‘ตาค้างไปแล้วครับคุณแม่’ พูดได้แค่ในใจ ออกเสียงไม่ได้เดี๋ยวคุณนายจะทำสีหน้าพอใจ
“เชียร์กันออกนอกหน้านอกตาเชียวนะครับ สรุปว่าคุณแม่อยากได้หลานหรืออยากได้ลูกสะใภ้กันแน่” สีหราชถามมารดาช้าๆ อมอากาศไว้ในปากเพราะแสบแผลช่วงนี้ยังพูดมากไม่ได้
“อุ๊ยแหม! หลานสิจ๊ะ แต่ถ้าได้ลูกสะใภ้ด้วยก็จะดีมาก”
ท่านรู้จักม่านไหมหลายปีแล้วเรียกได้ว่าม่านไหมเป็นเด็กใต้การปกครองเลยแหละ ชีวิตของเด็กคนนี้น่าสงสาร ท่านมีโอกาสได้รู้จักและคอยช่วยเหลือทางด้านการเงินมาตลอด ดังนั้นเมื่อเอ่ยปากขอให้ม่านไหมมาเป็นแม่ของหลานท่าน หญิงสาวผู้ไม่มีทางเลือกก็จำเป็นต้องตอบตกลงและเดินทางมาที่เชียงราย
ใครจะว่าท่านเจ้ากี้เจ้าการชีวิตลูกก็แล้วแต่เถอะ
สีหราชปลายปีนี้สามสิบหกแต่เงาแฟนสักคนก็ไม่มี ขืนรอลูกชายหาเมียเองท่านคงแก่ตายซะก่อน อดอุ้มหลาน อดแจกมรดกให้หลานๆ ตัวน้อยที่น่ารักน่าชัง ส่วนม่านไหมท่านรักและเอ็นดูอยู่มากไม่รังเกียจหากจะได้มาเป็นลูกสะใภ้ ส่งเนื้อเข้าปากสิงห์แล้ว ก็เหลือแต่จะรอลุ้นว่าสิงห์ตัวนี้จะกินเหยื่อด้วยตัวหรือหัวใจ!
“ผมว่าหยุดความคิดเอาไว้เท่านั้นแล้วอ่านหนังสือต่อเถอะครับ” สีหราชใจดีหยิบหนังสือเกษตรยุคใหม่ที่มารดาอ่านค้างไว้ใส่มือให้ ท่านยุติการทำตาหวานวาดฝันอนาคตใช้สันหนังสือฟาดหัวเขาทีหนึ่งไม่ยั้งมือด้วยความลืมตัว “โอ๊ย ผมยังเจ็บไม่หายเลยนะครับคุณแม่ ตีซ้ำรอยเดิมซะได้”
“โทษทีนะจ๊ะลูกรักแม่เผลอมือไปหน่อย”
“ไม่เป็นไรครับ ผมขอตัวก่อน”
“เดี๋ยวสิลูก ยังไม่บอกแม่เลยนะว่าถูกใครทำร้าย”
“ไม่มีอะไรสำคัญหรอกครับ ผมไปจีบเมียชาวบ้านก็เลยถูกผัวเขายกพวกมารุมน่ะครับ” หนุ่มหล่อเจ้าของไร่จอมธรรมแต่งเรื่องขึ้นมาสดๆ ร้อนๆ ด้วยสีหน้าไม่สะทกสะท้าน
ช่วงปลายฝนต้นหนาวยังมีสายฝนร่วงหล่นลงจากฟากฟ้าไม่ขาดสายสีหราชอาบน้ำเสร็จลงมาเล่นกีต้าร์เคล้าคลอสายฝน พื้นล่างโซฟามีลูกหลานของแม่บ้านคลานเข่ามาขอร่วมวงร้องเพลงเหมือนทุกวัน สีหราชคุ้นเคยกับเด็กทั้งสองออกจะเอ็นดูมากจึงส่งสมุดคอร์ดเพลงให้แก่น้องดาวเรือง “หนูขอฟังเพลงแพ้ทางค่ะ”
น้องดาวเรืองกับน้องช่อม่วง นั่งพับเพียบบนพื้นคอยเปิดหนังสือคอร์ดเพลงให้นายสิงห์เล่นให้ฟัง เขาใจดีกับเด็กในบ้านอยู่แล้ว ขอมาก็จัดให้ มองคอร์ดแวบเดียวเท่านั้นเพราะเคยฝึกเล่นจนคุ้นมือแล้ว เสียงกีต้าร์โปร่งดังในห้องโถงสร้างสีสันในยามฝนตกให้กับบ้านจอมธรรม เด็กสองคนร้องตามเสียงเพี้ยน ชายหนุ่มร้องขึ้นต้นให้เพื่อเด็กๆ จะได้ไม่ร้องผิดท่อน น้องช่อหกขวบหัวเราะคิกร้องไม่เป็นปรบมือตาม
“คนหน้าตาอย่างฉันนั้นมันต้อง...”
“เจียมหัวใจ...”
น้องดาวเรืองร้องตามนายสิงห์ปรบมือแปะๆ
“ไม่ต้องเจียมหรอกมั้งลูกชายแม่ออกจะหล่อขนาดนี้ ถ้า เอ่อ… โกนหนวดโกนเคราออกสักนิดน่ะนะ”
สีหราชส่งยิ้มให้มารดารู้ดีแก่ใจว่าท่านอยากเอามีดคมๆ มาโกนหนวดออกจากใบหน้าเขาจะแย่ แต่เสียใจ ยิ่งรู้ว่าเด็กของท่านกำลังจะมาเชียงรายเขาก็ยิ่งไม่แตะของพวกนั้น “น้องดาวกับน้องช่อออกไปก่อนนะวันหลังค่อยมาฟังเพลงใหม่” ก้มหน้าลงบอกเด็กๆ ทั้งสองยกมือไหว้ก่อนคลานเข่าผ่านคุณนายพราวมุก
“คืนนี้โกนหนวดออกเถอะนะสิงห์แม่ขอร้องล่ะ”
“ทำไมครับ กลัวหนูไหมของแม่จะตกใจหน้าตาโจรๆ ของผมแล้วหนีกลับกรุงเทพเหรอ”
“แน่นอน สิงห์รู้ไหมว่ากว่าแม่จะหาผู้หญิงที่ถูกใจได้มันไม่ใช่เรื่องง่ายนะ”
สีหราชรับฟังเงียบๆ ไม่ได้ตอบโต้เพราะเบื่อจะพูดกับมารดาเรื่องนี้แล้ว เขาเกากีต้าร์เพลงโปรดฮึมฮัมร้องเพลงอยู่คนเดียวไม่สนใจตาดุๆ ของคุณนาย ท่านมองค้อนทีหนึ่งแล้วไปรอที่โต๊ะอาหาร คุณนายของเขาก็แบบนี้แหละ ลูกชายเอาใจเก่ง อยากได้อะไรก็หามาให้ทุกอย่างก็เลยติดนิสัยเอาแต่ใจนิดๆ
หนังสือพิมพ์ท้องถิ่นหนึ่งสัปดาห์ออกมาเพียงหนึ่งเล่มเท่านั้นเพราะลูกค้าไม่เยอะและต้นทุนมีไม่มากทำธุรกิจด้วยใจรัก สีหราชไม่อยากให้กิจการล้มเลิกก็เข้าไปเป็นหุ้นส่วนคอยช่วยเรื่องเงินทุน มีคนเอาฉบับใหม่มาส่งให้ช่วงเช้าหลังเขาเข้าไร่ไปได้แป๊บเดียวจึงเพิ่งจะได้หยิบมาอ่านตอนนี้ บนโต๊ะอาหารขณะรอเด็กในการปกครองของคุณแม่เขาให้ความสนใจกับข่าวของกำนันมีโชค
รายละเอียดของข่าวค่อนข้างน่าตกใจไม่คิดว่าคนอย่างกำนันจะทำเรื่องไม่ดี ในกรอบเล็กมีการอ้างอิงถึงชื่อ ‘ภวัต ภูตะวัน’ เขาไม่รู้จักภวัตเป็นการส่วนตัวแต่รู้จักในนามของนักธุรกิจคนหนึ่งที่มีชื่อเสียงในเชียงใหม่ เรื่องนี้มีลับลมคมในอะไรยังไงกันแน่นะ
“จริงสิ แม่ลืมบอกหนูไหมว่าบ้านเรากินข้าวเย็นตอนหนึ่งทุ่มตรง เธอ เธอที่อยู่ตรงนั้นช่วยไปตามคุณไหมมากินข้าวเย็นหน่อยเร็ว เดินทางมาเพลียๆ ป่านนี้คงยังนอนไม่ตื่น”
คุณนายพราวมุกเอ็นดูสาวเมืองกรุงออกนอกหน้านอกตาสั่งสาวใช้ให้ขึ้นไปข้างบนบ้าน สีหราชกลอกสายตามามองแว้บเดียว อยากส่ายหน้าเอือมระอาแต่ยังพอมีมารยาทอยู่บ้างจังทำได้แค่คิด
“สิงห์ทายาหรือยัง”
“ยังเลยครับ ปล่อยไว้เดี๋ยวก็หายเอง”
“ได้ไงจ๊ะ ต้องทายาสิ เดี๋ยวก่อนนอนแม่จะทำให้เอง”
“ขอบคุณครับ”
สาวใช้ที่ขึ้นไปข้างบนบ้านกลับลงมาพร้อมกับม่านไหม เข้ามาเลื่อนเก้าอี้ให้จากนั้นก็เริ่มตักข้าวสำหรับเจ้าบ้านและแขกสาว
“ขอโทษที่ทำให้รอนะคะ ไหมเผลอหลับซะสนิทเลย”
มือบอบบางกระพุ่มมือไหว้หญิงวัยกลางคนเลยผ่านมายังลูกชายของท่านทว่าเขาคนนั้นกลับเอาแต่อ่านหนังสือพิมพ์ไม่ได้หันมามองตนเองเลยสักเสี้ยว