คุณวรวิชถอนหายใจยาวอีกเฮือกใหญ่ ขณะนึกถึงคำพูดที่ตนเองสนทนากับพ่อเลี้ยงภพธรรมเมื่อสักครู่ที่ผ่านมา
“จะหาเงินจากไหนมาคืนให้พ่อเลี้ยง หาเงินสิบล้านให้ได้ภายในสิบสี่วันมันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ นะพ่อเลี้ยงภพธรรม”
คุณวรวิชบ่นเสียงเครียด และเสียงบ่นของเขาก็ดังเล็ดลอดเข้าหูของลูกสาวที่เพิ่งกลับมาจากทำงาน ซึ่งเผอิญเดินเข้ามาได้ยินพอดี
“คุณพ่อบ่นเรื่องอะไรคะ ครีมได้ยินแว่วๆ ว่าสิบล้านกับสิบสี่วัน มันคืออะไรคะคุณพ่อ”
ชาครียา ลูกสาวแสนสวยสุดเซ็กซี่ของคุณวรวิช ทรุดกายลงนั่งบนโซฟาฝั่งตรงข้ามกับบิดา พร้อมกับคลี่ยิ้มหวานรอคำตอบจากผู้เป็นบิดา
คุณวรวิชตีสีหน้าลำบากใจ ไม่กล้าตอบคำถามของลูกสาว จนชาครียาต้องถามย้ำอีกครั้ง
“คุณพ่อมีเรื่องไม่สบายใจหรือเปล่าคะ ทำไมถึงทำหน้าไม่สู้ดีเลย”
“เอ่อ...พ่อกำลังถูกเจ้าหนี้ตามทวงหนี้นะลูก” ผู้เป็นพ่ออึกอักเป็นนานกว่าจะตอบมาได้ และตอนตอบก็ไม่กล้าสบตากับลูกสาว
ชาครียาขมวดคิ้วเข้าหากัน งุนงงกับคำตอบของบิดา “คุณพ่อเป็นหนี้ใครคะ แล้วเป็นหนี้เขาเท่าไร เดี๋ยวครีมไปเบิกเงินให้คุณพ่อเอาไปใช้หนี้เขานะคะ”
ด้วยเข้าใจว่าบิดามีหนี้สินติดตัวแค่ไม่กี่หมื่น ชาครียาจึงอยากให้บิดาเอาเงินไปใช้หนี้เจ้าหนี้เร็วๆ ทว่าเมื่อได้ยินคำตอบจากปากของบิดาทำเอาเธอแทบพลัดตกจากเก้าอี้
ผู้เป็นพ่อกลืนน้ำลายลงคอ กว่าจะเอ่ยตอบออกมาได้ “พ่อ...พ่อเป็นหนี้พ่อเลี้ยงภพธรรม สิบล้านบาทลูก”
“สิบล้าน!” ชาครียาตะโกนเสียงดัง เบิกตาโตด้วยความตกใจ “ครีมฟังผิดไปใช่ไหมคะคุณพ่อ”
“ไม่ผิดหรอกลูก พ่อเป็นหนี้พ่อเลี้ยงภพธรรมสิบล้านบาท”
ผู้เป็นพ่อย้ำในคำพูดเดิม ทำเอาชาครียาต้องยกมือลูบใบหน้างามลออด้วยความหนักใจ
“คุณพ่อไปยืมเงินพ่อเลี้ยงคนนี้ตั้งแต่เมื่อไรกันคะ”
“พ่อยืมเงินพ่อเลี้ยงมาหลายสิบปีแล้วลูก ตั้งแต่ครีมตัวเล็กๆ ตอนนี้ทั้งต้นทั้งดอก ทบกันแล้วก็เกือบๆ ยี่สิบล้าน”
ผู้เป็นพ่อตอบเสียงเครียด ยังไม่กล้าบอกความจริงที่เหลือให้ลูกสาวล่วงรู้
“ทำไมครีมไม่เคยรู้เรื่องนี้เลยคะ”
“พ่อไม่กล้าบอกครีม กลัวครีมจะตกใจนะลูก”
“ตอนนี้ครีมก็ตกใจแล้วคะคุณพ่อ” ชาครียาพึมพำเบาๆ ก่อนจะเอ่ยถามบิดาต่อ “พ่อเลี้ยงภพธรรมเขาทวงหนี้เราแล้วหรือคะคุณพ่อ”
คุณวรวิชพยักหน้ารับช้าๆ สีหน้าเต็มไปด้วยความทุกข์ใจ ขณะตอบว่า “พ่อเลี้ยงภพธรรมต้องการให้เราใช้หนี้ให้เขาทั้งเงินต้นพร้อมกับดอกเบี้ย”
“เขาให้เวลาเราหาเงินใช้หนี้ภายในสิบสี่วัน”
“สิบสี่วัน!” ชาครียาร้องเสียงหลง แล้วตะโกนพรุสวาทต่อ “พวกเศรษฐีหน้าเลือด ขูดรีดกับคนจน เงินเกือบยี่สิบล้าน ใครจะหามาใช้หนี้ได้ภายในสิบสี่วัน”
“พ่อบอกพ่อเลี้ยงภพธรรมไปแล้วว่าขอเลื่อนเวลาหน่อย แต่พ่อเลี้ยงไม่ยอม เขาต้องการให้พวกเราใช้หนี้เขาให้ได้ภายในเวลาที่กำหนดไว้”
“หน้าเลือดที่สุด เขาจะรีดเลือดจากปูหรือยังไง ใครจะหาเงินได้ทันตามที่เขาต้องการ” ชาครียาโกรธจัด ตะโกนด่าทอพ่อเลี้ยงภพธรรมไม่ได้หยุด
“พ่อขอเลื่อนเวลาการใช้หนี้เขาแล้ว แต่พ่อเลี้ยงภพธรรมไม่ยอม”
เลื่อนการใช้หนี้ในความหมายของผู้เป็นพ่อ หมายถึงการเลื่อนการแต่งงาน แต่ชาครียาเข้าใจผิดหมายถึงการนำเงินไปใช้หนี้ให้พ่อเลี้ยงภพธรรม
“ทำไมพวกคนรวยถึงใจจืดใจดำแบบนี้ เขาก็รู้นี่คะว่าพวกเราไม่มีเงินไปใช้หนี้ให้เขา”
คุณวรวิชเหลือบสายตามองลูกสาวอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนตัดสินใจพูดในที่สุด “เอ่อ...พ่อเลี้ยงมีทางเลือกให้เราสองทางนะลูก”
“ยังไงคะคุณพ่อ”
“คือถ้าหากเรามีเงินใช้หนี้ เราก็เอาเงินจำนวนนี้ไปใช้หนี้ให้กับพ่อเลี้ยงภพธรรมตามเวลาที่เขากำหนด”
“แต่เราไม่มีเงินนี่คะคุณพ่อ” ชาครียาค้านออกมาก่อนบิดาจะทันพูดจบ
“ใช่ลูก เราไม่มีเงิน พ่อเลี้ยงภพธรรมรู้ดี และเขาก็ยื่นข้อเสนอให้กับพ่อ”
คุณวรวิชบอกสาวแค่เพียงครึ่ง ส่วนความจริงที่ว่าตนเองเป็นฝ่ายเซ็นสัญญายกลูกสาวให้แต่งงานกับลูกชายของพ่อเลี้ยงภพธรรม เพื่อเป็นการใช้หนี้ทั้งหมด กลับไม่พูดถึง
ชาครียาพอมีความหวังมาบ้าง หญิงสาวรีบถามบิดาอย่างรวดเร็ว “พ่อเลี้ยงคนนั้นเขาเสนอทางเลือกแบบไหนให้พวกเราคะ”
“พ่อเลี้ยงจะยกหนี้ทั้งหมดให้พวกเรา ถ้าหากเอ่อ...ครีมจะแต่งงานกับลูกชายของเขา”
“อะไรนะคะ!” คราวนี้ชาครียาถึงกับผุดลุกขึ้นยืน ตะโกนถามเสียงดังลั่นห้อง “ครีมฟังผิดไปใช่ไหมคะคุณพ่อ”
“ไม่ผิดหรอกลูก พ่อเลี้ยงภพธรรมต้องการให้ครีมแต่งงานกับพ่อเลี้ยงกฤตย์ ลูกชายของเขา ถ้าหากครีมยอมแต่งงานเขาจะยกหนี้ทั้งหมดให้เรา”
เอ่ยตอบลูกสาวไปแล้ว ผู้เป็นพ่อก็แอบคาดหวังอยู่ในใจว่าลูกสาวจะยอมตกปากรับคำง่ายๆ แต่ถ้าหากลูกสาวไม่รับคำ ไม่ยอมแต่งงานเพื่อล้างหนี้ ก็จำเป็นต้องมีการบังคับกันบ้าง
และชาครียาก็ปฏิเสธเสียงแข็ง ไม่ต่างจากที่พ่อเลี้ยงกฤตย์ได้ปฏิเสธพ่อของเขา
“ครีมไม่แต่งค่ะ ร้อยก็ไม่แต่ง พันก็ไม่แต่ง คุณพ่อจะให้ครีมแต่งงานเพื่อล้างหนี้ไม่ได้”
“แต่ถ้าครีมไม่แต่งงาน พ่อเลี้ยงภพธรรมก็จะยึดทุกอย่างที่เคยเป็นของพวกเรา”
“ก็ให้เขายึดไป เขาอยากได้อะไรก็ให้เขาเอาไป”
ชาครียาสวนกลับเสียงดัง แต่เมื่อได้ยินคำตอบในประโยคถัดมาของบิดา ก็ถึงกับนิ่งงันไปหลายนาที
“ถ้าพ่อเลี้ยงภพธรรมยึดบ้าน เราก็ไม่มีที่อยู่นะลูก”
ชาครียาทิ้งตัวลงนั่งอย่างหมดแรง ไม่นึกว่าจู่ๆ ก็มาได้ยินข่าวร้ายที่สุดในชีวิต
“เราขอเลื่อนเวลาการจ่ายหนี้ไม่ได้หรือคะคุณพ่อ เผื่อว่าเราจะหยิบยืมเงินคนอื่นมาใช้หนี้ให้พ่อเลี้ยงหน้าเลือดได้ก่อน”
“ใครจะให้เรายืมละลูก เงินเกือบยี่สิบล้านนะลูก ไม่ใช่บาทสองบาทที่จะให้ยืมกันง่ายๆ” คุณวรวิชท้วงติงเบาๆ
“แล้วเราจะทำยังไงดีคะคุณพ่อ ถ้าให้ครีมแต่งงานเพื่อล้างหนี้ ครีมไม่เอาด้วยนะคะ” ชาครียาปฎิเสธเสียงแข็ง ยังไงๆ ก็ไม่ยอมทำตามที่บิดาบังคับอย่างแน่นอน
“เอ่อ...ทนแต่งงานหน่อยไม่ได้หรือลูก สักปีสองปีค่อยหย่ากับพ่อเลี้ยงกฤตย์”
ผู้เป็นพ่อหว่านล้อมไม่เต็มเสียงนัก