ฉันจำใจต้องชงกาแฟไปให้คุณเหนือตามคำสั่ง ไม่คิดว่าเขาจะยังอยู่ที่บริษัท แถมตอนนี้ก็ไม่มีใคร ฝนก็ยังตกหนัก ทำไมต้องเป็นแบบนี้ด้วยนะ
หลังจากชงกาแฟเสร็จฉันก็ถือแก้วอย่างระมัดระวังไปยังห้องทำงานของคุณเหนือ เมื่อถึงที่หน้าประตูห้องทำงานของผู้บริหารก็ไม่ลืมที่จะเคาะประตูตามมารยาท แต่กลับไร้เสียงตอบรับจากคนด้านใน ฉันจึงเปิดประตูเข้าไป
ภายในห้องมีควรจางๆ ของบุหรี่ลอยคลุ้งพร้อมกับกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ของบุหรี่ลอยมาเตะจมูก ทำไมถึงมาสูบบุหรี่ในห้องทำงานแบบนี้กันนะ
ฉันเอาแก้วกาแฟวางลงบนโต๊ะทำงานตรงหน้าของคุณเหนือ ก่อนจะบอกเขา “ขะ ขอตัวก่อนนะคะ”
“อยู่กับฉันสองต่อสองทีไร ทำไมเธอถึงดูรีบร้อนอยากจะหนีหน้าจังหื้ม ?” น้ำเสียงของเขา สายตาของเขา มันทำให้ฉันรู้สึกไม่ค่อยปลอดภัยสักเท่าไหร่เลย
“กะ ก็หมดธุระแล้วนี่คะ จะให้รินอยู่ต่อทำไม…”
“นั่นสิ! อยู่ต่อทำไม ?”
“คุณเหนือคะ อย่าทำให้รินลำบากใจไปมากกว่านี้เลยค่ะ” ฉันลอบถอนหายใจออกมาเบาๆ รู้ดีว่าการขัดความต้องการของผู้ชายตรงหน้าคงทำให้เขาไม่พอใจ แถมเขายังเป็นเจ้าของบริษัทที่จ่ายเงินให้ฉันทุกเดือนอีกต่างหาก
แต่ฉันไม่อยากให้เขามองฉันเป็นอื่น อยากให้เขามองฉันเพียงแค่พนักงานคนหนึ่งเท่านั้น…
คุณเหนือเอามวลบุหรี่ที่นิ้วคีบอยู่จิ้มลงถาดเขี่ยบุหรี่ จากนั้นเขาก็ตวัดสายตาขึ้นมามองใบหน้าของฉัน สายตาเย็นชาคู่นั้นมันทำให้ฉันรู้สึกวูบไหวอย่างบอกไม่ถูก
“น้องสาวเธอเป็นยังไงบ้าง”
“…คะ ?” ฉันขมวดคิ้วเป็นปมเมื่อได้ยินคุณเหนือพูดออกมาแบบนี้
“น้องสาวเธอป่วยรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลไม่ใช่หรือไง”
“…..” ขะ เขารู้ได้ยังไง
“แปลกใจที่ฉันรู้ ?” พอเห็นว่าฉันเงียบไปคุณเหนือเลยถามขึ้นมา แต่ฉันไม่ได้ตอบอะไรกลับไปเอาแต่เงียบ
“ถ้าฉันสนใจผู้หญิงคนไหน ฉันต้องรู้ทุกเรื่อง ทุกอย่างที่เกี่ยวกับผู้หญิงคนนั้น…”
“…..” ดูเหมือนว่าเขาจะน่ากลัวขึ้นทุกวันจริงๆ ถึงขนาดตามสืบเรื่องราวของฉัน เกิดมาเพิ่งเคยเจอแบบนี้
“ฉันสามารถช่วยเธอได้นะ…”
บรรยากาศภายในห้องตอนนี้มันอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก ฉันเหลือบตามองที่หน้าต่างบานใหญ่ เห็นว่าตอนนี้ฝนหยุดแล้ว
“ฝนหยุดแล้ว ขะ ขอตัวก่อนนะคะ”
ฉันหมุนตัวหันหลังแล้วรีบเดินไปเปิดประตูออกจากห้องทำงานของคุณเหนือ และนี่เป็นครั้งแรกที่ฉันกล้าเดินออกมาทั้งที่เขาไม่ได้อนุญาต
ฉันรีบเก็บกระเป๋าแล้วลงมาจากตึกของบริษัท ก่อนจะเรียกแท็กซี่ให้ไปส่งที่โรงพยาบาล
#โรงพยาบาล
ฉันกำลังจะเดินไปเยี่ยมน้องสาว แต่เจอคุณหมอที่รักษาอาการป่วยของนาลินพอดี แถมคุณหมอยังเรียกให้ฉันตามมาที่ห้องทำงาน
“คุณวารินเจอตัวพอดีช่วยตามผมมาที่ห้องทำงานสักครู่นะครับ ผมมีเรื่องสำคัญจะคุยกับคุณ”
ฉันค่อนข้างแปลกใจนิดหน่อย ระหว่างที่เดินตามคุณหมอไปก็คิดไปด้วยว่ามีเรื่องอะไร ภาวนาขอให้เป็นข่าวดี
#ภายในห้องทำงานของคุณหมอ
“มีอะไรหรือเปล่าคะ” ฉันถามคุณหมอ ซึ่งในตอนนี้สีหน้าของคุณหมอดูลำบากใจที่จะพูดพอสมควร ทำให้ฉันเริ่มรู้สึกใจคอไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่
คุณหมอถอนหายใจออกมาเบาๆ แล้วพูด “ตอนนี้อาการของน้องสาวคุณค่อนข้างน่าเป็นห่วงมากนะครับ”
“…..” ฉันจิกเล็บลงบนฝ่ามือของตัวเองเพื่อเป็นการระบายความรู้สึกที่มันจุกแน่นไปทั้งอก หลังจากที่ได้ยินคุณหมอบอกมาแบบนั้น
“ทีมแพทย์ของเรายังไม่มีหมอที่เชี่ยวชาญทางโรคที่น้องสาวของคุณเป็น หมอแนะนำให้ส่งตัวไปรักษาที่อังกฤษนะครับ เพราะที่นั่นมีทีมแพทย์ที่เชี่ยวชาญ”
“ส่งตัวไปรักษาที่ อะ อังกฤษอย่างนั้นหรอคะ”
“ใช่ครับ เรื่องค่าใช้จ่ายก็จะค่อนข้างสูง แต่หมอรับประกันได้ว่าน้องสาวของคุณต้องหายดีแน่ๆ”
“คะ ค่ารักษาจะประมาณเท่าไหร่คะหากรินต้องส่งตัวน้องไปรักษาที่อังกฤษ”
“ประมาณสามล้านครับ”
“สะ สามล้านหรอคะ…”
หัวใจดวงน้อยของฉันมันเหมือนกำลังมีคนกำและค่อยๆ บีบรัดจนแน่น เงินตั้งสามล้านฉันจะหามาได้ยังไง ลำพังแค่เงินเดือนยังแทบไม่พอใช้จ่ายเลย