“นั่นมันเป็นเรื่องส่วนตัวของคุณ”
สีหราชใช้สายตาขับไล่ไม่สนใจสีหน้าจืดเจื่อนของพนักงานคนใหม่ซึ่งเป็นเด็กเส้นของมารดา ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมมารดาถึงเอ็นดูผู้หญิงหิวเงินคนนี้มากขนาดนั้น ให้มาอุ้มท้องลูกของเขาไม่พอยังจะให้มาทำงานใกล้ชิดกับเขาอีกชักจะได้อภิสิทธิ์เยอะเกินไปแล้ว สองหนุ่มสาวสบสายตากันด้วยอารมณ์แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
สีหราชหยิบแก้วกาแฟมาจิบชิวๆ เลิกคิ้วขึ้นกวนอารมณ์ทีหนึ่งก่อนจะวางแก้วลงและต่อสายหาลูกน้องชวนเข้าไร่
“อีกสิบห้านาทีนายขับรถมารอฉันที่หน้าออฟฟิตนะ แล้วก็ฝากบอกหัวหน้าคนงานด้วยว่าฉันมีเรื่องอยากปรึกษาให้เข้ามาพบสามสิบนาทีก่อนพักเที่ยง” วางสายจากนายหินไปแล้วเห็นสาวสวยหน้าเจื่อนยังยืนอยู่ที่เดิมก็ชักจะขี้เกียจพูดซ้ำสอง
“ไหมรอผมพูดย้ำรอบที่สองอยู่เหรอครับ”
“เปล่าค่ะ ไหมขอตัวก่อนนะคะ”
“นึกว่าจะแน่ เด็กกรุงเทพเหยียบขี้ไก่ไม่ฟ่อเอ๊ย”
หัวเราะหึหึในลำคอส่ายหน้าไปมาเชื่องช้า บ่นกับตัวเองหลังหญิงสาวเดินลับออกจากห้องทำงาน คาดว่าวันนี้คงไม่เห็นหน้าสวยๆ ของเจ้าหล่อนอีกแน่นอน ดีไม่ดีก่อนหนีกลับบ้านที่กรุงเทพอาจจะฟ้องคุณนายแม่ให้มาด่าความนิสัยเสียของเขา
ช่างสิ ถ้านิดๆ หน่อยๆ ไม่มีน้ำอดน้ำทนเขาก็ไม่ต้องการหล่อนมาดูแลงานแบบใกล้ชิดในตำแหน่งเลขาฯ
เมื่อถึงเวลานัดหมายสีหราชเดินออกจากห้องทำงานพยายามมองหาเลขาหน้าสวยทว่าหล่อนกลับไม่อยู่แถวนี้ จะถามใครทุกคนก็ต่างก้มหน้าก้มตาทำงานเหมือนจริงจังมาก ทั้งที่เห็นเต็มตาว่าตอนผลักประตูออกมาวินาทีแรกบางคนยังกินขนมทาลิปสติกตบแป้งตลับ เขาส่ายหน้าช้าๆ เลือกจะไม่ถามอะไรเดินสง่าผ่าเผยออกจากออฟฟิต
ฉับพลันพนักงานเหล่านั้นกลับมาทำสิ่งที่ค้างคาต่อพัลวันไปหมด บางคนกินขนมบางคนเม้าท์ด้วยกันเสียงดังข้ามไปสามโต๊ะห้าโต๊ะออกรสออกชาติราวกับเป็นวาระระดับโลก
“วันนี้สีหน้าคุณสิงห์ดุ๊ดุนะแกว่าไหม ปกติก็ไม่ค่อยยิ้มอยู่แล้ว ฉันไม่กล้าสบตาเลยอะแก”
สาวแผนกการตลาดอ้าปากเป็นรูปตัวโอเกลี่ยลิปสติกมียี่ห้อไปตามริมฝีปากสีเข้มของตัวเองชำนิชำนาญ
“เออจริง แต่คนอะไรไม่รู้ขนาดทำหน้าดุก็ยังหล่อเห็นแล้วโคตรเคลิ้มอยากจะเข้าไปยืนต่อหน้าสบตาใกล้ๆ”
“ชักจะเกินหน้าเกินตาแล้วนะยะ!”
“ขอฝันนิดนึงน่า คุณสิงห์ปีนี้สามสิบหกนะจ๊ะเขาว่ากันว่าผู้ชายโสดยิ่งแก่ยิ่งแซ่บ อึ๋ยยยย อยากรู้จริงว่าจะแซ่บขนาดไหนเมื่อไหร่จะมีบุญสอยคุณสิงห์มาแนบอิงก็ไม่รู้”
“หยุดมโนเถอะจ้ะ! แล้วถ้าแกอยากรู้แกก็ลองไปถามยัยคุณเพลงดูสิ ได้กินหมดทั้งตัวไม่เหลือสักส่วนแล้วมั้ง”
เพลินตาสาวแผนกการตลาดเก็บลิปสติกใส่ลิ้นชักโต๊ะกลับมาทำงานต่อแต่เพื่อนสาวคนนั้นยังไม่หยุดกินขนมและขณะเดียวกันก็ยังไม่หยุดเม้าท์ คุณเพลง ณ ที่นี้คือเพลงพฤกษาคู่ขาคุณสิงห์!
“เซ็ง! หมดอารมณ์เม้าท์ย่ะ”
เรณุกาขย่ำซองขนมทิ้งลงถังขยะเล็กข้างโต๊ะทำงานสะบัดหน้าใส่เพื่อนร่วมงานกลับไปทำงานต่อ ได้ยินชื่อนี้ทีไรบรรดาแฟนคลับลับๆ ของสีหราชต่างเบื่อหน่ายทั้งนั้น
ม่านไหมผ่านมาได้ยินพอดีหยุดตรงหน้าแผนกนี้ชะเง้อคอมองเข้าไป หลายนาทีก่อนหน้าหล่อนเดินดูออฟฟิตไปยังสถานที่ต่างๆ เพื่อหาว่ายังพอมีสักที่ให้ตัวเองนั่งหรือเปล่าชักจะเมื่อยขาแล้ว ทุกที่หล่อนเข้าไปสวัสดีและขอฝากเนื้อฝากตัว มาถึงที่นี่ชักจะลังเลว่าจะพูดดีหรือเปล่า เอาเถอะ มาถึงขนาดนี้แล้ว
“หน้าไม่คุ้นเลย มีอะไรเหรอคะ” สาวขาเม้าท์เงยหน้ามาถาม พลอยทำให้คนอื่นๆ มองมาเป็นสายตาเดียวกัน
ม่านไหมยกมือไหว้ “สวัสดีค่ะ ชื่อม่านไหมค่ะเป็นพนักงานคนใหม่ ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ”
“แผนกนี้เหรอจ๊ะ เมื่อกี้เจอพี่โต้งเขาก็ไม่เห็นบอกฉันเลยว่ามีเด็กใหม่มาทำงานที่แผนกเรา” พนักงานสาวเจ้าถิ่นเบนใบสีแทนทว่าโบกแป้งตลับขาวกว่าสีผิวจริงไปปรึกษาเพื่อนในแผนก
“ไม่น่าจะใช่นะแก”
“เอ่อ... ไหมเป็นเลขาคุณสิงห์น่ะค่ะ”
“อ๋อ สาวจากเมืองกรุงเด็กเส้นที่เขาลือกันนั่นเอง ทำใจนะจ๊ะ ปกติคุณสิงห์ก็ไม่เคยมีเลขามาก่อน”
ว่าจบคุณคนนั้นและพนักงานในละแวกนั้นทุกคนก็ทำงานต่อโดยไม่สนใจถามอะไร ม่านไหมนิ่งไปอ้าปากค้าง ตั้งใจจะถามสุดท้ายก็เก็บไว้ไม่ถามดีกว่า เดินไปเรื่อยๆ ห่างจากพนักงานคนอื่นมีที่ว่างบริเวณทางเดินใกล้กับบริเวณที่ตั้งเครื่องถ่ายเอกสาร ม่านไหมถอนหายใจแผ่วเบา มาวันแรกนอกจากไม่ได้รับมิตรภาพจากใครยังต้องมายืนคนเดียวตรงทางเดินแคบๆ นี่อีก
“มีอะไรให้ผมช่วยหรือเปล่าครับ” เสียงสวรรค์ดังขึ้น ม่านไหมหันหน้ากลับไปมองหนุ่มตี๋แผนกบัญชีซาบซึ้งในน้ำใจเขาช่วยหาโต๊ะกับเก้าอี้มาตั้งถัดจากห้องทำงานเจ้าของไร่
“ขอบคุณมากนะคะที่มีน้ำใจช่วยไหม”
“ไม่เป็นไรครับ”
“ถ้ามีอะไรจะใช้ไหมบอกได้เลยนะคะ”
“ไม่เป็นไรครับไม่ต้องเกรงใจยังไงเราก็ทำงานที่เดียวกัน ถ้ามีอะไรอยากถามหรืออยากให้ช่วยบอกมาได้เลยนะครับผมยินดีช่วยเหลือคุณคนสวย” หนุ่มตี๋เขินหน้าแดงไปหมด รู้สึกถูกใจพนักงานคนใหม่ น่ารัก ยิ้มสวยแถมยังพูดเพราะดูไม่ปรุงแต่งมากเกินไป ถ้าสาวเมืองกรุงมีสักเสี้ยวสายตาก้มลงมามองหนุ่มบ้านนอกแบบเขาก็คงดี
“มานานแล้วเว้ยเดี๋ยวหัวหน้าก็ดุหรอกกลับกันเถอะ” บอส เพื่อนร่วมแผนกเข้ามาขัดบทสนทนาหนุ่มตี๋หันไปมองแรงแต่ไม่ได้พูดอะไรนอกจากเออออตามมันแล้วหันหน้าขาวกลับมามองสาวสวย
“ใจจริงอยากอยู่คุยให้นานกว่านี้ ผมดีใจที่ได้รู้จักคุณไหมนะครับแต่แวะมานานแล้วต้องกลับแผนกก่อน”