพี่ดาว”              หญิงสาวผู้เป็นน้องปิดประตูรถอย่างเบามือ              ประกายดาวกวาดตามองน้องสาวที่คลานตามกันมาด้วยสายตาเบื่อหน่ายและไม่ชอบใจ              “เมื่อไรจะเลิกใส่ไอ้ชุดเก่าๆ ซอมซ่อพวกนี้สักทีนังเดือน ฉันเดินกับแกแล้วฉันอายรู้ไหม”              “เอ่อ ชุดนี้พี่ดาวเพิ่งให้เดือนมาเมื่อปีที่แล้วเองนะจ๊ะ มันยังสวยอยู่เลย”              ประกายดาวทำหน้าตาสยดสยอง มองชุดที่อยู่บนร่างเล็กของน้องสาวแล้วส่ายหน้า              “นี่ฉันเคยมีชุดเชยๆ แบบนี้ด้วยเหรอนี่”              เดือนกันยายิ้มหน้าเจื่อน และไม่ได้พูดอะไรออกมา              “เออๆ ช่างมันเถอะ เอ้านี่...เงินค่าเสียเวลา”              ประกายดาวส่งธนบัตรสีแดงให้น้องสาวสองใบ              เดือนกันยาเงยหน้ามองพี่สาวด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะปฏิเสธด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน              “เดือนไม่รับหรอกจ้ะ”              “ทำไมล่ะ นี่แกเดินหิ้วของให้ฉันตั้งเกือบชั่วโมงนะนังเดือน”              ใบหน้านวลของเดือนกันยายังคงเกลื่อนไปด้วยรอยยิ้ม มองหน้าพี่สาวด้วยความหวังดี              “เราเป็นพี่น้องกันนะจ๊ะ เดือนรับเงินของพี่ดาวไม่ได้หรอกจ้ะ”              ประกายดาวยิ้มเยาะ ก่อนจะเก็บเงินใส่กระเป๋าสตางค์สีแดงสดยี่ห้อหรู              “ก็ตามใจ”              เดือนกันยายิ้มน้อยๆ ไม่ได้พูดอะไร              “ฝากบอกพ่อกับแม่ด้วยนะ ว่าเดือนหน้าถ้าว่างฉันจะแวะมาหาใหม่”              “จ้ะพี่ดาว”              ประกายดาวเปิดประตูรถ ก้าวขึ้นไปนั่งประจำที่คนขับ “หวังว่าคราวหน้าถ้าฉันเจอแก แกจะดูดีขึ้นกว่านี้นะนังเดือน”              เดือนกันยาไม่ได้ตอบพี่สาว แต่ยกมือขึ้นโบกน้อยๆ เป็นการอำลา              รถเก๋งญี่ปุ่นสีขาวของประกายดาวแล่นหายไปจากสายตาแล้ว เดือนกันยาจึงหมุนตัวจะเดินกลับบ้าน แต่เสียงทักทายของผู้หญิงสวยคนหนึ่งดังขึ้นเสียก่อน              “เดือน...”              “อ้าว ตะวัน”              พิตะวันเพื่อนที่เรียนมหาวิทยาลัยมาด้วยกัน              เดือนกันยายิ้มอย่างดีใจ “ไม่คิดว่าจะได้เจอตะวันที่นี่ ดีใจจังเลย”              “ฉันก็ดีใจที่ได้เจอเดือน เอ่อ ผู้หญิงคนที่ขับรถสีขาวไปเป็นใครเหรอ”              “อ๋อ พี่สาวเดือนเองน่ะ”              สีหน้าของพิตะวันดูแปลกๆ ไป ทำให้เดือนกันยาอดสงสัยไม่ได้              “มีอะไรหรือเปล่าตะวัน”              “ฉันคุ้นหน้าพี่สาวของเดือนน่ะ”              “อ๋อ คงเคยเจอกันหรือเปล่า”              พิตะวันส่ายหน้า พลางดึงร่างของเดือนกันยาให้หลบมุมเพื่อจะได้คุยสะดวก              “มันมีมากกว่านั้นน่ะสิ”              ยิ่งฟังเดือนกันยาก็ยิ่งแปลกใจ              “มีอะไรจะบอกเดือนใช่ไหมตะวัน”              เมื่อเพื่อนพยักหน้ารับ ใจคอของเดือนกันยาก็เริ่มไม่ค่อยจะสู้ดี หล่อนเริ่มมีลางสังหรณ์เลวร้ายเกิดขึ้น              “เท่าที่ฉันรู้ ตอนนี้ที่บ้านของเดือนฐานะไม่ค่อยดี”              “ใช่จ้ะ”              “แล้วเดือนไม่สงสัยบ้างเหรอว่าทำไมพี่สาวของเดือนถึงมีเงินใช้จ่ายฟุ่มเฟือยแบบนี้ได้ รถคันละเท่าไหร่รู้ไหมนั่น แล้วไหนจะค่าที่พักอีก และจากชุดที่ใส่ ราคาก็ไม่ใช่ถูกๆ นะ”              แม้จะรู้สึกหวาดหวั่นใจ แต่เดือนกันยาก็ยังคงพยายามมองพี่สาวในแง่ดี              “เจ้านายคงขึ้นเงินเดือนให้พี่ดาว...”              พิตะวันส่ายหน้าน้อยๆ              “มันใช่ที่ไหนกันล่ะ”              “งั้นตะวันบอกเดือนมาเถอะว่าทำไม”              “ฉันเคยเจอพี่สาวของเดือนในซ่องน่ะ”              “ซ่อง?” เดือนกันยาหน้าซีดเผือด “ไม่...ไม่ใช่หรอกมั้ง ตะวันอาจจะจำคนผิดก็ได้ ฉัน...”              “เดือนก็รู้นี่ว่าฉันทำงานกลางคืน และฉันมั่นใจว่าฉันเคยเห็นพี่สาวของเดือนในซ่อง”              เดือนกันยาพูดไม่ออก รู้สึกเสียใจจนน้ำตาไหลซึมออกมา “เพราะฉันไม่ดีเอง ทำงานได้เงินน้อย พี่ดาวถึง...ถึงต้องเสียสละตัวเองแบบนั้น”              “เดือนมั่นใจเหรอว่าพี่สาวของเดือนทำเพื่อครอบครัว ไม่ได้ทำเพื่อความสุขสบายของตัวเองน่ะ”              คำพูดของพิตะวันสะท้อนความจริงได้ไม่ต่างจากกระจกเงาบานใหญ่              “ตอน...ตอนนี้พี่ดาวให้เงินพ่อกับแม่มาสองเดือนแล้วนะตะวัน”              พิตะวันถอนหายใจแผ่วเบา ขณะมองความหม่นหมองของเพื่อนด้วยความไม่สบายใจ              “ดูแลตัวเองดีๆ นะเดือน ฉันเป็นห่วงเธอเสมอนะ”              “ขอบใจจ้ะตะวัน ตะวันก็ดูแลตัวเองนะ”              สองสาวยิ้มให้กันอย่างมีไมตรี              “งั้นฉันขอตัวก่อนนะ เสี่ยรออยู่ในรถน่ะ ไปแล้ว บ๊ายบาย”              “บายจ้ะตะวัน”              ร่างอรชรในชุดรัดรูปพอดีตัวของพิตะวันเดินห่างออกไปจากตลาดแล้ว แต่เดือนกันยายังคงยืนนิ่งอยู่กับที่ สมองอดคิดถึงคำพูดของเพื่อนไม่ได้              ‘ฉันเคยเจอพี่สาวของเดือนในซ่องน่ะ’              “พี่ดาว ฉันขอให้พี่ดาวไม่ได้เป็นอย่างที่ตะวันเข้าใจ...” กลีบปากอิ่มเต็มสั่นระริก “ฉันเป็นห่วงพี่นะ”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม