ตอนที่ 1

2710 คำ
ณ บ้านธรรมรักษ์วาณิช “เมธา” นักธุรกิจเชื้อสายจีนกำลังพูดคุยกับแม่ของเขา ที่เข้ามาห้ามปรามไม่ให้เขาเดินทางไปอังกฤษเพื่อแสดงความยินดีกับลูกสาวคนเล็กของเขา ที่เกิดกับ”กุลมาศ”สาวใช้ภายในบ้านที่เขาหลงรักเธออย่างสุดหัวใจ แต่เธอได้เสียชีวิตไปเมื่อสิบปีก่อน เพราะถูกแม่ของเขาใช้งานอย่างหนักจนทำให้ป่วยเข้าโรงพยาบาลก่อนจะเสียชีวิตลงในที่สุด จึงทำให้”อัญริสา”เด็กเรียบร้อยอ่อนหวานที่กำลังโตขึ้น ต้องอยู่แบบโดดเดี่ยวและโดนลูกหลานในตระกูลกลั่นแกล้งต่างๆนาๆ ในเมื่อทุกคนไม่ยอมรับเธอให้เป็นลูกหลานในตระกูล จึงทำให้เขาต้องจำใจส่งอัญริสาไปอยู่อังกฤษเพียงลำพัง เพื่อที่เธอจะได้มีชีวิตที่ดีกว่าที่นี่ “แม่ไม่ให้แกไปหานังเด็กนั่นหรอกเมธา แค่แกส่งเสียมันเรียนจนจบถึงเมืองนอกเมืองนาก็ดีแค่ไหนแล้ว นี่ยังจะไปยินดีอะไรกับมันอีก ถ้าแกไปหาเด็กนั่น เมียแกแล้วก็ลูกๆของแกจะคิดยังไงห้ะ ที่แกไปสนใจใส่ใจแต่ลูกเมียน้อยน่ะ” อาเจิน ซึ่งเป็นแม่ของเมธาและเป็นผู้อวุฒิโสคนเดียวในบ้าน พูดออกมาอย่างไร้เยื้อใยกับลูกสาวของลูกชายคนนี้ ที่เกิดมากับสาวใช้ที่แอบลักลอบได้เสียกันจนมีตัวกลากินีมาประจานความน่าอับอายนี้ “แต่นั่นลูกสาวผมนะครับคุณแม่ เขาแทบจะไม่ได้อะไรจากผมเลย ต่างจากลูกๆของดวงรัตน์ที่ได้ทุกอย่างทั้งความรัก ความเอาใจใส่ และการยอมรับจากทุกคน พวกเขายังจะต้องคิดอะไรอีก ผมแค่อยากจะไปหาลูก อยากไปแสดงความยินดีกับเขาในฐานะพ่อบ้างก็เท่านั้น” เมธาพูดออกไปแบบจริงจัง เพราะเขาไปแสดงความยินดีกับลูกๆของเขาทุกคน แต่ทำไมพอถึงทีของอัญริสา แม่ของเขาถึงต้องทำถึงขนาดนี้ “ก็ใครบอกให้มันดันเกิดเป็นลูกของนังกุลมาศล่ะ รู้ทั้งรู้ว่าเขามีเมียแล้วก็ยังหน้าด้านมายั่วยวนจนมีมารหัวขนออกมาประจานตัวแกน่ะ แกกับมันอาจไม่อาย แต่ฉันกับดวงรัตน์แล้วก็ทุกคนน่ะอายจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ไหนแล้ว ที่ลูกชายหลับหูหลับตาไปเอาคนใช้ทำเมียอีกคนน่ะ ฉันอาย” อาเจินพูดด่าลูกชายออกไปอย่างอดไม่ได้ เมื่อเธอนึกถึงอดีตขึ้นมาแล้วก็โมโห เธออุตส่าห์หาเมียดีๆที่คู่ควรมาให้ แต่ลูกชายก็ไม่รักดี ไปเอาคนใช้มาทำเมียจนได้ “คุณแม่คะ ใจเย็นๆเถอะค่ะ ส่วนคุณเมธา คุณก็ไม่ต้องไปสิคะ แค่ส่งดอกไม้ไปให้ก็พอ ลูกสาวคุณมันก็ไม่ว่าอะไรคุณหรอก ร้อยวันพันปีคุณกับเด็กนั่นก็แทบจะไม่ได้เจอกันอยู่แล้ว คุณไปหรือไม่ไป มันไม่สำคัญหรอกค่ะ” ดวงรันต์พูดบอกสามีออกไป เพื่อห้ามไม่ให้เขาไปหายัยเด็กนอกคอกนั่นอีกคน “จริงค่ะ อีกอย่างถ้าคุณพ่อไปหายัยอันนาที่อังกฤษ แล้วงานวันเกิดของธารินล่ะคะ คุณพ่อจะไม่อยู่เหรอคะ คุณพ่อจะรักลูกเมียน้อยมากกว่าธารินเหรอคะ” ธารินลูกสาวคนที่สามวัยสี่สิบแปดปีพูดออกไปแบบไม่ยอม เพราะเธอจะไม่มีวันยอมให้พ่อของเธอรักอีลูกเมียน้อยนั่นมากกว่าเด็ดขาด “เฮ้อ ผมล่ะเบื่อพ่อจริงๆ จะสนใจมันอะไรนักหนา จะทำอะไรก็ทำเถอะ ผมไปนะ ไม่มีเวลามาฟังเรื่องไร้สาระแบบนี้หรอก” ธีทัต ลูกชายคนที่สองวัยสามสิบปีพูดออกไป พร้อมกับลุกขึ้นแล้วเดินออกไปกลางวงสนทนานั้น เพราะเขาเบื่อที่จะฟังเรื่องของอัญริสาแล้ว ขนาดไม่อยู่ที่นี่มาสิบปี แต่ก็ยังตามมาหลอกหลอนทำให้ทุกคนทะเลาะกันได้จนถึงทุกวันนี้ได้ แค่คิดเขาก็เอือมแล้ว ส่วนธาดา ลูกชายคนแรกของเมธาในวันสามสิบสองปีก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา และนั่งฟังแบบเงียบๆ เพราะเข้าใจสถานการณ์ของบ้านนี้ที่มีต่ออัญริสาเป็นอย่างดี จึงเลือกที่จะนั่งนิ่งๆและดูบทสรุปต่อไป “เห็นไหมเมธา ทั้งเมียและลูกของแก มีใครอยากจะให้แกไปบ้าง แกตัดยัยเด็กนั่นมันออกไปจากชีวิตของครอบครัวเราไปแล้ว แกก็อย่าไปสนใจเลย ปล่อยเด็กนั่นไปซะ แล้วก็อยู่ฉลองวันเกิดให้ธารินซะ แม่จะไม่พูดมากแล้ว นี่เป็นคำสั่ง” อาเจินพูดบอกไปเสียงเข้ม พร้อมกับใช้สายตามองไปที่ลูกชายคนโตของเธออย่างโมโห ก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินออกไป “คิดให้ดีๆนะคะคุณพ่อ จะเลือกหนูหรือว่ายัยลูกนอกคอกนั่น ไปเถอะค่ะคุณแม่ หนูไม่อยากจะเห็นหน้าคุณพ่อแล้ว เราตามอาม่าไปกันเถอะค่ะ” ธารินพูดออกไปแล้วชวนแม่ของเธอให้ตามย่าของเธอออกไป เพราะตอนนี้คงไม่มีใครอยากจะคุยกับพ่อของเธอหรอก “พ่อขอโทษนะอันนา พ่อคงไม่ได้ไปหาลูกแล้ว...” เมธาพูดออกมาด้วยสีหน้าเศร้าๆ ที่ไม่สามารถไปหาลูกสาวคนเล็กได้ ทำไมนะ ทำไมเขาต้องเกิดมาในตระกูลนี้ด้วย ไม่อย่างนั้นลูกสาวของเขาก็ไม่ต้องเจอเรื่องแบบนี้ “เดี๋ยวผมไปหาอันนาที่อังกฤษเองครับพ่อ ในเมื่ออาม่าแล้วก็ทุกคนไม่ให้พ่อไป ผมในฐานะพี่ชายของอันนา ผมจะไปแสดงความยินดีกับน้องสาวของผมเองครับ พ่อไม่ต้องห่วงนะครับ ผมจะไปหาน้องเอง” ธาดาพูดบอกไปแล้วมองผู้เป็นพ่ออย่างสงสารที่ไม่สามารถทำอะไรตามใจตัวเองได้ แม้กระทั่งจะไปหาอัญริสาหรือเปิดเผยว่าเธอเป็นลูกอีกคนก็ยังทำไม่ได้ “ลูกพูดจริงเหรอธาดา ลูกจะไปหาน้องแทนพ่อจริงๆใช่ไหม” เมธาหันมามองลูกชายคนโตอย่างมีความหวัง เพราะธาดาเป็นเพียงคนเดียวที่ยอมรับอัญริสา เขาจึงรู้สึกมีหวังขึ้นมานิดๆว่าถ้าเขาเป็นอะไรไป ธาดาจะไม่มีวันทิ้งอัญริสา “ครับพ่อ ผมจะอ้างว่ามีงานที่อังกฤษ อาม่ากับคุณแม่ท่านไม่ยุ่งเรื่องงานอยู่แล้ว ยังไงก็ไม่มีใครรู้หรอกครับ พ่ออยากให้ผมเอาอะไรไปให้น้องก็เตรียมไว้ก็แล้วกันนะครับ แล้วเดี๋ยวผมจะให้เลขาจัดหาตั๋วเครื่องบินไปอังกฤษ” ธาดาพูดบอกไปแบบนิ่งๆ ก่อนจะยิ้มให้ผู้เป็นพ่อไปแบบรักใคร่ เพราะท่านก็ทุกข์ใจกับการไม่ได้ดูแลอัญริสามามากพอแล้ว อะไรที่เขาทำให้ท่านมีความสุขได้เขาก็อยากทำ “ขอบใจนะธาดา พ่อไม่เคยผิดหวังในตัวลูกเลย ขอบคุณที่รักและเอ็นดูน้องนะลูก” เมธาเข้าไปกอดลูกชายอย่างซาบซึ้งใจ จนธาดายิ้มออกมาแล้วกอดพ่อของเขาตอบ “ขอบคุณทำไมครับ อันนาก็น้องของผม ผมก็ต้องรักและเอ็นดูเขาอยู่แล้ว พ่อไม่ต้องคิดมากนะครับ” ธาดาบอกไปก็ยิ้ม เพราะเขาเป็นคนเดียวที่ไม่ได้เกียจชังอัญริสาเหมือนกับพี่น้องคนอื่นๆ กลับกัน เขาออกจะสงสารเธอด้วยซ้ำที่ถูกทุกคนกลั่นแกล้งและผลักไสอย่างนั้น พอเขาโตพอที่จะไปเรียนต่อ มันจึงทำให้เขาเลือกที่จะไปเรียนต่อที่อังกฤษ เพื่อที่จะได้ไปดูแลอัญริสาในฐานะพี่ชายบ้าง อย่างน้อยก็ให้เธอรับรู้ว่าเธอก็ยังมีเขาที่รักและห่วงเธอด้วยใจจริง สองอาทิตย์ต่อมา ณ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ “อัญริสา สกุลเกียรติ” สาวน้อยหน้าคมที่ถูกครอบครัวส่งตัวมาอยู่ที่อังกฤษตั้งแต่อายุสิบห้าปี เพื่อตัดปัญหาลูกเมียหลวงเมียน้อยที่ทำให้อัญริสาถูกกลั่นแกล้งต่างๆนาๆจากบรรดาลูกหลานของตระกูลธรรมรักษ์วาณิช จนตอนนี้ผ่านไปสิบปี อัญริสาก็โตเป็นสาวสวยที่มีความสามารถและเสน่ห์ดึงดูดอย่างน่าหลงใหล พร้อมกับเรียนจบปริญญาโทด้านการบริหารธุรกิจอีกด้วย  “แคว่ก....” เสียงกางเกงรัดรูปของอัญริสาฉีกตั้งแต่เป้ากางเกงจนถึงก้นงอนใหญ่ของเธอ ทำให้เธอตกใจเป็นอย่างมากกับการที่ต้องเจอเหตุการณ์แบบนี้ ในวันที่เธอจะจบการศึกษาอย่างเป็นทางการ “แก กางเกงฉันขาดอ่ะ ทำไงดีอ่ะ” อันนาพูดไปแล้วทำหน้าตาตื่น แล้วก้มลงมองดูเป้ากางเกงขาดๆอย่างอายๆ ถึงแม้จะมีชุดคลุมอยู่แต่เธอก็รู้สึกไม่มั่นใจอยู่ดี เพราะเดี๋ยวต้องขึ้นไปรับใบประกาศสินียบัตรจบการศึกษาแล้ว เธอจะให้ใครเห็นไม่ได้ “อันนา แกจะมาชุดขาดอะไรตอนนี้เนี่ย ฉันบอกแกแล้วว่าอย่ากินเยอะ ดูสิ ขนาดกางเกงที่แกใส่ประจำยังรับไม่ไหวเลย เฮ้อ อ่ะ นี่กุญแจรถฉัน ฉันมีชุดอยู่ที่รถนิดหน่อย แกรีบไปเปลี่ยนเลยนะ ใส่ยัดๆมาก่อนก็ได้ ฉันจะยืนจองคิวให้” มิเกล สาวลูกครึ่งไทย-ญี่ปุ่นพูดกับเพื่อนสาวคนสนิทไปแบบบ่นๆ เพราะตอนนี้อัญริสาอวบอ้วนมากจนน้ำหนักปาเข้าไปที่เจ็ดสิบแล้ว เธอห้ามยังไงเพื่อนสาวก็ไม่ฟังเอาแต่กินๆ จนตอนนี้เสื้อผ้าที่ใส่ก็เริ่มขยายหมดไซส์แล้ว “ฮ่าๆ บอกแล้วว่าอ้วนขึ้น แกก็ยังจะข่มขืนกางเกงตัวนี้ใส่มาให้ได้ เป็นไงล่ะเป้าแตกจนได้ ฮ่าๆ ” แดเนียล หนุ่มลูกครึ่งไทย-อเมริกา เพื่อนผู้ชายคนเดียวในกลุ่มพูดออกไปอย่างขำๆ เพราะหลังๆมานี้เขาเริ่มจะชินกับความอวบอ้วนจ้ำม่ำของอัญริสาแล้วล่ะ เพราะสำหรับเขาที่เป็นผู้ชายแล้ว เขาคิดว่าอัญริสาดูอวบอิ่มไม่ได้อ้วนมากเท่าไหร่ อาจเป็นเพราะเธอสูงถึงร้อยเจ็ดสิบกว่า มันจึงทำให้เธอดูไม่อ้วน ออกจะสวยกว่าตอนผอมด้วยซ้ำไป “เพี๊ยะ ไอ้แดเนียล มันใช่เวลามาแซวฉันไหมห้ะ หุบปากแกไปเลยนะ ขอบใจนะมิเกล งั้นฉันไปเปลี่ยนก่อนนะแก เดี๋ยวฉันมา” อัญริสาต่อว่าเพื่อนหนุ่มแล้ว ก็หันไปพูดกับมิเกวต่อ ก่อนจะเอาชุดมาคลุมด้านหน้าของเธอ พร้อมกับรีบวิ่งไปที่รถของมิเกลที่จอดอยู่ด้านนอกที่เธออาศัยนั่งมาด้วยเมื่อเช้าทันที “อืม รีบไปเถอะ” มิเกลบอกไป ก็มองเพื่อนสาววิ่งออกไปแบบเป็นห่วงว่าจะกลับมาไม่ทัน เธอก็ถอนหายใจออกมา ก่อนจะบ่นออกไปว่า “ฉันว่าฉันต้องพายัยอันนามันไปวิ่งลดความอ้วนหน่อยละ ก่อนที่มันจะขยายไซส์ไปใส่สองเอ็กซ์เอล” มิเกลพูดไปแบบห่วงเพื่อนสาว “หึๆ เชื่อสิว่าอันนาไม่ไปหรอกและมันจะเป็นสิ่งสุดท้ายที่อันนาจะทำด้วย ฉันเอาหัวเป็นประกันเลย อีกอย่างนี่ก็แค่อวบระยะสุดท้ายเอง หุ่นแบบนี้เขากำลังฮิต ไม่ต้องลดแล้ว....” แดเนียลพูดบอกไป เพราะสาวๆหุ่นอวบๆกำลังมาแรงในหมู่หนุ่มๆวัยเขา “แกคงไม่ได้คิดไม่ซื่อกับยัยอันนาหรอกนะแดเนียล” มิเกลมองหน้าเพื่อนหนุ่มแล้วทำสายตาหลี่มองแบบจับผิด “บ้าสิ ฉันจะชอบอันนาได้ยังไงล่ะ เป็นเพื่อนกันนะโว๊ย ถ้าฉันจะชอบ ฉันก็ชอบไปนานแล้วสิวะ ฉันแค่คิดว่าถ้าอันนาทำอะไรแล้วมีความสุขก็ให้อันนาทำเถอะ จะกินอะไรก็กินไม่ต้องห่วงสวยเพราะต่อให้อวบหรืออ้วนแค่ไหน ยังไงเราก็เป็นเพื่อนอันนาอยู่ดี” แดเนียลพูดไปก็ยักไหล่ไปแบบไม่แคร์ ว่าเพื่อนจะอ้วนหรือไม่ ยังไงเขาก็มองเพื่อนว่าน่ารักอยู่ดี “อืมก็จริงของแกว่ะ งั้นก็ให้สวยแบบอวบอ้วนเนี่ยก็น่ารักดีเนอะ งั้นฉันก็ไม่ลดละ อ้วนไปกับอันนามันเลยละกัน ฮ่าๆ” มิเกลพูดบอกไปแบบขำๆ เพราะเธอเป็นคนที่กินเท่าไหร่ก็ไม่อ้วน มันจึงทำให้เธอไม่เคยมีปัญหาในเรื่องนี้ “หึๆ เอาที่แกสบายใจเถอะมิเกล” แดเนียลพูดไปก็ยิ้มแบบขำๆ กับเรื่องที่เป็นไปได้ยากมากที่จะทำให้คนอย่างมิเกลอ้วนขึ้นได้ เพราะเธอกินจุที่สุดในกลุ่ม แต่อาหารกลับไม่มีผลใดๆทำให้ร่างกายของเธออวบอ้วนขึ้นมาได้เลย ด้านอัญริสาพอเดินมาถึงรถของเพื่อนสาวก็ถึงกับมองแบบหัวเสียทันที เพราะรถของมิเกลเป็นรถสปอร์ตรุ่นคลาดสสิคที่ไม่มีหลังคารถเลย แล้วนี่เธอจะเปลี่ยนชุดยังไงล่ะ อัญริสาถอนหายใจออกมาแล้วเดินไปเปิดกระโปรงหลังรถเพื่อหากางเกงหรือกระโปรงที่เธอพอจะยัดของมิเกลได้ “โอ้มายก๊อต ยัยมิเกล แกทำให้ฉันรู้สึกอยากจะลดความอ้วนเลยเนี่ย แกเอาเศษผ้าพวกนี้ใส่เข้าไปได้ยังไงเนี่ย” อัญริสาพูดบ่นออกมา แล้วก็หยิบชุดในถุงของเพื่อนสาวขึ้นมาดูแบบอึ้งๆ ที่มันทั้งเล็กและรัดรูปสุดๆ จนเธอต้องค้นหาตัวอื่นทันที จนเธอไปเจอกับกางเกงออกกำลังกายสีดำของเพื่อนสาว ที่มันพอจะยืดได้บ้างขึ้นมาอย่างเลี่ยงไม่ได้ “เอาวะ เปลี่ยนมันตรงนี้เลยละกัน คงไม่มีใครมาหรอกมั้ง” อัญริสาพูดออกไป แล้วมองไปรอบๆที่ไม่มีคนเดินผ่านแถวนี้แล้ว เพราะรถจอดที่ขอบข้างถนนอยู่ เธอก็เดินไปมองแล้วไม่เห็นใคร เธอก็เลยเอาชุดคลุมออก แล้วพาดไว้ที่รถ ก่อนจะจัดการถอดกางเกงที่เป้าขาดลงมา ด้าน “คาเมรอน พอลสัน” หนุ่มหล่อนันต์ตาสีฟ้าครามที่ทำให้สาวๆหลายๆคนหลงใหล กำลังลงจากรถที่มาจอดเทียบที่ริมถนนก็ลงจากรถมา แล้วก็ต้องอึ้ง เมื่อเจอกับก้นอวบๆและเรียวขาสีแทนสกรีนๆของสาวคนหนึ่งที่บ้าบิ่นมาถอดกางเกงอยู่ที่ข้างรถแบบนี้ เขาจึงทำได้เพียงยืนมองแบบเงียบๆ เพราะถ้าจะเดินออกไปตอนนี้ เธอก็คงจะอายน่าดู “แม่ง อะไรวะเนี่ย” คาเมรอนคิดในใจไปแบบอึ้งๆ ก่อนจะโลมเลียริมฝีปากที่แห้งผากกับภาพตรงหน้า นี่เขาตั้งใจจะมาแสดงความยินดีกับลูกพี่ลูกน้องของเขานะ ไม่ได้จะมาดูก้นของผู้หญิงแบบนี้ แล้วดูสิ ผู้หญิงคนนี้ดูอวบอัดทั้งก้นและขาแบบน่าจับมาขย้ำจริงๆ “อย่าพึ่งมีใครมานะ ขอร้องล่ะ” อัญริสาที่กำลังรีบเปลี่ยนกางเกงก็ภาวนาในใจว่าอย่าให้มีใครผ่านมาตอนนี้ ก่อนจะรีบใส่กางเกงออกกำลังกายของเพื่อนสาวไปแบบยัดเยียดอีกครั้ง  พอเสร็จเธอก็หายใจแบบโล่งอก แต่พอหันมาเจอผู้ชายฝรั่งหน้าตาหล่อเหลายืนมองเธออยู่ข้างรถที่จอดสองคันถัดไปจากรถของเพื่อนเธอ ก็ทำตาโตแบบตกใจแล้วคิดว่าเขาคงไม่เห็นอะไรใช่ไหม ไม่สิ มายืนมองแบบนี้ มันต้องเห็นสิ ไอ้ฝรั่งลามก อัญริสาคิดในใจไปแบบกังวล
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม